เปิดประสบการณ์เชียร์ถึงขอบสนามที่ญี่ปุ่น เมื่อ “เอ.พี. ฮอนด้า” ส่งทีมไทย 100% ลุยศึกบิดทรหด ซูซูกะ เอ็นดูรานซ์ 4 ชั่วโมง คว้าแชมป์ฝากแฟนชาวไทย
มาถึงเมืองนาโกย่า ภูมิภาคชูบุ ประเทศญี่ปุ่น
วันนี้จะมาพาทุกท่านไปเที่ยวญี่ปุ่นในแนวกองเชียร์ทีมแข่งมอเตอร์ไซค์ ไปสนามแข่งซูซูกะที่นาโกย่ากันนะครับ ซึ่งนาโกย่านี่บางทีก็ออกเสียงสั้น ๆ เป็น นาโกยะก็ได้ เป็นเมืองที่อยู่กลาง ๆ ของประเทศญี่ปุ่น ถ้าเอ่ยชื่อของนาโกย่า หากจะนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเช่น ปราสาทนาโกยะก็ดี หรือวัดนิตไต หรือวัดญี่ปุ่น-ไทย, ศาลเจ้าอัตสึตะ, สวนสัตว์, พิพิธภัณฑ์ แหล่งช้อปปิ้งของขาช้อปมีมากมายทีเดียวครับ
แต่หากสายกินละก็ ของดีของอร่อยที่นี่ก็ “ข้าวหน้าปลาไหล” นี่ขึ้นชื่อมาก เพราะมีเขตที่เป็นน้ำกร่อย เหมาะกับการเลี้ยงปลาไหลที่เรียกว่า อูนางิ เป็นปลาไหลทะเลที่เอามาทำข้าวหน้าปลาไหลนั่นแหละครับ เนื้อนุ่มฟูสวย สีเหลืองจากซอสที่ทาระหว่างย่าง วางบนข้าวสวยร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวน ใครมาก็ขอว่าต้องได้ลอง ซึ่งจะเอามาทำข้าวหน้าปลาไหลได้อร่อยกว่าปลาไหลอีกชนิดที่เรียกว่า อะนาโกะ ซึ่งเป็นปลาไหลน้ำจืด ที่เหมาะกับการทำซูชิหรือเทมปุระครับ
ของเด็ดอีกอย่างคือปีกไก่ ปีกไก่ทอดที่นี่มีชื่อเสียงเรื่องความอร่อย ที่เริ่มด้วยการฉีกไก่รูดเข้าปากแล้วรับรู้รสชาติความอร่อยที่แห้ง กรอบ ไม่มัน เค็มนิด ๆ เผ็ดหน่อย ๆ อร่อยจริง ๆ ได้เบียร์สักแก้วก็คงฟินสุด
ตามด้วย ร้านอาหารสำหรับสายเนื้อก็มีร้านยากินิคุ เนื้อย่าง มากมาย แบบที่เป็นบุฟเฟ่ต์ก็มี มาถึงเราก็จัดก่อนซะเลย เหมา 2,680 เยน หรือหัวละประมาณ 800 บาท กินไม่อั้น คุณภาพเนื้อหลากหลายและเยี่ยมมาก ด้วยความหอม และเสียงมันเนื้อแตกตอนย่าง ที่ไม่ต้องย่างให้สุกมาก พร้อมน้ำจิ้มแจ่วที่ไม่ลืมพกมาแจมด้วยแล้ว บอกเลยว่ากดที่สั่งอาหารหน้าตาเหมือนแท็บเล็ตไอแพกที่วางอยู่บนโต๊ะรัว ๆ ได้เลย เดี๋ยวยกมาเสิร์ฟ ไม่ต้องคอยเรียก ออกมานี่แทบคลาน อิ่มตัวแตกกันเลยทีเดียว
