Bugatti La Voiture Noire ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษจาก Bugatti มีคันเดียว สนนราคา 11 ล้านยูโร ราว 395 ล้านบาท ขึ้นแท่นรถแพงที่สุดในโลก 2019 เพื่อระลึกถึง Bugatti Type 57 SC Atlantic ของ Jean Bugatti ซึ่งรู้จักกันในชื่อ La Voiture Noire หรือ “รถสีดำ” ที่สาบสูญ จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ
รถอะไรหายากที่สุด ? คำตอบคือ Bugatti Type 57 SC Atlantic หมายเลขแชสซีส์ 57453 ของ Jean Bugatti ลูกชาย Ettore Bugatti เพราะมันคือรถที่ “หายไป” ซึ่งรู้จักกันในชื่อ La Voiture Noire หรือ “รถสีดำ” ที่หายสาบสูญช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังเยอรมนีบุกเข้าฝรั่งเศส จนถึงตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ
นั่นจึงเป็นที่มาของ Bugatti La Voiture Noire ไฮเปอร์คาร์รุ่นพิเศษสุด ๆ จาก Bugatti ที่เปิดตัวในงาน Geneva Motor Show 2019 ผลิตเพียงคันเดียว โดยเป็นการตีความและระลึกถึงรถ Bugatti Type 57 SC Atlantic ปี 1936 หรือ La Voiture Noire คันสีดำที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
Bugatti Type 57 SC Atlantic
Bugatti Type 57 SC Atlantic
Bugatti La Voiture Noire กับสนนราคาที่ประเมินค่าได้ 11 ล้านยูโร หรือราว 395 ล้านบาท (เฉพาะรถเปล่า ๆ ยังไม่รวมภาษีของที่ไหน) และหากรวม ก็มีสิทธิ์เป็นรถที่แพงที่สุดในโลก ปี 2019 ที่ยืนยันได้คือ Bugatti La Voiture Noire ถูกขายไปเรียบร้อย ส่วนเจ้าของตำแหน่งเดิมคือ Rolls-Royce Sweptail ที่ลือว่า ขายกันในราคา 12.8 ล้านดอลลาร์ หรือราว 400 ล้านบาท แต่เป็นเพียงตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ
โดย Bugatti La Voiture Noire จัดว่าเป็นงาน Bespoke มีเพียงคันเดียวในโลกและเป็นงาน Handcraft ตัวถังเป็นคาร์บอนไฟเบอร์เส้นใยละเอียด (ultra-fine fiber) พ่นสีดำฉ่ำลึกแบบ Deep Black Gloss ส่วน Key Design ที่เป็น Signature ของ Bugatti Type 57 SC Atlantic คือครีบสันกลางเดินยาวจากหน้าจรดท้ายรถ นอกนั้นก็คล้าย Bugatti Chiron รวมถึง Divo Bugatti
แล้วครีบนี้สำคัญไฉน ถึงกลายเป็น Signature เพราะมันคือร่องรอยที่ใช้บอกถึงความล้ำยุคของ Bugatti Type 57 SC Atlantic ช่วงก่อนสงครามโลก ตามรถต้นแบบ Bugatti Type 57 Aerolithe แปลว่า "เบาหวิวเหมือนอากาศ" ซึ่งเกิดจากการประกบตัวถังทรงหยดน้ำที่แบ่งเป็น 2 ซีกเข้าด้วยกัน จึงแตกต่าง ไม่เหมือนใคร
แต่ตัวถังของ Bugatti Type 57 SC Atlantic ที่ทำจากวัสดุผสมเพื่อลดน้ำหนักให้เบาได้ตามชื่อ (คืออัลลอยประเภทหนึ่ง จดเครื่องหมายการค้าในชื่อ Elektron) นั้นติดไฟง่าย จึงต้องมีครีบประกบไว้ยิงรีเวตแทนการเชื่อม จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของรถสปอร์ต Bugatti ชุดนี้ ซึ่งมีเพียง 5 คัน หากไม่นับ Atalante ปัจจุบันน่าจะเหลือแค่ 2 คัน เป็นของ Ralph Lauren 1 คัน ส่วนอีกคันถูกนำออกประมูลด้วยราคามหาศาล
สำหรับทางด้านขุมพลัง Bugatti La Voiture Noire ยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน แบบ W16 สูบ ความจุ 8 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 1,500 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 1,600 นิวตันเมตร ดูยิ่งใหญ่คับโลก รุนแรง ฟุ่มเฟือยอย่างหาความประหยัดไม่ได้ และไม่ใช่เรื่องที่ Bugatti หรือลูกค้า Bugatti จะต้องสนใจ พร้อมกับท่อไอเสียไว้ข่มขวัญอีก 6 ท่อ
อย่างไรก็ตาม Bugatti ไม่ได้เปิดเผยชื่อผู้ที่ได้ครอบครองรถคันนี้ว่าเป็นใคร รวยมาจากไหน แค่ระบุว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่หลงใหล Bugatti Type 57 SC Atlantic ซึ่งปัจจุบันคงไม่เหลือมากพอให้ทุ่มซื้อกันได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง La Voiture Noire “รถสีดำ” คันนั้นที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย และถ้ามันยังอยู่ดีที่ไหนสักแห่ง มูลค่าคงมหาศาลเกินบรรยาย ส่วน Bugatti La Voiture Noire น่าจะพอบรรเทาอาการอยากไปได้บ้างชั่วคราว เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ขลังและแรร์เท่าของเดิมแน่
