รวมรถยนต์ 5 ประตู 2021 รถยนต์ที่มีความโดดเด่นในเรื่องพื้นที่เก็บสัมภาระ จะมีรุ่นใด และยี่ห้อไหนน่าสนใจบ้างไปติดตามกัน
รถยนต์ 5 ประตู ถือเป็นรถยนต์ประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ด้วยความโดดเด่นในเรื่องของการเป็นรถอเนกประสงค์ที่สามารถจุของหรือเพิ่มพื้นที่สัมภาระได้มากกว่ารถยนต์เก๋งทั่วไป รวมถึงมีดีไซน์ที่สวยงาม รถยนต์ 5 ประตูจึงกลายเป็นทางเลือกในลำดับต้น ๆ สำหรับคนที่กำลังมองหารถยนต์ไว้ใช้งานและมีพื้นที่เก็บสัมภาระได้จุใจ
ด้วยความที่ห้องโดยสารกับพื้นที่เก็บสัมภาระเชื่อมต่อถึงกันนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายเวลาต้องการหยิบของต่าง ๆ มาใช้งานแล้ว ยังสามารถพับเบาะที่นั่งด้านหลังทำให้มีพื้นที่ในการขนสัมภาระได้มากกว่าเดิม โดยเฉพาะสิ่งของที่มีขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันรถยนต์ 5 ประตู มีอยู่มากกมายหลายประเภทด้วยกัน ได้แก่ รถ SUV, รถ Crossover รถ Stationwagon และรถ Citycar ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวมรุ่นที่น่าสนใจ และมีขายในเมืองไทยมาฝากเพื่อน ๆ กันแล้ว
1. Honda City Hatchback e:HEV 2021
รถยนต์ 5 ประตู รุ่นใหม่ มาพร้อมกับรูปลักษณ์สปอร์ตและโฉบเฉี่ยว ด้วยชุดแต่ง RS รอบคัน ไฟหน้า-ไฟท้ายเป็นแบบ LED ล้ออัลลอยสีดำขนาด 16 นิ้ว ภายในห้องโดยสารถูกปรับให้กว้างขวาง เบาะนั่งแบบอัลตร้าซีต (ULTR) ที่สามารถแยกพับแบบ 60:40
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว, ระบบเครื่องเสียงวิทยุหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay พร้อม Google Maps ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ และช่องปรับอากาศตอนหลัง พร้อมช่องจ่ายไฟสำรอง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Remote Engine Start)
Honda City Hatchback e:HEV 2021 ใช้เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร DOHCi-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ที่ให้กำลัง 98 แรงม้า ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 109 แรงม้า ตอบสนองทันใจด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ E-CVT
- Honda City Hatchback e:HEV 2021 ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 849,000 บาท
2. Honda Civic Hatchback Turbo RS
รถยนต์ 5 ประตูอีกหนึ่งรุ่นที่พัฒนาต่อยอดมาจากรถยนต์ซีดาน Honda Civic Hatchback Turbo RS มาพร้อมดีไซน์ตัวรถที่มีความสปอร์ตรอบคัน กันชนหน้าเป็กเอกลักษณ์เฉพาะตัวของรุ่น 5 ประตู ไฟท้ายเป็นแบบ LED รูปทรงตัว C ลากยาวขึ้นไปจรดกับสปอยเลอร์สีดำ กันชนด้านหลังทรงตะแกรงสีดำขนาดใหญ่ ท่อไอเสียแบบคู่ และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารกว้างขวางเน้นตกแต่งด้วยโทนสีดำเป็นหลัก สามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ 5 ที่นั่ง เบาะนั่งฝั่งผู้ขับสามารถปรับแบบไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง ฝั่งผู้โดยสารปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งด้านหลังสามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 ได้เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ
Honda Civic Hatchback Turbo RS มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร DOHC 4 สูบ ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร ที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT
- Honda Civic Hatchback รุ่น S Plus ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 599,000 บาท
- Honda Civic Hatchback รุ่น SV ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 675,000 บาท
- Honda Civic Hatchback รุ่น Turbo RS ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 749,000 บาท
3. Honda HR-V
รถยนต์ Crossover รุ่นฮิตจากค่ายปีกนก รถยนต์ 5 ประตูที่มาพร้อมกับดีไซน์โฉบเฉี่ยวและทันสมัย Honda HR-V โฉมปัจจุบันมีการเพิ่มการตกแต่งภายในห้องโดยสารด้วยสีใหม่เพิ่มความรู้สึกพรีเมียม ไฟหน้าแบบ Full LED พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED กระจังหน้าแบบใหม่ กันชนหน้า-หลังสไตล์สปอร์ต แป้นเหยียบคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 17 นิ้วแบบสปอร์ต
ภายในห้องโดยสาร Honda HR-V ตกแต่งด้วยโทนสีดำ, สีไอวอรี่/ดำและสีแดงออกซ์บลัด ตามแต่รุ่นย่อยที่เลือก ติดตั้งเบาะนั่งอเนกประสงค์ที่สามารถปรับพับได้ 3 รูปแบบ รองรับการขนย้ายสัมภาระที่หลากหลายในทุกรูปแบบและยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีต่าง ๆ แบบครบครัน เช่น ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch), ระบบเตือนและช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ (City Brake Active System) และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
