ตอบข้อสงสัยสำหรับคนขับรถ เติมน้ำมันยังไงให้คุ้ม เรื่องการเติมน้ำมันตอนเช้าจะได้ปริมาณน้ำมันมากกว่าตอนบ่ายจริงหรือไม่ และจะมีวิธีการเติมน้ำมันอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด
การเติมน้ำมันยังไงให้คุ้ม คำถามสำหรับผู้ใช้รถที่ต้องคิดทุกครั้งเมื่อเห็นข่าว ราคาน้ำมัน เป็นเรื่องแรกที่ต้องคิดทุกครั้งที่เห็นไฟเตือนระดับน้ำมัน ซึ่งคำตอบของคำถามนี้มีมากมาย ทั้งความเชื่อในเรื่องของการเติมน้ำมันตอนเช้าจะได้มากกว่าตอนบ่าย ความแตกต่างของการเติมน้ำมันเต็มถังกับครึ่งถัง หรือเติมน้ำมันเกรดพรีเมี่ยมช่วยให้รถมีประสิทธิภาพมากกว่าและคุ้มค่ากว่า เรื่องไหนจริงเท็จอย่างไรไปดูกันทีละเรื่องเลย
ข้อเท็จจริงและความเชื่อในเรื่องการเติมน้ำมันให้คุ้มค่าที่สุด
1. เติมน้ำมันตอนเช้าจะได้ปริมาณมากกว่าตอนบ่าย จริงหรือไม่
ไม่จริง - คุณเคยสังเกตหรือไม่ว่าในช่วงเช้าปั๊มน้ำมันจะมีรถไปรอใช้บริการหนาแน่นมากเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากเรื่องของความสะดวกที่สอดคล้องกันกับความเชื่อที่ว่า น้ำมันจะขยายตัวเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น และคิดกันไปเองว่าตอนเช้าอุณหภูมิต่ำกว่าตอนบ่ายทำให้จะได้ปริมาณน้ำมันที่ยังไม่ขยายตัวมากกว่าเติมตอนบ่ายที่น้ำมันขยายตัวไปแล้วในจำนวนเงินเท่า ๆ กัน
ข้อเท็จจริงในเรื่องนี้คือ แม้ว่าสัมประสิทธิ์ของการขยายตัวจากความร้อนเชิงปริมาตรจะมีผลต่ออุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นตามหลักเทอร์โมไดนามิกส์ แต่อุณหภูมิที่ค่อนข้างคงที่ในประเทศไทย แทบไม่ส่งผลอะไรเลยกับการเติมน้ำมันในรถยนต์ส่วนตัว
ถังกักเก็บน้ำมันที่ติดตั้งตามปั๊มน้ำมันต่าง ๆ นั้น มีกฎหมายควบคุมชัดเจนอยู่แล้วว่าถังที่วางอยู่ใต้ดินต้องลึกประมาณ 1 ถึง 1.5 เมตร และต้องมีการรักษาอุณหภูมิที่สม่ำเสมอตลอดทั้งวัน โดยมีการตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ดังนั้นความร้อนจากอุณหภูมิภายนอกจึงแทบไม่มีผลกระทบอะไรเลย
ไม่จริง - แน่นอนว่าปัจจัยหลักในการเติมน้ำมันขึ้นอยู่กับเงินในกระเป๋าสตางค์เรา แต่ความเชื่อที่ว่าการเติมน้ำมันครึ่งถังประหยัดกว่านั้นอาจนำมาซึ่งความเสียหายต่อเครื่องยนต์ของคุณได้ เพราะน้ำมันในถังที่มากหรือน้อยเกินไปจะส่งผลทำให้ ปั๊มติ๊ก เสื่อมสภาพ
ปั๊มติ๊ก หรือ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอุปกรณ์ชิ้นหนึ่งที่ติดตั้งอยู่ในถังน้ำมัน มีหน้าที่ดูดน้ำมันจากตัวถังไปยังเครื่องยนต์ สาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสื่อมสภาพนั้น เกิดจากระดับน้ำมันเชื้อเพลิงที่น้อยจนเกินไป ทำให้ปั๊มติ๊กทำงานหนักมากขึ้นในการสูบน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำลงไปและระบายความร้อนได้ไม่ดี ส่งผลให้มอเตอร์พังและเกิดความเสียหายได้
ในทางกลับกัน หากเราเติมน้ำมันเต็มถังก็ส่งผลเสียให้กับรถยนต์ได้เช่นกัน เนื่องจากไอระเหยของน้ำมันจะทำให้เครื่องยนต์มีปัญหา แรงดันในถังน้ำมันขณะที่รถยนต์กำลังขับเคลื่อนอาจทำให้มีน้ำมันไหลซึมออกมานอกตัวถังน้ำมันได้
จริงและไม่จริง - น้ำมันเกรดพรีเมียมมีอัตราการเผาไหม้ และส่งผลดีต่อสมรรถนะของเครื่องยนต์เป็นสิ่งถูกต้อง แต่ถ้ามองในแง่ของความคุ้มค่าในการเติมน้ำมันแล้วไม่จำเป็นเลย
