รวม 7 รถกระบะ 4 ประตู ที่หาซื้อได้ในงบต่ำกว่า 700,000 บาท ซึ่งข้อดีของรถกระบะ 4 ประตู คือความประหยัด ทนทาน อเนกประสงค์ จนหลายครอบครัวตัดสินใจเลือกใช้เป็นรถคันแรก
แม้ในหลายประเทศรถกระบะอาจไม่เป็นที่นิยมนัก แต่สำหรับประเทศไทยรวมถึงอีกหลาย ๆ ประเทศ รถกระบะยังคงเป็นรถที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมีให้เลือกมากมายตามไลฟ์สไตล์การใช้งาน เพราะความคุ้มค่าในหลาย ๆ ด้าน ทั้งพละกำลังที่ได้เมื่อเทียบกับจำนวนเงินที่จ่าย ความอเนกประสงค์ ความประหยัด ไปจนถึงความทนทาน
ดังนั้นรถกระบะจึงเป็นรถที่ถูกเลือกสำหรับใช้งานในครอบครัวแทนรถเก๋ง เราจึงได้รวบรวม 7 รถกระบะ 4 ประตู ปี 2019 ที่หาซื้อได้ในงบต่ำกว่า 700,000 บาท ซึ่งจะได้ข้อดีทั้งหมดที่กล่าวมาในข้างต้น แต่อาจมีข้อจำกัดอยู่ 2-3 ข้อ เช่น ตัวเลือกในงบนี้จะเป็นเกียร์ธรรมดา ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และอุปกรณ์มีให้แค่พอใช้งาน ไม่หรูหรานักก็เท่านั้น
1. Chevrolet Colorado C-Cab 4x2 รุ่นย่อย LS ราคา 699,000 บาท
ในงบประมาณนี้สำหรับ Chevrolet จะได้ Colorado รุ่นย่อย LS ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน ประหยัดอุปกรณ์และการตกแต่ง ให้มาแค่เพียงพอต่อการใช้งาน กับสไตล์ที่ดูเป็นอเมริกันเบา ๆ
Chevrolet Colorado C-Cab 4x2 รุ่นย่อย LS ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ และแรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 7.4 ลิตร/100 กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 ปล่อย CO2 195 กรัม/กม.
2. Ford Ranger Double Cab 4x2 รุ่นย่อย XL ราคา 689,000 บาท
เป็น 1 ใน 6 รุ่นย่อยใหม่ของ Ford Ranger ที่เพิ่มมาในปี 2019 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าสู้กับคู่แข่งหลัง Ford Ranger โฉมนี้ได้รับความนิยมสูงขึ้นมาก
Ford Ranger Double Cab 4x2 รุ่นย่อย XL ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตร
อัตราสิ้นเปลืองและการปล่อยมลพิษ (ยังไม่อัปเดตใน EcoSticker)
3. Foton Tunland Double Cab 4x2 รุ่นย่อย E ราคา 681,700 บาท
แบรนด์รถกระบะจากจีน เทคโนโลยีระดับสากล ทั้งเครื่องยนต์ เกียร์ แต่ในภาพรวมก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากลูกค้าส่วนใหญ่เท่าที่ควร ซึ่งเป็นไปได้ทั้งจากราคา ดีไซน์ ความวางใจในคุณภาพ บริการหลังการขาย ตลอดจนถึงราคาขายต่อ
Foton Tunland Double Cab 4x2 รุ่นย่อย E ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 1,800-3,000 รอบ/นาที
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 7.3 ลิตร/100 กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 ปล่อย CO2 192 กรัม/กม.
4. Isuzu D-Max Cab4 1.9 Ddi รุ่นย่อย S ราคา 676,000 บาท
ราคาดี ซื้อง่าย ขายคล่อง และการบริการหลังการขายไว้วางใจได้มากที่สุดแบรนด์หนึ่งในไทย คือข้อดีอันดับต้น ๆ ของ Isuzu D-Max นอกจากนี้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร เทอร์โบ แม้จะมีตัวเลขพละกำลังน้อยกว่าคู่แข่ง แต่ประหยัดและปล่อยมลพิษน้อยกว่า
Isuzu D-Max Cab4 1.9 Ddi รุ่นย่อย S ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 1.9 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
อัตราสินเปลืองเฉลี่ย 6.3 ลิตร/100 กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 ปล่อย CO2 165 กรัม/กม.
