ทดสอบ NEW MG EXTENDER รถกระบะรุ่นแรกของ MG ที่มาพร้อมกับความใหญ่ยักษ์ ห้องโดยสารกว้าง นั่งสบาย อุปกรณ์ความปลอดภัยแน่น และทันสมัยเข้ากับไลฟ์สไตล์สมาร์ตด้วยระบบสั่งการอัจฉริยะ iSMART โดย NEW MG EXTENDER ราคาเริ่มต้นที่ 549,000 บาท
ใครไม่กล้า MG กล้า เดินหน้าลุยเปิดตัวพร้อมให้สื่อมวลชนทดสอบความแกร่งของ NEW MG EXTENDER รถกระบะขนาด 1 ตัน รุ่นแรกของ MG กันถึงสนาม 8 Speed เขาใหญ่ เพื่อตอกย้ำความยิ่งใหญ่เพิ่มเข้าไปอีก
แต่ก่อนจะข้ามไปยังส่วนของการทดสอบ คงต้องขอกล่าวถึงด้านกายภาพของรถกระบะน้องใหม่รุ่นนี้เสียหน่อย เนื่องจาก "ดีไซน์และขนาด" มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจไม่น้อย เพราะต่อให้ขับดีแค่ไหน แต่หากขับแล้ว "ไม่หล่อ" อาจถูกมองข้ามไปได้ง่าย ๆ ซึ่ง NEW MG EXTENDER สามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี ส่วนจะมีจุดเด่นอะไรบ้าง เดี๋ยวเราไปดูกัน
NEW MG EXTENDER กระบะพันธุ์ยักษ์ ให้มากกว่าความแกร่ง
จุดเด่นแรกของ NEW MG EXTENDER ที่สะดุดตามาแต่ไกลคือขนาดตัวถังเข้าขั้น "มโหฬาร" โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบโมเดิร์น ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ MG ซึ่งบางมิติโดยเฉพาะความสูง จะต่างกันตามรูปแบบตัวถังที่มีให้เลือก 2 สไตล์ ดังนี้
รายละเอียด | Giant Cab (แค็บ 2 ประตู) | Double Cab (4 ประตู) | ||
ขับเคลื่อน 2 ล้อ | ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ | ยกสูง ขับเคลื่อน 2 ล้อ | ยกสูง ขับเคลื่อน 4 ล้อ | |
ยาว (มม.) | 5,365 | |||
กว้าง (มม.) | 1,900 | |||
สูง (มม.) | 1,720 | 1,820 | 1,850 | |
ความยาวฐานล้อ (มม.) | 3,155 | |||
ระยะห่างล้อ คู่ หน้า/หลัง (มม.) |
1,580/1,580 | |||
ระยะต่ำสุดจากพื้น (มม.) | 145 | 231 | 216 | 183 |
คือต้องบอกว่า NEW MG EXTENDER นั้น “ใหญ่” มาก ทั้งจากสายตาและตัวเลข ขนาดที่ MG เคลมเลยว่าตัวถัง Giant Cab มีความยาวกระบะท้าย 1,900 มม. ยืนหนึ่งในคลาส ส่วนรุ่น Double Cab มีห้องโดยสารกว้างขวางที่สุด เบาะหน้าปรับเอนนอนได้เกือบราบ เบาะหลังพับได้ และมีช่องเก็บของบริเวณผนังห้องโดยสารขนาดกำลังพอดีอีก 2 ช่อง
NEW MG EXTENDER กับดีไซน์สตรองนอก แต่ซอฟต์ใน
แม้ว่าความสวยจะเป็นเรื่องรสนิยมส่วนบุคคล แต่ดีไซน์ภายใต้แนวคิด BRIT Dynamic ของ NEW MG EXTENDER จัดว่าไม่ตกเทรนด์ด้วยเหลี่ยมสันและกระจังหน้าหกเหลี่ยมกรุลายตาข่ายอันเป็นเอกลักษณ์ของ MG ช่วยให้บุคลิกของรถแข็งแกร่งและมีพลวัตร บวกกับขนาดตัวอันมหึมาย่อมถามหาเรื่องความโดดเด่นได้ไม่ยาก
