รถยนต์ไฮบริด ดียังไง ทำไมถึงเหมาะสำหรับวันนี้

รู้จักกับ “รถยนต์ไฮบริด” นวัตกรรมยานยนต์ที่หลายคนกำลังให้ความสนใจ และอะไรทำให้ รถยนต์ไฮบริด กลายเป็นรถที่เหมาะที่สุดสำหรับการใช้งานจริงในวันนี้ ไปหาคำตอบกัน

ตลอดทศวรรษที่ผ่านมานับว่าอุตสาหกรรมยานยนต์ได้มีการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของรูปลักษณ์ดีไซน์และรูปแบบตัวรถที่ปรับเปลี่ยนไปตามความนิยมของยุคสมัย รวมถึงเทคโนโลยี ฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้สมรรถนะเครื่องยนต์สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น การขับขี่สะดวกสบาย ประหยัดและปลอดภัยมากขึ้น โดยในปัจจุบันบริษัทรถยนต์หลายค่ายได้ผลิตรถที่ขับเคลื่อนด้วยระบบไฮบริด (Hybrid) ออกมาหลากหลายรุ่น ซึ่งถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ หากคุณเป็นอีกคนที่กำลังมองหารถคันใหม่ วันนี้เราจะพาไปทำความเข้าใจกันว่าเครื่องยนต์แบบไฮบริด มีระบบการทำงานที่แตกต่างจากรถยนต์ทั่วไปอย่างไร พร้อมเหตุผลที่ไม่ควรมองข้าม 

สำหรับรถยนต์ไฮบริดอาจกล่าวได้ว่าเป็นรถที่จะมาแทนรถยนต์ที่ใช้ระบบเครื่องยนต์แบบเดิม หรือที่เรียกว่า เครื่องยนต์สันดาปภายใน (internal combustion engine) ซึ่งเครื่องยนต์ไฮบริดที่ใช้ในรถยนต์ทั่วไปมีหลักการทำงานในเบื้องต้น คือ ใช้แหล่งพลังงานร่วมกันจาก 2 ระบบ ได้แก่ พลังงานจากเครื่องยนต์ และพลังงานไฟฟ้า โดยการทำงานของระบบไฮบริดแบ่งเป็น 3 รูปแบบ ดังนี้

ระบบนี้เครื่องยนต์จะไปหมุนเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเจเนอเรเตอร์ (Generator) เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า แล้วใช้อุปกรณ์อินเวอร์เตอร์ (inverter) เพื่อควบคุมแรงดัน กระแส และความถี่ สำหรับควบคุมการทำงานมอเตอร์ที่ทำหน้าที่ส่งกำลังไปหมุนขับเคลื่อนล้อ ระบบไฮบริดแบบอนุกรมมีข้อดีคือ สามารถผลิตและจ่ายไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ไฟฟ้าและยังชาร์จไฟแบตเตอรี่ไปด้วยในตัว

สำหรับระบบแบบคู่ขนาน ทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าจะขับเคลื่อนการหมุนของล้อไปพร้อม ๆ กัน โดยมีการกำหนดให้กำลังขับเคลื่อนแต่ละแหล่งถูกนำมาใช้ตามสถานการณ์ต่าง ๆ ขณะที่มอเตอร์จะใช้กำลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ ซึ่งการชาร์จไฟจะมาจากการเปลี่ยนมอเตอร์ไฟฟ้าให้ทำงานเป็นเจเนอเรเตอร์ในขณะที่รถเบรก ระบบทำงานแบบนี้มีข้อดีคือ ไม่ซับซ้อน เรียกใช้พลังงานได้เยอะ แต่ข้อด้อยคือ ไม่สามารถส่งกำลังไปขับเคลื่อนล้อได้ขณะที่ทำการชาร์จไฟฟ้าในคราวเดียวกัน

ระบบไฮบริดแบบอนุกรม/คู่ขนาน เป็นการรวมเอาข้อดีของ 2 ระบบเข้าไว้ด้วยกัน การทำงานจะขึ้นอยู่กับสภาวะการขับขี่ว่าจะต้องการใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว หรือจะใช้กำลังขับเคลื่อนจากทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ โดยที่ระบบนี้ยังสามารถส่งกำลังขับเคลื่อนไปยังล้อต่าง ๆ ได้ พร้อมกับในเวลาที่ตัวเจเนอเรเตอร์สร้างกระแสไฟฟ้า 

แน่นอนว่าเทคโนโลยีไฮบริด คือนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการพัฒนาสิ่งใหม่ในโลกยานยนต์ ทีนี้ลองมาดูกันว่า รถยนต์ไฮบริด มีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจ และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคปัจจุบันได้อย่างไรบ้าง 