Honda HR-V ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุด 172 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ CVT รองรับพลังงานทางเลือก E85
- Honda HR-V รุ่น E ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 949,000 บาท
- Honda HR-V รุ่น EL ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,059,000 บาท
- Honda HR-V รุ่น RS ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,159,000 บาท
4. Mazda 2
รถยนต์ 5 ประตูอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนให้ความสนใจ Mazda 2 Hatchback 5 ประตู เป็นรถยนต์ขนาดเล็กเหมาะสำหรับขับขี่ในเมืองมีความคล่องตัว สะดวกสบาย และสามารถเก็บสัมภาระได้จำนวนมาก ตัวรถมีดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่าย แต่ให้ความหรูหรา ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED เปิด-ปิดอัตโนมัติ พร้อมระบบปรับระดับไฟหน้า สูง-ต่ำ อัตโนมัติ Auto Levelling ไฟท้าย LED กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน Acoustic Glass
ภายในห้องโดยสารของ Mazda 2 เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีเทา สลับหนังกลับ Grand Luxe Suede เบาะด้านหลังสามารถแยกพับอิสระ 60:40 หน้าจอแสดงผลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า Head-up Display แบบสี ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และยังมีระบบความบันเทิงครบครัน หน้าจอกลางแบบสี ขนาด 7 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth ระบบสั่งงานด้วยเสียง Voice Recognition และ สวิตซ์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
Mazda 2 มาพร้อมเครื่องยนต์ให้เลือกใช้งาน 2 แบบด้วยกัน เครื่องยนต์ดีเซล Skyactiv-D ความจุ 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 105 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และเครื่องยนต์เบนซิน Skyactiv-D ความจุ 1.3 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 93 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 123 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมด Sport
- Mazda 2 รุ่น 1.3 E Sports ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 546,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น 1.3 C Sports ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 596,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น 1.3 S Sports ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 627,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น 1.3 S Sports Leather ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 648,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น 1.3 S Sports ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 690,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น 1.3 XD Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 782,000 บาท
- Mazda 2 รุ่น 1.3 XDL Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 799,000 บาท
5. Mazda 3
รถยนต์ 5 ประตูที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์สุดสปอร์ต เส้นสายตัวรถออกแบบได้อย่างเรียบง่ายแต่หรูหรา ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำ อัตโนมัติ Auto Leveling พร้อมระบบเปิด-ปิด อัตโนมัติ และไฟท้ายเป็นแบบ LED กระจกมองข้างปรับมุมต่ำลงอัตโนมัติ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง ท่อไอเสียคู่แบบสปอร์ต
ภายในห้องโดยสารของ Mazda 3 ได้รับการออกแบบโดยยึดหลักมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลางเบาะนั่งออกแบบให้กระชับกับสรีระ เบาะนั่งคนขับสามารถปรับด้วยระบบไฟฟ้าได้ 10 ทิศทาง แผงหน้าปัดและมาตรวัดดิจิตอล หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้า ระบบความบันเทิงหน้าจอสีแบบ Widescreen ขนาด 8.8 นิ้ว ควบคุมด้วยปุ่มควบคุมอัจฉริยะ Center Commander พร้อมระบบเสียงคุณภาพจาก Bose นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ให้มาแบบจัดเต็ม เช่น ระบบควบคุมความเร็วและพวงมาลัยตามรถคันหน้า (Cruising & Traffic Support), ระบบเตือนการชนด้านหน้าและช่วยเบรกอัตโนมัติ (Advanced Smart Brake Support), ระบบช่วยหยุดรถเมื่อมีรถอยู่ในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (Smart Brake Support-Reverse Crossing) และ ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติที่สามารถตรวจจับวัตถุในวงกว้างและสูงขึ้น (Smart Brakde Support-Reverse)