งานนี้เราติดสอยห้อยตามทีมแข่งฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยเลนด์ (Honda Racing Thailand) ทีมที่ทาง Honda ภาคภูมิใจ โดยเป็นคนไทย 100% ทั้งนักแข่ง ทีมช่าง ทุกตำแหน่งเป็นทีมแรกและทีมเดียว นำโดยนักบิดหญิงไทยสาวแกร่ง “น้องมุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ตัวหลัก กับ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ นักบิดดาวรุ่งจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” และ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ อีกหนึ่งดาวรุ่งในฐานะนักบิดสำรองของทีม ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 3 ในการเข้าแข่งขันของทีม และตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถขึ้นแท่นโพเดียมให้ได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วหวังแชมป์นั่นแหละ ในเมื่อพกความมั่นใจมาขนาดนี้แล้ว เดี๋ยวมาลุ้นผลงานกัน
สนามซูซูกะ เซอร์กิต สนามแข่ง ที่ไม่ได้เป็นแค่สนามแข่ง
ใช่ครับ สนามแข่งที่เป็น “สวนสนุก” ด้วยครับ พอถึงสนามแล้วจะเห็นคนญี่ปุ่นจูงลูกจูงหลานมาเที่ยวกัน เนื่องจากสนามนี้เป็นสนามเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมาก ใช้แข่งขันรายการระดับโลกอย่างรถแข่ง F1 และมอเตอร์ไซค์รายการใหญ่ ๆ ซึ่งตัวผมเองเคยได้สัมผัสสนามนี้มาแล้วในเกมแข่งรถดัง ๆ หลายเกมจะมีสนามซูซูกะให้เลือกเล่น เรียกว่าแทบจะจำแต่ละโค้งได้แม่น ทั้งที่ไม่เคยมา วันนี้ได้มาสัมผัสของจริง แตกต่างจากที่คิดไว้มากพอสมควร
เนื่องจากตัวสนามเป็นสวนสนุก เมื่อก้าวผ่านทางเข้าจะพบบรรยากาศเพลงคลออยู่ตลอด เพื่อประกอบบรรยากาศเหมือนสวนสนุกทั่วไป ให้ความคึกคักสดใส มีร้านรวงขายของที่ระลึกที่เกี่ยวกับการแข่งรถ พวกหมวก นาฬิกา แว่นตา เสื้อ ชุดแข่ง หมวกกันน็อก ถุงมือละลานตา แต่เนื่องจากวันนี้เป็นวันที่มีการจัดการแข่งขัน ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งของกิน ของเล่น ซึ่งบรรดาเด็ก ๆ ก็จะได้เล่นเครื่องเล่นที่เกี่ยวกับการขับรถ ขี่มอเตอร์ไซค์ หรือเครื่องเล่นอื่น ๆ ที่ปลูกฝังความชอบกันแต่เด็ก ๆ เลย
ยิ่งเข้าไปใกล้สนามแข่งที่อยู่โซนข้างหลัง จะเริ่มได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์ เสียงท่อที่แผดออกมาในสนามดังขึ้นเรื่อย ๆ กระตุ้นอารมณ์ของการแข่งขันขึ้นมาทันที และเมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเพื่อเข้าเขตบริเวณด้านนอกรอบ ๆ อัฒจันทร์ของสนามแล้วนั้น เสียงเพลงจากลำโพงด้านข้าง ก็จะเร่งอารมณ์ในจังหวะที่ตื่นเต้นขึ้นไปอีก การบิวต์อารมณ์แบบนี้ยอมรับว่าได้ใจมาก ๆ นี่แหละเรามาถึงแล้ว แต่….