เมื่อได้เห็นหลักการทำงานของระบบพลังงานแบบไฮบริดแล้ว น่าจะพอเริ่มเข้าใจชัดเจนขึ้นว่ารถยนต์ไฮบริดนั้นเป็นรูปแบบยานยนต์ที่ตอบสนองในเรื่องของความประหยัดได้เป็นอย่างดี เนื่องจากได้รับการออกแบบมาเพื่อลดการใช้พลังงานจากน้ำมัน นั่นเท่ากับว่ารถยนต์ไฮบริดสามารถประหยัดในแง่ของค่าใช้จ่ายได้ และในขณะเดียวกัน ก็สามารถลดการทำงานของระบบพลังงานเครื่องยนต์แบบสันดาปลง ย่อมส่งผลให้รถยนต์ไฮบริดสร้างมลภาวะหรือก่อให้เกิดมลพิษน้อยลงด้วย

รถยนต์ไฮบริดถือได้ว่าเป็นรถที่ออกแบบมาเพื่อตอบสนองทั้งเรื่องความประหยัดและความคุ้มค่าของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะเรื่องของค่าน้ำมัน เพราะมีการทำงานควบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ราวๆ 24-55 กิโลเมตรต่อลิตร ขึ้นอยู่กับสมรรถนะของรถยนต์แต่ละรุ่น ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อย่างค่าบำรุงรักษา แบตเตอรี่ที่ถูกลงและมีการรับประกันแบตเตอรี่ด้วย หรือค่าอะไหล่ในการซ่อมแซม ก็แทบจะไม่แตกต่างจากรถที่ใช้น้ำมัน 

อย่างไรก็ตาม รถยนต์ไฮบริดมีระบบการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าก็จริง แต่ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเสียบปลั๊กชาร์จไฟฟ้า เพราะพลังงานไฟฟ้าในรถไฮบริดนั้นมาจากแบตเตอรี่ และยังสามารถชาร์จไฟกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ได้เมื่อมีการชะลอความเร็ว โดยการทำงานของระบบไฮบริดจะผสานทั้งพลังงานไฟฟ้ากับเครื่องยนต์ให้ทำงานควบคู่กัน ทำให้พฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ไฮบริดไม่ต่างกับรถยนต์เบนซินปกติ ไม่ต้องปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มเติมอุปกรณ์ใด ๆ เข้ามา

อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้ขับขี่รถยนต์หลายคนคำนึงถึงเป็นอันดับแรก ๆ ก็คือเรื่องของสมรรถนะการขับขี่ ซึ่งจริง ๆ แล้วรถยนต์ไฮบริดนั้นขับสนุกไม่แพ้รถยนต์แบบสันดาปเลยก็ว่าได้ เพราะการทำงานของมอเตอร์ไฟฟ้าตอบสนองได้รวดเร็วมาก ไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ทำงาน เพื่อให้ได้จังหวะแรงบิด เพียงกดคันเร่งปุ๊บ ก็ติดปั๊บทันใจว่องไวจริงๆ 

ตามที่กล่าวไปข้างต้นว่าปัจจุบันผู้ผลิตค่ายต่าง ๆ ยังคงมุ่งพัฒนารถยนต์ที่ใช้ระบบพลังงานแบบ ไฮบริดออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยมีตั้งแต่รถยนต์นั่งขนาดเล็กในกลุ่ม B-Segment แบบ city car ที่เน้นความคล่องตัว รถยนต์อเนกประสงค์ที่ใช้งานได้หลากหลายขึ้นอย่าง รถ crossover หรือ รถ SUV ไล่ไปจนถึงในกลุ่มของรถยนต์หรู luxury car ขณะที่ราคาจำหน่ายมีตั้งแต่ไม่ถึงล้านไปจน 2 ล้านบาท สำหรับรถยนต์นั่งทั่วไป หรือหากผู้ใช้มีงบประมาณที่มากกว่า 2 ล้าน ก็มีรถยนต์ไฮบริดจากแบรนด์ระดับพรีเมียมให้เลือกอีกมากมาย

มาถึงตรงนี้เมื่อมองในมุมต่าง ๆ แล้วจะพบว่า “รถยนต์ไฮบริด” มีความโดดเด่นทั้งในเรื่องของความประหยัด คุ้มค่า ใช้งานง่ายและสะดวกสบาย เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง หากใครกำลังมองหารถยนต์คันใหม่ บอกได้คำเดียวเลยว่า “ใช่” และเหมาะที่สุดในการขับขี่ของวันนี้