Mazda 3 มาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์ Skyactiv-G 2.0 ลิตร DOHC 4 สูบ 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 213 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ ส่งกำลังด้วยเกียร์ อัตโนมัติ Skyactiv-Drive 6 สปีด พร้อมแมนนวลโหมด Activematic
- Mazda 3 รุ่น Fastback 2.0 C Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 969,000 บาท
- Mazda 3 รุ่น Fastback 2.0 S Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,069,000 บาท
- Mazda 3 รุ่น Fastback 2.0 SP Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,198,000 บาท
6. Mazda CX-30
รถยนต์ 5 ประตูดีไซน์สปอร์ต ทันสมัย Mazda CX-30 มาพร้อมกับรูปทรงที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง Mazda CX-3 และ Mazda CX-5 ที่ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป เส้นสายตัวรถเรียบง่าย หรูหรามีระดับ ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้งาน ไฟหน้า Projector Lens แบบ LED ระบบไฟหน้า เปิด-ปิด แบบอัตโนมัติ ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำ แบบอัตโนมัติ ไฟ Daytime Running Light แบบ LED ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร Mazda CX-30 ตกตแต่งด้วยโทนสีดำตัดกับสีเงินโครเมียม เบาะนั่งหุ้มด้วยหนังสีดำ เบาะนั่งด้านหลังพับแยกอิสระ 60:40 พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังพร้อมปรับได้ 4 ทิศทาง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ Dual Zone แยกอิสระซ้าย-ขวา ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบเบรกมือไฟฟ้า Electronic Parking Brake ระบบกุญแจ Smart Keyless Entry มาตรวัดแบบกึ่งดิจิตอล และหน้าจอแสดงข้อมูลบนกระจกบังลมหน้า Active Driving Head-up Display หน้าจอความบันเทิงขนาด 8.8 นิ้ว
นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยที่ใส่มาให้แบบจัดเต็ม ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS), ระบบกระจายแรงเบรก (EBD), ระบบเสริมแรงเบรก (BA), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และ ลื่นไถล (TCS), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HLA), ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (ABSM), ระบบเตือนเมื่อมีรถในมุมอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA), ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง G-Vectoring Control แบบ PLUS, ระบบสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (ESS), ระบบไฟหน้าอัจฉริยะ Adaptive LED Headlamps (ALH) และ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Mazda Radar Cruise Control)
Mazda CX-30 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 165 แรงม้า ที่ 6,000 รตน. แรงบิดสูงสุด 21.7 กก.-ม. ที่ 4,000 รตน. เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ บลอคเดียวกับ Mazda 3 เป็นเครื่องยนต์ Skyactiv-G ที่ได้รับการปรับปรุงท่อไอดี และรูปทรงของลูกสูบที่เหมาะสม ระบบการฉีดน้ำมัน และวาล์วควบคุมน้ำหล่อเย็น
- Mazda CX-30 รุ่น 2.0 C 6 AT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 989,000 บาท
- Mazda CX-30 รุ่น 2.0 S 6 AT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,099,000 บาท
- Mazda CX-30 รุ่น 2.0 SP 6 AT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,199,000 บาท
7. Toyota Yaris
Toyota Yaris รถยนต์ 5 ประตูยอดฮิตที่ยังคงได้รับความนิยมมาพร้อมกระจังหน้าสีดำแบบ Mesh ดีไซน์สปอร์ต ไฟหน้า LED แบบมัลติรีเฟลกเตอร์ มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ และระบบ follow-me-home สามารถเปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อเข้าสู่ที่ที่มีแสงสว่างน้อย และปิดเองอัตโนมัติเมื่อกลับมาในที่ที่มีแสงสว่าง ล้ออัลลอยสีทูโทนขนาด 15 นิ้ว