โดยรอบสนามยังเต็มไปด้วยบูธและเวทีกิจกรรมของค่ายรถมอเตอร์ไซค์ต่าง ๆ ขนมาโชว์ตัวรุ่นใหม่ ๆ ให้ได้มาลองสัมผัสอย่างใกล้ชิด ทดลองคร่อม ถ่ายรูป หรือจะลองคร่อมรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขายึดให้อยู่ในท่าแบนโค้ง แอ็คชั่นกันเต็มที่ แล้วจะมีพนักงานคอยเอามือถือเราช่วยถ่ายรูปให้ด้วย ข้อสังเกตอย่างหนึ่งคือ ถึงแม้จะคุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่อัธยาศัยไมตรี ในการเชิญชวน ให้ทดลอง เลือกซื้อหา หรือให้บริการแบบไม่ซื้อไม่ว่า ของพนักงานประจำบูธนั้น ถือว่ามีใจแห่งการบริการสูงมาก ๆ ไม่ได้มายืนเฝ้าเฉย ๆ เรียกว่ากุลีกุจอ ว่าใครอยากได้อะไรอยู่ตลอดเวลา ทำให้รู้สึกดีมาก ๆ ก่อนที่จะเข้าไปในสนามครับ
ก้าวลงสู่สนามแข่งจริง รายการ Suzuka 4 Hours Endurance 2019
เนื่องจากวันนี้เรามากับทีมฮอนด้า ซึ่งทางผู้บริหาร ดร.อารักษ์ พรประภา บอสใหญ่ของ เอ.พี.ฮอนด้า ที่เป็นหัวเรือหลักของความสำเร็จต่าง ๆ ของ Honda มาโดยตลอด ผู้ที่สร้างความประทับใจให้เราเป็นอย่างมาก เพราะเป็นบอสที่คลุกฝุ่นอยู่กับทีมอย่างจริงจัง และให้ความสำคัญและให้เกียรติกับทุก ๆ คนที่มีโอกาสได้ร่วมงานด้วยเป็นอย่างมาก รู้สึกเป็นกันเองจริง ๆ
พอเราเข้าไปในอาคารเพื่อลงทะเบียนสื่อที่มาจากประเทศไทย อย่างแรกที่พบ คือความอลังการของห้องสื่อ (Media Center) ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ข้าวปลาอาหาร Wi-Fi จอมอนิเตอร์เกาะติดทุกมุมมอง เพื่อให้สามารถเกาะติดและรายงานข่าวไปยังทุกมุมโลก ช่างภาพจากสำนักต่าง ๆ ที่ขนอุปกรณ์กล้อง พร้อมเลนส์ยาวเหยียดมากันเต็มสูบ ที่พร้อมจะจับภาพกีฬามอเตอร์สปอร์ตที่ต้องถ่ายจากมุมต่าง ๆ รอบสนาม ที่ด้วยความแรงและเร็วของรถ ผสานกับฝีมือและประสบการณ์ของช่างภาพแนวนี้ ในการจับจังหวะภาพที่ดีที่สุด ออกสู่สายตาแฟน ๆ ทางสื่อต่าง ๆ
ที่เจ๋งอีกอย่างก็คือ มียี่ห้อกล้องชื่อดัง 2 ค่ายใหญ่มาตั้งโต๊ะบริการ ล้างเลนส์ ทำความสะอาด ดูแล ซ่อม เปลี่ยนอะไหล่ต่าง ๆ ให้กับกล้องของสื่อตามยี่ห้อนั้นให้ฟรีด้วย
เมื่อได้บัตรคล้องคอสื่อพร้อมเสื้อกั๊กสีเขียวชัดเจนแล้ว ความมันก็บังเกิด เพราะการเป็นสื่อนั้น สามารถทะลุทะลวงไปได้เกือบทุกจุด
ไม่ว่าจะเป็นหลังพิต ในพิตที่ทีมงานของแต่ละทีมกำลังทำงาน รวมถึงลงไปใน Track หรือสนามแข่งเพื่อให้ได้ภาพดี ๆ และใกล้ชิดกับนักแข่งและทีมงานมาก ๆ เรียกว่าพอมอเตอร์ไซค์เข้าพิตมาเปลี่ยนยาง เติมน้ำมัน แล้วซัดออกไป
ในจังหวะนั้น ถือว่าให้ความมีอารมณ์ร่วมในการแข่งขันมาก โดยเฉพาะเสียงคำรามของท่อรถ 600 cc และเสียงรถแข่งแต่ละคันที่เร่งความเร็วเต็มที่เพื่อผ่านทางตรงหน้าพิตนั้น สามารถทำให้หูอื้อไปได้พักใหญ่ ถ้าไม่ใส่หูฟังกันเสียงหรือที่อุดหูไว้ตลอดครับ