ส่วนภายใน NEW MG EXTENDER มีดีไซน์หนักแน่น จริงจัง การจัดวางปุ่มและอุปกรณ์ใช้งานได้ถนัดมือ ชัดเจนเป็นระเบียบ แฝงความทันสมัยตรงคันเกียร์ (อัตโนมัติ) ที่ดูตั้งใจออกแบบให้เหมือนขับยานนิด ๆ รวมถึงการเลือกใช้วัสดุบุนิ่มในส่วนของคอนโซลและแผงประตู ขณะที่จออินโฟเทนเมนต์ ขนาด 10 นิ้ว ที่ให้มาถือว่า "ใหญ่สุด" เท่าที่รถกระบะในเมืองไทยจะมีให้ตอนนี้
NEW MG EXTENDER แค่ใหญ่ไม่พอ สมาร์ตต่อด้วยระบบสั่งการอัจฉริยะ i-Smart
กลายเป็นลูกเล่นที่ "ต้องมี" สำหรับรถยนต์ MG ไปแล้วในส่วนฟีเจอร์ทันสมัยอย่าง ระบบสั่งการอัจฉริยะ i-Smart ซึ่งทำให้ NEW MG EXTENDER กลายเป็น Connected Pickup รองรับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ต้องเชื่อมต่อและสั่งการกับรถได้ผ่านเทคโนโลยี AI แสนฉลาด สามารถสั่งงานผ่านเสียง (รองรับภาษาไทย) จอทัชสกรีน หรือแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ช่วยให้ชีวิตง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
NEW MG EXTENDER ระบบความปลอดภัยครบครัน
เริ่มตั้งแต่โครงสร้างตัวถัง Ultra-high Strength Body และเหล็กแบบ High Strength Steel ที่เป็นพื้นฐานในเรื่องของความปลอดภัยซึ่งควรมีอยู่แล้ว แต่พิเศษไปกว่านั้น NEW MG EXTENDER ยังติดตั้งอุปกรณ์ความปลอดภัยมาให้อีกไม่น้อย เช่น
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA (ทุกรุ่น)
- ระบบช่วยกระจายแรงเบรก EBD (ทุกรุ่น)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (รุ่นยกสูงทุกรุ่น)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล TCS (รุ่นยกสูงทุกรุ่น)
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAS (รุ่นยกสูงทุกรุ่น)
- ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (รุ่นยกสูงทุกรุ่น)
- กล้องมองหลังพร้อมสัญญาณเตือน (รุ่นยกสูงทุกรุ่น ยกเว้นรุ่นสูงสุด)
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง (รุ่นสูงสุดเท่านั้น)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (รุ่นสูงสุดเท่านั้น)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (รุ่นสูงสุดเท่านั้น)
- ถุงลมนิรภัย 6 จุด (รุ่นสูงสุดเท่านั้น)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (เฉพาะยกสูง รุ่น X)
NEW MG EXTENDER สเปกทรงพลัง สมรรถนะเยี่ยม และขับเคลื่อนได้เต็มประสิทธิภาพ
ตัวเลขสมรรถนะของ NEW MG EXTENDER ที่ได้จากเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ที่ช่วง 1,500-2,400 รอบ/นาที จัดว่าอยู่ในระดับแถวหน้า พร้อมระบบส่งกำลังแบบอัตโนมัติและแบบธรรมดา 6 จังหวะ ที่สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ได้ทั้ง ECO และ POWER เพื่อตอบสนองทุกการใช้งาน โดยในรุ่น Double Cab จะมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ (2WD) และขับเคลื่อน 4 ล้อ (4WD) ซึ่งมีโหมดการขับขี่ให้เหมาะกับสภาพถนน 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L