Toyota Yaris ดีไซน์ภายในตกแต่งด้วยวัสดุสีดำ เบาะหนังและหนังสังเคราะห์ เบาะนั่งคู่หน้าสีดำทรงสปอร์ต เบาะหลังแยกพับได้ 60:40 มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว หน้าจอสัมผัสที่คอนโซลกลางขนาด 6.7 นิ้วรองรับ Apple CarPlay กระจกมองหลังปรับลดแสงอัตโนมัติ ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ Smart Entry และระบบสตาร์ทอัจฉริยะ Push Start นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยอย่าง ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-Collision System, ระบบแจ้งเตือนเมื่อรถออกนอกเลน Lane Departure Alert และกล้องบันทึกภาพหน้า-หลัง บันทึกภาพความเคลื่อนไหวขณะเดินทางและดับเครื่องยนต์
Toyota Yaris เครื่องยนต์เบนซิน Dual VVT-iE 4 สูบ DOHC ให้กำลังสูงสุด 92 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Shift Lock และฟังก์ชัน S Mode ระบบตัดการทำงานของเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Stop & Start System) ผ่านการรับรองมาตรฐานมลพิษ Euro5 อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ 23.3 กิโลเมตร/ลิตร
- Toyota Yaris รุ่น Entry ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 549,000 บาท
- Toyota Yaris รุ่น Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 609,000 บาท
- Toyota Yaris รุ่น Sport Premium ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 679,000 บาท
8. Toyota Collara Cross
รถยนต์ SUV รุ่นล่าสุดจาก โตโยต้า ที่เป็นการนำชื่อ Corolla กลับมาใช้อีกครั้ง Toyota Corolla Cross สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ TNGA platform ดีไซน์การออกแบบล้ำ ทันสมัย ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์แบบ Hybrid และ LED Daytime Running Light แบบ Light Guiding ไฟตัดหมอกหน้า LED ไฟท้าย LED แบบ Light Guiding ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า และพับเก็บอัตโนมัติ พร้อมระบบ Reverse Link เสาอากาศครีบฉลาม หลังคามูนรูฟแบบไฟฟ้า ราวหลังคาสีดำ ล้ออัลลอย 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารของ Toyota Collara Cross กว้างขวางมีจุดเด่นที่ประตูเข้าออกสามารถเปิดได้กว้างมากพร้อมพื้นที่ว่างเหนือศีรษะทำให้รู้สึกไม่อึดอัด และมีการเพิ่มจำนวนช่องกระจกถึง 10 ช่อง ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ที่ดี พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายมีความจุถึง 487 ลิตรซึ่งถือว่ากว้างขวางมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน
Toyota Collara Cross มีสมรรถนะเครื่องยนต์ทั้งหมด 2 แบบ อย่างแรกคือเครื่องยนต์เบนซิน 2ZR-FBE 1.8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า แรงบิด 175 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT อีกแบบคือเครื่องยนต์ไฮบริดเจนเนอเรชั่นที่ 4 ที่มีจุดเด่นในการประหยัดน้ำมันถึง 23.3 กิโลเมตรต่อลิตร อัตราการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 98 กรัมต่อกิโลเมตร
- Toyota Collara Cross รุ่น 1.8 Sport ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 989,000 บาท
- Toyota Collara Cross รุ่น Hybrid Smart ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,019,000 บาท
- Toyota Collara Cross รุ่น Hybrid Premiun ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,089,000 บาท
- Toyota Collara Cross รุ่น Hybrid Premiun Safety ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,199,000 บาท
9. Toyota Fortuner Legender
Toyota Fortuner รถยนต์ 5 ประตูรุ่นใหญ่ ที่มีการเปลี่ยนแปลงปรับดีไซน์ใหม่ทันสมัย เพิ่มความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ไฟหน้าใหม่ Full LED แบบ Dual Projector พร้อม Daytime Running Lights ไฟท้ายใหม่แบบ LED Light Guiding และไฟเลี้ยวใหม่แบบ Sequential กระจังหน้า กันชนหน้า-หลัง และหลังคาแบบ Exclusive Black Top ดีไซน์ใหม่ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้าและมีไฟ Welcome Light ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 20 นิ้ว
ภายใน Toyota Fortuner Legender ใช้เบาะหนังสีทูโทนเทา - ดำ เพิ่มความสปอร์ตและดูพรีเมียม เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะหลังพับและปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ มาตรวัดเรืองแสงพร้อมจอแสดงข้อมูลขนาด 4.2 นิ้วหลังพวงมาลัย หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay ลำโพง JBL 9 ตำแหน่งรอบคัน ช่องต่อ USB บริเวณคอนโซลกลาง 2 ตำแหน่ง และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย New Ambient Illumination ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร
