แน่นอนว่าระบบ MBUX เวอร์ชั่นล่าสุด ถูกติดตั้งมาให้สำหรับ Mercedes-Benz GLC Coupe 2019 เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน และขยายขอบเขตการเรียกใช้งานไว้ถึง 5 รูปแบบ ได้แก่
- สัมผัสที่กลางหน้าจออินโฟเทนเมนต์
- ด้วยปุ่ม Touch Control บนพวงมาลัย
- Touchpad บนคอนโซลกลาง
- Gesture Control (เรียกใช้ด้วยท่าทาง แต่เป็นออปชั่น)
- ด้วยคำสั่งเสียง "Hey Mercedes"
ทางด้านขุมพลัง Mercedes-Benz GLC Coupe 2019 มีทางให้เลือกทั้งหมด 5 แบบ คือ 2 เบนซิน 3 ดีเซล ดังนี้
- GLC 200 4MATIC เครื่องยนต์เบนซิน ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า และแรงบิด 320 นิวตันเมตร พร้อมบูสต์ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EQ Boost) ที่ให้ Output เพิ่มอีก 10 กิโลวัตต์ และแรงบิด 150 นิวตันเมตร
- GLC 300 4MATIC เครื่องยนต์เบนซิน ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า และแรงบิด 370 นิวตันเมตร พร้อมบูสต์เพิ่มด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EQ Boost) ที่ให้ Output เพิ่มอีก 10 กิโลวัตต์ และแรงบิด 150 นิวตันเมตร
- GLC 200 d 4MATIC เครื่องยนต์ดีเซล ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า และแรงบิด 360 นิวตันเมตร
- GLC 220 d 4MATIC เครื่องยนต์ดีเซล ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร
- GLC 300 d 4MATIC เครื่องยนต์ดีเซล ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า และแรงบิด 500 นิวตันเมตร
ขณะที่ระบบกันสะเทือนของ Mercedes-Benz GLC Coupe 2019 จะได้ Sports Suspension แบบ Adaptive เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ระบบควบคุมแชสซีส์ DYNAMIC BODY CONTROL จะเป็นออปชั่น เช่นเดียวกับระบบ AIR BODY CONTROL พร้อมสปริงลม หากต้องการความสบายและความสปอร์ตไปพร้อม ๆ กัน ก็มีให้เลือกเป็นออปชั่นสั่งติดตั้งเพิ่มได้แล้ว
คาดว่า Mercedes-Benz ประเทศไทย น่าจะมีการอัปเดต Mercedes-Benz GLC Coupe 2019 ในไม่ช้า เพราะคู่แข่งอย่าง BMW ได้เปิดตัว All-new BMW X4 xDrive20d M Sport ไปเมื่อก่อนปลายปีที่ผ่านมา ในแบบนำเข้า (CBU) ราคา 3.999 ล้านบาท ส่วน Mercedes-Benz GLC 250 4MATIC Coupe AMG Plus จำหน่ายในราคา 4.09 ล้านบาท ยังเป็นโฉมเดิม
ภาพจาก Mercedes-Benz