New Audi TTS Coupe และ TT Roadster 2019 เปิดตัวในไทย รวมพลังสปอร์ตยกแก๊ง

New Audi TTS Coupe และ TT Roadster 2019 เปิดตัวในไทย เสริมทัพรถสปอร์ตตระกูล TT เพื่อเพิ่มความเร้าใจและมุมมองใหม่ที่เปิดโล่งเป็นอิสระมากกว่าเดิม

หลังจากที่ อาวดี้ ประเทศไทย เปิดตัว New Audi TT Coupe 2019 รุ่นปรับโฉมของเจเนอเรชั่นที่ 3 ไปเมื่อช่วงต้นปี ล่าสุดได้ส่ง New Audi TTS Coupe และ Audi TT Roadster 2019 ตามมาเพื่อสร้างความเร้าใจและเปิดมุมมองใหม่ไปกับรถสปอร์ตพรีเมียมขนาดเล็กที่ Audi พยายามเชื่อมโยงเรื่องราวของการเป็นผู้ผลิตรถยนต์แบรนด์เก่าแก่จากอินกอลสตาดท์ เยอรมนี ไปพร้อม ๆ กับความโมเดิร์น

Audi TTS Coupe และ Audi TT Roadster 2019 ใหม่ 2 รถสปอร์ตจากตระกูล TT กับเทคโนโลยีที่ไม่ไร้รากและเต็มไปด้วยเรื่องราวภายใต้โลโก้สี่ห่วง แม้จุดเริ่มต้นของ Audi TT เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อปลายศตวรรษที่ 20 โดยถูกนำเสนอผ่านรถต้นแบบ Audi TT Concept เป็นครั้งแรกในปี 1995 ช่วงเวลาของแฟชั่นโหยหาอดีตกำลังส่งอิทธิพลต่อยานยนต์พรีเมียม Audi TT Concept จึงถูกดีไซน์มาแหวกล้ำแต่คลาสสิกแบบ Retro Future ก่อนที่ Audi TT Coupe จะเปิดตัวคันจริงในปี 1998 ด้วยสไตลิ่งกลมมน มินิมอล ประหลาดตา แต่น่าจดจำ เพื่อตามประกบ BMW Z3 และ Mercedes-Benz SLK

แต่ Audi TT เจเนอเรชั่นแรกเปรียบเสมือนเงาสะท้อนของ Auto Union Type A-D รถแข่งกรังด์ปรีซ์ในตำนาน Silver Arrow ของเยอรมนีคู่กับ Mercedes-Benz ยุคก่อน WW2 ในแง่ของรูปทรงและเอกลักษณ์ดังกล่าวได้สืบทอดมาจนถึงเจเนอเรชั่นที่ 3 ซึ่งก็คือ New Audi TTS Coupe และ Audi TT Roadster 2019 ใหม่ (ปรับโฉม) ในตอนนี้

ส่วนรหัส TT นั้นไม่ได้เกิดจาก Audi มาตั้งแต่ต้น แต่ Audi ยกชุดรหัส TT, TTS มาจาก NSU แบรนด์รถยนต์ที่ถูกควบรวมให้เข้ามาอยู่ใต้ร่มชายคาเดียวกันกับ Audi นั่นคือ Auto Union (ก่อนทั้งหมดจะถูกถือครองโดย Volkswagen Group) ซึ่ง NSU ผลิตมอเตอร์ไซค์ DKW มาก่อน และมีชื่อเสียงในการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ที่อันตรายมากที่สุด Isle of man TT (Tourist Trophy) ยุคก่อน WW2 แต่คนบางส่วนก็เชื่อว่า รหัส TT ของ Audi มาจากคำว่า Technology and Tradition ด้วยเช่นกัน

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน New Audi TTS Coupe และ Audi TT Roadster 2019 เจเนอเรชั่นที่ 3 (ปรับโฉม) คือรถสปอร์ต 2 รุ่นใหม่ ที่จะมาเสริมทัพร่วมกับ Audi TT Coupe 2019 โดย New Audi TT Roadster 2019 จะเป็นรถสปอร์ตหลังคาเปิด และมีทุกอย่างคล้าย Audi TT Coupe 2019 ตัวถังคูเป้

ตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ 230 แรงม้า แรงบิด 370 นิวตันเมตร รวมถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro และเห็นจะมีเพียงอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.6 วินาที ของ Audi TT Roadster 2019 ที่ใช้เวลามากกว่ารุ่น Coupe อยู่ 0.3 วินาที ตลอดจนที่นั่งของ Audi TT Roadster 2019 ถูกลดจาก 2+2 เหลือ 2 ที่นั่ง ความจุห้องเก็บสัมภาระท้ายหายไป 20 ลิตร ซึ่งต้องกันไว้สำหรับเก็บหลังคาผ้าใบ

ขณะที่ New Audi TTS Coupe 2019 คือเวอร์ชั่นที่แรงและสปอร์ตกว่า Audi TT Coupe 2019 ด้วยพละกำลัง 286 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ซึ่งเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 4.7 วินาที พร้อมกับระบบกันสะเทือน Audi Magnetic Ride ที่ปรับสภาพการทำงานให้เหมาะสมกับการขับขี่และสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือตามรูปแบบการขับขี่ที่เลือก เช่น ในโหมด Normal ระบบจะมีความหนืดต่ำและพยายามรักษาสมดุลของการทำงาน ขณะที่โหมด Sport แดมเปอร์จะถูกปรับให้แข็งขึ้น เพื่อรองรับการขับขี่อย่างรุนแรงกว่าโหมด Normal

นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องของการตกแต่งที่ New Audi TTS Coupe 2019 จัดเต็มกว่า เป็นต้นว่า ล้อ 19 นิ้ว ลาย 5 ก้านคู่ดูสปอร์ตกว่า ชุดแอโร่พาร์ตและคาลิเปอร์เบรกสีแดง รวมถึงเบาะภายในหุ้มหนังแท้ Nappa เกรดสูง เย็บตะเข็บ Diamond Cut ขณะที่ Audi TT Coupe และ TT Roadster 2019 หุ้มหนังสลับ Alcantara

ทั้งนี้ New Audi TTS Coupe และ TT Roadster รวมถึง Audi TT Coupe 2019 จะมีสีตัวถังให้เลือก 6 สี ได้แก่

• สีขาว Glacier White Metallic
• สีดำ Mythos Black Metallic
• สีเทา Nano Grey Metallic (TT Coupe, TT Roadster)/ Daytona Grey Metallic (TTS Coupe)
• สีแดง Tango Red Metallic
• สีน้ำเงิน Turbo Blue Solid
• สีเหลือง Vegas Yellow Solid

หมายเหตุ : Audi TTS Coupe 2019 สีตัวถังขาว, ดำและเทา สามารถเลือกจับคู่กับเบาะสีแดงได้ หากนอกเหนือไปจากนี้ Audi TT ทุกแบบ ทุกสีจะจับคู่กับเบาะสีดำทั้งหมด

สำหรับราคาจำหน่าย Audi TT Roadster 2019 ตั้งไว้ 3,599,000 บาท และ Audi TTS Coupe 2019 4,699,000 บาท ขณะที่ Audi TT Coupe 2019 ซึ่งเปิดตัวและรับจองไปก่อนยังคงราคาจำหน่ายไว้ 3,299,000 บาท

พอเห็นราคาแล้วต้องบอกว่า อาวดี้ ประเทศไทย เคาะออกมาได้น่าสนใจ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคู่ปรับในระดับเดียวกันอย่าง BMW Z4 Roadster และ Mercedes-Benz SLC-Class ล้วนแต่แพงกว่าทั้งสิ้น แต่ทั้งหมดก็มีเส้นแบ่งกลุ่มลูกค้าของตัวเองไว้ชัดเจน เพราะถ้าต้องการฟีลลิ่งของรถสปอร์ตขับหลัง Audi ไม่มีให้ หลังคาแข็งพับได้ไป Mercedes-Benz และถ้าเจาะจงเป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro ก็คงหาไม่ได้ใน BMW อีกเช่นกัน

ภาพจาก Audi