Toyota Fortuner Legender มีสมรรถนะเครื่องยนต์ให้เลือกใช้งาน 2 แบบ ได้แก่ เครื่องยนต์ดีเซล 2.4 เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 1,600-2,000 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือก แบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4WD และ เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้าที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600 - 2,800 รอบต่อนาที เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด มีให้เลือกแบบขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4WD พร้อมระบบ Auto start Stop ในรุ่น 4WD
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยที่น่าสนใจ เช่น ระบบ T Connect by Toyota สามารถเชื่อมต่อเพื่อเช็คตำแหน่งรถผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบป้องกันล้อล็อกและลื่นไถลจากการเบรคกระทันหัน สัญญาณเตือนกะระยะ 6 ตำแหน่ง ระบบแจ้งเตือนการเข้าศูนย์พร้อมประสานงานนัดหมาย
- Toyota Fortuner รุ่น 2.4G ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,349,000 บาท
- Toyota Fortuner รุ่น 2.4V ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,454,000 บาท
- Toyota Fortuner รุ่น 2.4V Legender ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,524,000 บาท
- Toyota Fortuner รุ่น 2.4V 4WD Legender ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,564,000 บาท
- Toyota Fortuner รุ่น 2.4 Legender 4WD ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,634,000 บาท
- Toyota Fortuner รุ่น 2.8 Legender ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,769,000 บาท
- Toyota Fortuner รุ่น 2.8 Legender 4WD ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,839,000 บาท
10. Mitsubishi Mirage
รถยนต์อีโคคาร์ 5 ประตู Mitsubishi Mirage ที่มาพร้อมกับดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน และฟังก์ชันการใช้งานที่ตอบสนองคนเมือง ปรับรูปโฉมภายนอกด้วย กระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าแบบ Bi-LED พร้อมไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ชุดไฟตัดหมอก ฟท้ายแบบ LED และล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 15 นิ้ว และยังเพิ่มสปอยเลอร์หลังดีไซน์สปอร์ตมาให้อีกด้วย
Mitsubishi Mirage ภายในห้องโดยสารตกแต่งแบบเรียบง่าย ประดับด้วยลายคาร์บอนดีไซน์ใหม่ เบาะนั่งเป็นวัสดุหนังสังเคราะห์และผ้า จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ High Contrast แผงควบคุมเปิด-ปิดกระจกข้างพร้อมวัสดุบุนุ่มบริเวณแผงประตู
สมรรถนะเครื่องยนต์ Mitsubishi Mirage ใช้เครื่องยนต์เบนซิน DOHC MIVEC 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 78 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 100 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที มีระบบวาล์วแปรผันด้านไอดี MIVEC เทคโนโลยีเฉพาะของ มิตซูบิชิ ที่ช่วยให้เครื่องยนต์มีแรงบิดดีขึ้นในรอบต่ำ มีอัตราเร่งดีเยี่ยม พร้อมมีเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบครบครัน เช่น ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ ถุงลมนิรภัยคู่หน้าสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า และกล้องมองภาพหลังขณะถอยจอด พร้อมกับระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- Mitsubishi Mirage รุ่น GLX MT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 474,000 บาท
- Mitsubishi Mirage รุ่น GLX CVT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 509,000 บาท
- Mitsubishi Mirage รุ่น SMART CVT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 579,000 บาท
11. Mitsubishi X-Pander
Mitsubishi X-Pander รถยนต์ 5 ประตู 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัวคนรุ่นใหม่ มาพร้อมฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย ตัวรถดีไซน์ใหม่แบบ Advanced Dynamic Shield ดูสปอร์ตมากกว่าเดิม กระจังหน้าแบบใหม่และเสาอากาศแบบครีบฉลาม ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว
Mitsubishi X-Pander ภายในห้องโดยสารออกแบบให้เน้นความกว้างขวาง ตกแต่งด้วยวัสดุบุนุ่มคุณภาพเยี่ยม สร้างผิวสัมผัสที่นุ่มนวลและยังช่วยทำให้ห้องโดยสารมีความเงียบเพิ่มมากขึ้น เบาะที่นั่งสามารถพับปรับได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ยังติดตั้งช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ มาให้ถึง 3 ตำแหน่ง