เข้าสู่ช่วงลองของจริง ลงสนามทดสอบสมรรถนะ NEW MG EXTENDER
การทดสอบ NEW MG EXTENDER ครั้งนี้ถูกจัดแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่
- On-Road (อัตราเร่ง, ระยะเบรก, การทรงตัว, ระบบกันสะเทือน และการตอบสนองของช่วงล่าง)
- Off-Road (เนินสลับ เนินเอียง, ทางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ, จอดรถบนทางลาดชัน, ขึ้น-ลงเนินสูง, บ่อน้ำ)
NEW M G EXTENDER มั่นใจได้ในการขับขี่แบบ On-Road
การทดสอบฐานแรกเป็นเรื่องของอัตราเร่ง เนื่องจาก NEW MG EXTENDER มีแรงบิดสูงสุดถึง 375 นิวตันเมตร ในช่วงรอบต่ำและกว้าง ตามสไตล์เครื่องยนต์ดีเซล เทอร์โบ ที่ 1,500-2,400 รอบ/นาที พอเหยียบคันเร่งไปแล้วรถค่อนข้างพุ่งได้ทันใจอย่างไม่ต้องสงสัย และเมื่อถึงจุดที่ต้องเหยียบเบรก ถือว่าระยะเบรกสั้นน่าพอใจ ตัวรถไม่มีอาการท้ายสะบัดเลย (รุ่นยกสูงที่ MG เรียกว่า Grand เป็นดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ)
จุดต่อมาจะมีการวางไพลอนเว้นระยะห่างไว้ให้ขับแบบสลาลม รวมถึงเลี้ยวแบบมุมฉาก ซึ่งทุกครั้งที่หมุนพวงมาลัยพาเจ้ากระบะพันธุ์ยักษ์อ้อมไพลอนด้วยความเร็วพอหอมปากหอมคอระดับที่เรียกกันว่า "ใช้งาน" รู้สึกได้ว่าระบบกันสะเทือนที่ MG พยายามเซตเป็นยูโรเปี้ยนสไตล์นั้น เกาะถนนได้ดี ไม่มีแกว่ง แต่ถ้าคิดจะยัดโค้งแบบรถสปอร์ตซึ่งเป็นเรื่องไม่จำเป็น อันนี้เราไม่การันตีเพราะไม่ใช่วิถีของรถกระบะ
แล้วแบบ Off-Road NEW MG EXTENDER เป็นอย่างไร ?
แน่นอนว่ารถคันทดสอบใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีเฉพาะในรุ่นท็อปเท่านั้น และด่านแรกที่เจอเลยคือการขับขึ้นเนินสลับกับเนินเอียงถี่ ๆ อย่างนี้ จำเป็นต้องปรับโหมดการขับขี่เป็น 4L หรือ 4 LOW คือใช้ล้อทั้ง 4 ที่หมุนเท่ากัน ดันฝ่าอุปสรรคหรือโคลนเลนไปได้ตามสไตล์ออฟโรด ทั้งนี้ NEW MG EXTENDER มีโหมดขับเคลื่อนให้เลือก 3 รูปแบบ คือ 2H, 4H และ 4L เหมือนรถขับ 4 ล้อ กึ่งพาร์ตไทม์ตามปกติ
เมื่อผ่านจุดแรกมาแล้วจะเจอเส้นทางที่เป็นหลุมบ่อ ขรุขระมากหน่อย ระบบกันสะเทือน NEW MG EXTENDER ที่เป็นแบบอิสระปีกนกคู่ในด้านหน้า และแหนบซ้อนด้านหลัง เก็บอาการได้ดี มีการเหวี่ยงโยนของตัวรถน้อย
ฐานต่อมาเป็นการทดสอบระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน (HAS) เชื่อว่าผู้ที่ใช้รถเป็นประจำคงต้องเจอสถานการณ์รถติดบนเนินสะพานหรือทางขึ้นลานจอด ยิ่งเป็นเกียร์ธรรมดาสำหรับมือใหม่ด้วยแล้วถือเป็นช่วงเวลาระทึกขวัญ