5. Mazda BT-50 Pro Double Cab 2.2 รุ่นย่อย S ราคา 663,000 บาท
เป็นรถกระบะอีกรุ่นที่ไม่ค่อยรุ่งในไทย รวมถึงประเทศที่รถกระบะเป็นพระเอกอย่างออสเตรเลียก็ประสบปัญหาคล้ายกัน อาจเพราะหน้าตาที่พยายามจะเป็นรถเก๋งมากเกินไปก็ไม่อาจทราบได้ แต่ Mazda BT-50 Pro ยังเป็นตัวเลือกในงบไม่เกิน 700,000 บาท
Mazda BT-50 Pro Double Cab 2.2 รุ่นย่อย S ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 125 แรงม้า ที่ 3,700 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 1,600-1,700 รอบ/นาที
อัตราสินเปลืองเฉลี่ย 7.1 ลิตร/100 กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 ปล่อย CO2 165 กรัม/กม.
6. Nissan Navara Double Cab 4x2 ร่นย่อย S ราคา 693,000 บาท
ถ้าพูดถึงชื่อเสียง ดีไซน์ ความทนทานและอุปกรณ์ Nissan Navara 2019 ไม่ได้เป็นรองคู่แข่ง แต่น่าแปลกที่ยอดขายกลับถูกทิ้งห่างอย่างไม่น่าเชื่อ อย่างไรก็ตามเรายังมองว่า Nissan Navara 2019 ยังเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการใช้งาน
Nissan Navara Double Cab 4x2 ร่นย่อย S ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 403 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที
อัตราสินเปลืองเฉลี่ย 7.2 ลิตร/100 กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 ปล่อย CO2 190 กรัม/กม.
7. Toyota Hilux Revo Z Edition 4x2 รุ่นย่อย 2.4 J ราคา 682,000 บาท
Toyota Hilux Revo ตัวเลือกอันดับต้น ๆ ที่ไม่ต้องใช้เวลาตัดสินใจมาก หากมองความน่าเชื่อถือ บริการหลังการขายและราคาขายต่อ ไม่ค่อยพบปัญหาจุกจิกกวนใจนัก (ถ้าจะบอกว่าไม่มีเลยคงไม่ได้และไม่มีรถยี่ห้อไหน รุ่นไหนทำได้) ดังนั้น ด้วยความเป็นเจ้าตลาดก็อาจทำให้หลายอย่างถูกลดทอนลงเพื่อแลกกับความสบายใจ
Toyota Hilux Revo Z Edition 4x2 รุ่นย่อย 2.4 J ใช้เครื่องยนต์ดีเซล 2.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 343 นิวตันเมตร ที่ 1,400-2,800 รอบ/นาที
อัตราสินเปลืองเฉลี่ย 6.8 ลิตร/100 กม. ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 ปล่อย CO2 180 กรัม/กม.
อย่างไรก็ตามปี 2019 อาจไม่ใช่ปีที่เหมาะกับการถอยรถกระบะคันใหม่นัก หากไม่ชอบที่จะขับรถตกรุ่นภายใน 1-2 ปี เพราะหลายรุ่นในนี้อยู่ในช่วงปลายอายุตลาดและใกล้ถึงเวลาเปลี่ยนโฉมเต็มทีแล้ว ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นต้องรีบมีรถกระบะไว้ใช้งานก็น่ารอมากทีเดียว
ภาพจาก Chevrolet, Ford, Foton, Isuzu, Mazda, Nissan และ Toyota
(หมายเหตุ ภาพประกอบอาจแตกต่างจากรุ่นย่อยจริงของรถทั้ง 7 รุ่น)