Honda Racing Thailand ก่อนมาถึงวันนี้
ในปี 1978 หรือเมื่อ 42 ปีที่แล้ว ได้มีการจัดการแข่งขันรายการ Suzuka 8 Hours Endurance ขึ้นเป็นครั้งแรกที่สนาม Suzuka Circuit ในจังหวัดมิเอะ ประเทศญี่ปุ่น โดยกำหนดกติกาให้ใช้รถแข่งพิกัด 1,000 cc วิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 8 ชั่วโมง จนเป็นที่ชื่นชอบของชาวญี่ปุ่นก่อนจะขยายความนิยมไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว
ซึ่งในปี 1980 ทางผู้จัดได้เพิ่มรายการประเภท 4 ชั่วโมงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการแข่งขันโดยใช้รถแข่งพิกัด 600 cc ทำให้ทีมที่มีขนาดเล็กกว่าได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสความยิ่งใหญ่และพิสูจน์ฝีมือ โดยในปี 2017 เอ.พี. ฮอนด้า ได้ส่งทีมแข่งคนไทย 100% ในนามทีม A.P. Honda Racing Thailand ลงแข่งขันในประเภท 4 Hours Endurance เป็นครั้งแรก และทำผลงานได้ดีด้วยการคว้าอันดับที่ 4 มาครอง
ต่อมาในปี 2018 A.P. Honda Racing Thailand ได้ลองส่งนักแข่งดาวรุ่งไฟแรงลงแข่งขันในประเภท 4 Hours Endurance ซึ่งก็สามารถคว้าอันดับที่ 7 มาครองได้
ในปี 2019 ทาง A.P. Honda Racing Thailand ลงแข่งขันติดต่อกันเป็นปีที่ 3 ด้วยความพร้อมที่มากกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ทำให้การแข่งครั้งนี้ตั้งความหวังถึงชัยชนะ เพื่อจะเป็นส่วนหนึ่งในบันไดของความสำเร็จ เพราะ A.P. Honda เองได้ตั้งเป้าในการนำนักแข่งไทยเข้าสู่การแข่งระดับโลกอย่าง Moto GP ที่เป็นลีกสูงสุดของวงการการแข่งขันรถมอเตอร์ไซค์ระดับโลก ในปี 2025 โดยปูทางตั้งแต่การคัดเลือกเยาวชนไทย อายุตั้งแต่ 9-12 ปี จากทั่วประเทศ มาฝึกฝนกับฮอนด้า อะคาเดมี่ สู่เส้นทางนักแข่งระดับประเทศ, เอเชีย, เวิลด์จูเนียร์ ไปจนถึง Moto3, Moto2 และ Moto GP ตามลำดับ ดั่งเช่นเส้นทางของนักแข่งระดับโลกอย่าง มาร์ค มาร์เกวซ หรือ “ฟีม” รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ ที่แข่งขันในระดับ Moto2 และได้แชมป์ World Superbike รุ่น World Supersport 600 cc. สนามที่ 2 Chang International Circuit เป็นประวัติศาสตร์นักบิดไทยคนแรกที่คว้าแชมป์โลกในบ้านเกิดตัวเองได้
บรรยากาศการแข่งขัน
การแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศออกสตาร์ตในช่วงเช้า ท่ามกลางสภาพอากาศที่แปรปรวนของประเทศญี่ปุ่น มีฝนตกแทบตลอดเวลา โดยที่มุกข์ลดา รับหน้าที่เป็นนักบิดไม้แรก และออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยมแม้จะร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 3 แต่ก็สามารถกลับมาเป็นผู้นำได้ในรอบที่ 4 และรักษาตำแหน่งผู้นำได้อย่างเหนียวแน่น ทิ้งห่างอันดับ 2 ไปถึง 8.2 วินาที ในช่วง 55 นาทีแรก ก่อนจะนำรถเข้ามาเติมน้ำมันและเปลี่ยนตัวนักบิด ส่งไม้ต่อให้ ฟิล์ม ปิยวัฒน์ ลงไปทำหน้าที่ต่อในชั่วโมงที่ 2 ของการแข่งขัน
ขณะที่สภาพอากาศยังคงมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ปิยวัฒน์ ดาวรุ่งจากโครงการ “เรซ ทู เดอะ ดรีม” ของ เอ.พี. ฮอนด้า ทิ้งห่างคู่แข่งออกไปร่วม 1 นาที กับการแข่งขันชั่วโมงที่ 2 จากนั้น เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ทำการเปลี่ยนตัวนักบิดอีกครั้ง เพื่อให้มุกข์ลดา ลงมาทำหน้าที่ต่อ ด้วยการเป็นผู้นำและทิ้งห่างคู่แข่งออกไปถึง 2 รอบสนาม
แต่แล้ว ในช่วง 2 ชั่วโมง 40 นาที ของการแข่งขันมีรถแข่งพลาดล้มอย่างรุนแรง กรรมการต้องตัดสินใจตีธงแดงเพื่อยุติการแข่งขันชั่วคราว รถทุกคันต้องกลับเข้าพิต สุดท้ายจากสภาพอากาศที่มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่องส่งผลให้กรรมการประกาศยุติการแข่งขัน ส่งผลให้ เอ.พี. ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ภายใต้รถแข่ง Honda CBR600RR หมายเลข 149 คว้าแชมป์ประวัติศาสตร์ จากผลงานของคนไทยร้อยเปอร์เซ็นต์เป็นทีมแรก ด้วยจำนวนรอบทั้งสิ้น 62 รอบสนาม คิดเป็นระยะทาง 360.902 กิโลเมตร
ทีมงานกระโดดโลดเต้นและกอดกันกลม บรรดาสื่อก็วิ่งลงไปจากห้องสื่อ เพื่อลงไปถ่ายภาพรับรางวัลขึ้นโพเดียม ที่ไม่ใช่ที่สองหรือที่สาม แต่ในนามผู้ชนะ ได้สวนกับนักแข่งตรงบันไดหลังได้มีโอกาสจับมือทักทายแสดงความยินดี พบว่าน้องมุกข์ มือเย็นเจี๊ยบเลย พวกเราลงไปที่สนามเพื่อเตรียมถ่ายภาพย้อนกลับมาที่โพเดียมบนอัฒจันทร์ ตากฝนกันโดยไม่มีใครสนใจว่าฝนยังคงตกหนัก ทั้งผู้บริหาร ทีมงาน ช่างภาพ สื่อมวลชนไทย หันไปทางไหน ก็มีแต่รอยยิ้มเปื้อนใบหน้าอย่างหุบไม่ลงและร่วมร้องเพลงชาติไทยกระหึ่ม สนาม ซูซูกะ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น…..เราทำสำเร็จแล้ว จากปีแรกที่ 4 ปีที่สอง ที่ 7 วันนี้แชมป์เปี้ยนเป็นของเรา
จบทริปอย่างประทับใจ
บรรยากาศแห่งชัยชนะ ทำให้หลังจบการแข่งขัน ไปกินอะไร ไปไหนต่อก็มีความสุข ทางนักแข่งและผู้บริหารของเอ.พี. ฮอนด้า เดินทางกลับไปก่อน เพื่อให้ทางผู้บริหารญี่ปุ่นมาต้อนรับและแสดงความยินดีและปฏิบัติภารกิจอื่น ๆ ส่วนผู้ร่วมทริปอย่างเรา ก็ไปนอนริมทะเลสาบ แช่ออนเซ็น ซัดบุฟเฟ่ต์ขาปูยักษ์ เข้าโตเกียว ตะลุยชินจูกุกันก่อนกลับสักหน่อย ไหน ๆ มาแล้ว
นอกเหนือจากการได้แชมป์แล้ว เรายังรู้สึกถึงการมีส่วนร่วมในชื่อเสียงและความภาคภูมิใจของคนไทย Kapook.com และชาวไทยขอเป็นแรงเชียร์และสนับสนุนกิจกรรมดี ๆ อย่างนี้ของ A.P. Honda และ A.P. Honda Racing Thailand ให้สามารถทำผลงานและนำความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ให้กับประเทศไทยและคนไทยอย่างนี้ในโอกาสต่อ ๆ ไปครับ