Mitsubishi X-Pander ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบ MIVEC ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ยังมีระบบเทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวกและช่วยเหลือด้านความปลอดภัยในการขับขี่ติดตั้งมาครบครัน ได้แก่ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ASC), ระบบป้องกันการลื่นไถล (TCL), ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA), ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS), ระบบกระจายแรงดันน้ำมันเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA)
- Mitsubishi X-Pander รุ่น GLS-LTD ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 789,000 บาท
- Mitsubishi X-Pander รุ่น GT ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 863,000 บาท
12. Mitsubishi Parjero
รถอเนกประสงค์ 5 รุ่นใหญ่ Mitsubishi Parjero มาพร้อมดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ Advanced Dynamic Shield เอกลักษณ์เฉพาะของทางค่าย โดดเด่นด้วยชุดไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ Bi-LED พร้อมระบบปรับระดับลำแสงอัตโนมัติ ไฟเดย์ไลท์แบบ Spectrum LED ไฟส่องสว่างขณะเลี้ยว และไฟตัดหมอกหน้าแบบ LED ส่วนไฟท้ายแบบ LED ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 18 นิ้ว
Mitsubishi Parjero ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมด้วยฟังก์ชันการใช้งานครบครัน จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ LCD ขนาด 8 นิ้ว ปรับเปลี่ยนรูปแบบหน้าจอได้ 3 แบบ สวิตช์เปิด-ปิดกระจกหน้าต่างไฟฟ้าแบบเรืองแสง คอนโซลกลางและแผงประตูบุด้วยวัสดุบุนุ่ม ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับแยกอุณหภูมิอิสระ ซ้าย-ขวา ช่องต่ออุปกรณ์ USB พร้อม HDMI
Mitsubishi Parjero ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล 2.4 ลิตร 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว พร้อมวาล์วไอดีแปรผัน เทอร์โบแปรผัน และอินเตอร์คูลเลอร์ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ พร้อม Sport Mode และระบบ INC เสริมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยแบบจัดเต็ม เช่น ระบบลดกำลังเครื่องยนต์ เพื่อช่วยเบรก, ระบบ Brake Auto Hold, ระบบเบรกมือควบคุมด้วยไฟฟ้าอัตโนมัติ, ระบบเสริมแรงเบรก BA, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล, ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน, ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย, ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ, ระบบไฟสว่างอัตโนมัติเมื่อปลดล็อก ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ และระบบไฟนำทางหลังดับเครื่องยนต์
- Mitsubishi Parjero รุ่น 2.4D GT 2WD ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,299,000 บาท
- Mitsubishi Parjero รุ่น 2.4D GT Plus ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,353,000 บาท
- Mitsubishi Parjero รุ่น 2.4D GT Premium 2WD ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,473,000 บาท
- Mitsubishi Parjero รุ่น 2.4D GT Premium 4WD ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,603,000 บาท
13. MG HS PHEV
รถยนต์ 5 ประตู ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Plug-in Hybrid ที่ผสานการทำงาน 2 ระบบขับเคลื่อนเข้าด้วยกัน ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า MG HS PHEV มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่หากมองผ่าน ๆ อาจดูเหมือนกับ MG HS ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินปกติ ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟเดย์ไลท์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นไฟเลี้ยวได้ พร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ประตูท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า และหลังคา Panoramic Sunroof บานใหญ่
ภายในห้องโดยสาร MG HS PHEV มีสีสันให้เลือก 2 แบบ คือสีดำ และสีทูโทนขาว-น้ำเงิน ขึ้นอยู่กับสีตัวรถที่เลือก เบาะนั่งผู้ขับขี่สามารถปรับได้ 6 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งผู้โดยสารปรับได้ 4 ทิศทาง เบาะนั่งแถวหลังสามารถพับแยกแบบ 60:40 หน้าจอแสดงผลการขับขี่เป็นแบบ Interactive Multi-function Display ขนาด 12 นิ้ว สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบตามโหมดการขับขี่ ส่วนระบบอินโฟเทนเมนท์ติดตั้งหน้าจอสีขนาด 10 นิ้ว ระบบเสียง BOSE 8.1 รองรับการเชื่อมต่อผ่านบลูทูธและ USB พร้อมด้วยระบบเชื่อมต่อ i-SMART