ระบบดังกล่าวใน NEW MG EXTENDER จะช่วยทำให้รถหยุดนิ่ง 3 วินาที ในทุกครั้งที่เราแตะเบรก เป็นอันสบายใจไปได้ ไม่ต้องนั่งลุ้นว่าจะดราม่าหรือไม่ รวมถึงขณะที่เวลาลงเนินสูงก็จะมีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC) ไม่ต้องคอยเลี้ยงเบรกตลอดเวลา
NEW MG EXTENDER ราคาเท่าไร มีให้เลือกกี่รุ่นย่อย
การกระโดดเข้ามาสู่ตลาดรถกระบะครั้งนี้ ทางค่าย MG ส่งมาทีเดียวพร้อมกัน 9 รุ่นย่อย เพื่อให้ครอบคลุมทุกการใช้งาน โดย MG เน้นกลุ่มบรรทุกและเพื่อการโดยสารเป็นหลัก ได้แก่
- NEW MG EXTENDER GC 2.0 C 6MT ราคา 549,000 บาท
- NEW MG EXTENDER GC 2.0 D 6MT ราคา 619,000 บาท
- NEW MG EXTENDER GC 2.0 GRAND D 6MT ราคา 659,000 บาท
- NEW MG EXTENDER GC 2.0 GRAND D 6AT ราคา 719,000 บาท
- NEW MG EXTENDER GC 2.0 GRAND X 6MT ราคา 729,000 บาท
- NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND D 6MT ราคา 759,000 บาท
- NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND D 6AT ราคา 819,000 บาท
- NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND X 6AT ราคา 879,000 บาท
- NEW MG EXTENDER DC 2.0 GRAND 4WD X 6AT ราคา 1,029,000 บาท
*หมายเหตุ DC= Double Cab, GC=Giant Cab, GRAND=ยกสูง ส่วน D และ X เป็นระดับการตกแต่ง
- สีขาว (Artic White)
- สีดำ (Black Knight)
- สีเงิน (Silver Metallic)
- สีแดง (Scarlet Red)
- และสีเทา (Metal Ash Grey)
NEW MG EXTENDER ทุกคัน จะมีการรับประกันนาน 4 ปี หรือ 120,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) เรียกว่าท็อปฟอร์ม เพื่อสร้างความมั่นใจให้มากที่สุด ซึ่งเมื่อบวกกับความแข็งแกร่งของ MG ประเทศไทย แล้วไม่มีอะไรน่าห่วงในจุดนี้เลย ทุนหนาแถมยังทรงอิทธิพลทางธุรกิจมากทีเดียว ส่วนอีกหนึ่งจุดเด่นที่ถือเป็นไฮไลต์ของ NEW MG EXTENDER คือค่าบำรุงรักษาตามระยะต่ำสุดในช่วง 100,000 กิโลเมตรแรก เมื่อเทียบกับรถกระบะระดับเดียวกัน คือไม่เกิน 20,000 บาท เท่านั้น
สรุป NEW MG EXTENDER น่าสนใจแค่ไหน ?
ถ้าให้สรุปสั้น ๆ คือ NEW MG EXTENDER เป็นรถกระบะหน่วยก้านดีที่สามารถตอบโจทย์ของคนที่กำลังมองหารถสำหรับการใช้งาน และใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างลงตัว ด้วยมิติตัวถังขนาดใหญ่จึงช่วยเพิ่มปริมาณการบรรทุก ดีไซน์ที่มีทั้งความเท่และโฉบเฉี่ยวอันเป็นเอกลักษณ์ ภายในห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย สมรรถนะเยี่ยม ล้ำด้วยระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ออปชั่นแน่นมาเต็ม แถมระบบความปลอดภัยครบครัน ที่สำคัญประหยัดน้ำมันและค่าบำรุงรักษาอีกด้วย สมกับเป็นกระบะพันธุ์ยักษ์ที่ให้มากกว่าความแกร่งจริง ๆ