ในการใช้รถในชีวิตประจำวันโดยเฉพาะสังคมเมืองนั้น ผู้ใช้รถหลายท่านอาจจะเน้นในเรื่องของความประหยัดมากกว่าเพราะไม่ได้ขับรถในระยะทางไกลและไม่ได้ใช้ความเร็วเท่าไหร่นัก ในขณะที่น้ำมันทุกชนิดต่างต้องมีมาตรฐานในระดับเดียวกันรองรับอยู่แล้ว
ดังนั้นเติมน้ำมันให้ตรงกับรูปแบบการขับขี่และประหยัดค่าใช้จ่ายจะดีที่สุด ในกรณีที่ขับในเมืองไปทำงานกลับบ้านเติม E20 ก็เพียงพอแล้ว เดินทางไกลไปต่างจังหวัดขับรถยาว ๆ ค่อยเติม แก๊สโซฮอล์ 95 ก็ได้
เทคนิคการเติมน้ำมันให้คุ้มค่าที่สุด
หากเราเห็นรถบรรทุกน้ำมันกำลังถ่ายน้ำมันเข้าสู่ถังกักเก็บใต้ดินอยู่ในปั๊ม ถ้าเป็นไปได้หรือยังไม่ถึงจุดที่ต้องเติมน้ำมันจริง ๆ ให้เลี่ยงไปเติมปั๊มอื่นก่อน เพราะจะเสียเวลารอคอยในการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันค่อนข้างมาก
ควรเติมน้ำมันทันทีเมื่อระดับน้ำมันอยู่ประมาณ 1 ใน 4 ของถังน้ำมัน และเติมให้ขึ้นมาอยู่ในระดับ 3 ใน 4 ของถังน้ำมัน เช่น ความจุถังน้ำมัน Toyota Vios อยู่ที่ 40 ลิตร 1 ใน 4 ก็เท่ากับ 10 ลิตร หน้าจอแสดงผลระดับน้ำมันจะอยู่ที่ประมาณ 2 ขีดก็ให้เติมน้ำมันทันที
ทั้งนี้เราควรศึกษาความจุถังน้ำมันของรถยนต์เราเองด้วยว่ามีปริมาณเท่าไหร่ และต้องสังเกตดูมาตรวัดต่าง ๆ ที่แสดงให้เห็นบนคอนโซลรถด้วย
เมื่อเราบอกเด็กปั๊มว่าเติมน้ำมันเต็มถังเด็กปั๊มจะเติมน้ำมันให้เราโดยเป็นการเติมแบบอัตโนมัติ เมื่อน้ำมันเต็มจนถึงหัวจ่ายน้ำมันจะมีการหยุดจ่ายน้ำมันทันทีที่มีแรงดัน แต่มอเตอร์ปั๊มน้ำมันจะยังคงทำงานอยู่
และในขณะนั้น ลิ้นหัวจ่ายน้ำมันจะถูกปิด พร้อมกับลิ้นส่งกลับน้ำมันที่ปั๊มจะถูกเปิด เพื่อให้น้ำมันในท่อส่งสีดำไหลกลับคืนเข้าสู่ถังน้ำมันของปั๊ม ซึ่งน้ำมันที่ค้างในหัวจ่ายนั้นได้ผ่านมิเตอร์และคิดเงินแล้วเรียบร้อย นั่นหมายความว่าเรากำลังส่งน้ำมันคืนกลับให้ปั๊มทั้ง ๆ ที่เราเสียเงินไปแล้ว
ในกรณีที่คุณใช้บัตรเครดิตการเติมน้ำมันเป็นลิตรจะเห็นผลในเรื่องของค่าใช้จ่ายแต่ชัดเจนกว่ามาก ในเวลาที่ราคาน้ำมันมีการเปลี่ยนแปลง เพราะคุณสามารถควบคุมปริมาณของน้ำมันตามระยะทางที่ใช้จริง
ยกตัวอย่างเช่น ชีวิตประจำวันคุณทำงานกลับบ้านเดินทางเป็นระยะทางทั้งหมด 30 กิโลเมตร รถยนต์ของคุณมีอัตราการประหยัดน้ำมัน 15 กิโลเมตรต่อลิตร เท่ากับวันหนึ่งใช้น้ำมันประมาณ 2 ลิตรเท่านั้น ต่อสัปดาห์จะใช้น้ำมัน 10 ลิตร ซึ่งจะทำให้คุณเห็นความแตกต่างของค่าใช้จ่ายแน่นอน
แม้ว่าความเชื่อในเรื่องของการเติมน้ำมันจะเป็นเรื่องที่บอกต่อ ๆ กันมาในกลุ่มผู้ใช้รถ จนเกิดเป็นแนวคิดและความเชื่อที่แตกต่างกันไป แต่รถยนต์ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่มีส่วนในการประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้นแล้ว อย่างเช่นเทคโนโลยี Hybrid ของ Toyota หรือเทคโนโลยี e-power ของ Nissan ที่พัฒนาให้เครื่องยนต์มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยลงกว่าเดิมมาก
อย่างไรก็ตาม หากมีคำถามเกี่ยวกับการใช้น้ำมันรถ ที่ถูกต้องกับรถที่คุณขับอยู่ ขอแนะนำให้ปรึกษาตัวแทนจำหน่ายหรือศูนย์บริการของรถยนต์ยี่ห้อนั้น ๆ จะดีที่สุด