MG HS PHEV ใช้ขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร Turbo TGI 4 สูบ 162 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ทำงานคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 122 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 230 นิวตันเมตร และยังมีเกียร์ 4 จังหวะสำหรับขับเคลื่อนล้อคู่หลังโดยเฉพาะ
- MG HS PHEV ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,359,000 บาท
14. MG 3
รถยนต์ 5 ประตูขนาดเล็กสไตล์อังกฤษ MG 3 โดดเด่นด้วยสีสันที่มีให้เลือกอย่างมากมาย ดีไซน์ เส้นสายตัวรถออกแบบได้สวยทันสมัย ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ไฟท้ายแบบ LED หลังคาซันรูฟแบบปรับไฟฟ้า ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ขนาด 16 นิ้ว
ภายในห้องโดยสาร MG 3 หรูหรา และกว้างขวางแม้จะเป็นรถขนาดเล็ก เบาะที่นั่งลายโมเดิร์นกราฟิก เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบ 60:40 เพิ่มพื้นที่ในการเก็บสัมภาระ พร้อมด้วยระบบอินโฟเทนต์เมนต์ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อระบบ i-SMART รองรับการเชื่อมต่อไร้สายผ่านบลูทูธ พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB
MG 3 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTi-TECH ให้กำลังสูงสุด 112 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตรที่ 4,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบใหม่ เสริมด้วยระบบความปลอดภัยเช่นเดียวกับ MG รุ่นอื่น ๆ เช่น ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรกฉุกเฉิน ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA, ระบบควบคุมการทรงตัว SCS, ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS, ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR
- MG 3 รุ่น C ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 519,000 บาท
- MG 3 รุ่น D ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 549,000 บาท
- MG 3 รุ่น X ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 589,000 บาท
- MG 3 รุ่น V ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 629,000 บาท
- MG 3 รุ่น X Limited Edition ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 599,000 บาท
15. Suzuki Swift
Suzuki Swift รถยนต์ 5 ประตู Eco Car ขนาดเล็กที่มาพร้อมกับความประหยัดในทุกการขับขี่ ดีไซน์ตัวรถปี 2021 มีการปรับปรุงใหม่ กระจังหน้าสไตล์สปอร์ตตกแต่งด้วยเส้นสายโครเมียม ไฟหน้ามีให้เลือกแบบฮาโลเจนหรือแบบ LED ขึ้นอยู่กับรุ่นย่อย ล้อแม็กซ์ขนาด 15 และ 16 นิ้ว
Suzuki Swift ดีไซน์ภายในห้องโดยสารเน้นโทนสีดำตกแต่งด้วยเส้นสายสีเทา เบาะนั่งทรงสปอร์ต จอแสดงผลการขับขี่ตกแต่งด้วยลายเส้นสีแดง พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน หน้าจอสาระความบันเทิงระบบสัมผัสขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto
Suzuki Swift ใช้เครื่องยนต์เบนซิน ขนาด 1.2 ลิตร 4 สูบ ให้พละกำลังสูงสุด 83 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 108 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบต่อนาที พร้อมด้วยเทคโนโลยีหัวฉีดคู่ DUALJET และยังมีระบบ EGR ที่ลดอุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ระบายความร้อนแก๊สไอเสียด้วยน้ำและหมุนวนเข้าท่อร่วมไอดี เป็นการลดการเผาไหม้ที่ผิดปกติ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เสริมด้วยระบบความปลอดภัย เช่นระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS, ระบบกระจายแรงเบรก EBD, ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP, ระบบป้องกันการลื่นไถล TCS และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน Hill Hold Control
- Suzuki Swift รุ่น GL ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 557,000 บาท
- Suzuki Swift รุ่น GLX ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 629,000 บาท
เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับรถยนต์ 5 ประตูที่เรารวบรวมมาให้ดู ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีดีไซน์จุดเด่นที่น่าสนใจรวมถึงราคาที่ยังจับต้องได้ ผู้ที่สนใจและกำลังมองหารถยนต์ 5 ประตู แนะนำให้ไปทดลองขับได้ที่โชว์รูมของแต่ละแบรนด์เพื่อที่จะได้เลือกรุ่นรถที่ตอบโจทย์การใช้งานของเรามากที่สุดนั่นเอง