กว่าจะมาเป็น Mazda 3 เรื่องราวของรถขนาดคอมแพกต์จาก Mazda จัดว่าโชกโชนไม่น้อย ซึ่งปีนี้ All-new Mazda 3 ปี 2019 น่าจะกลับมาพีคอีกครั้ง และคงทำให้ All-new Toyota Altis 2019 รวมถึง Honda Civic 2019 แสบ ๆ คัน ๆ ได้เลยทีเดียว
กว่าจะกลายเป็น Mazda 3 รถขนาดคอมแพกต์ขวัญใจคนรุ่นใหม่อย่างในปัจจุบันนี้ จัดว่าไม่ธรรมดา โดยต้นกำเนิดของ Mazda 3 ได้เริ่มต้นขึ้นในปี 1963 ด้วยชื่อ Mazda Familia รูปแบบตัวถัง Van 2 ประตู (ถ้านับบานท้ายเข้าไปด้วยก็ 3 ประตู) จากนั้นตัวถัง 4 ประตู และ 2 ประตู จึงทยอยตามออกมาในปี 1964
สำหรับดีไซน์ของ Mazda Familia เจเนอเรชั่นแรก ออกแบบโดยนักออกแบบชื่อดัง Giorgetto Giugiaro ครั้งยังอยู่ในสำนัก Bertone ใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กแค่ 800 ซี.ซี. และค่อยขยับเป็น 1,000 ซี.ซี. ดังนั้นสไตลิ่งของ Mazda Familia จึงพูดได้ว่าไม่ธรรมดาและมีความเป็นอิตาเลียนพอตัว แม้การเดินสันครีบรอบคันจะตามรถอเมริกันอย่าง Chevrolet Corvair (แต่จะว่าไปสันครีบน้อย ๆ นี้ปรากฏในรถ Concept ของอิตาลีมาก่อนแล้ว) อันลดรูปมาจากยุค Jet Edge ที่คลั่งครีบหางและองค์ประกอบต่าง ๆ เลียนแบบเครื่องบินซึ่งเทรนด์นี้แพร่ระบาดไปทั่วโลก (ส่วนหนึ่งก็เพื่อเอาใจตลาดอเมริกันด้วย)
ล่วงมาถึง เจเนอเรชั่นที่ 2 ในประเทศไทยยังคงรู้จักในชื่อ Familia มีหลากหลายรูปแบบตัวถัง ส่วนสไตลิ่งเป็นอิตาเลียนชัดขึ้นด้วยพื้นผิวตัวถังเรียบ มน (Mazda มีความอ่อนตัวในแง่ดีไซน์ หรืออนุรักษ์นิยมน้อยกว่าเพื่อนร่วมชาติมานาน) โฉมนี้เองหลายคนอาจมีภาพจำเป็นรถกระบะคันเล็กราคาประหยัดซึ่งฮิตพอสมควร ขนาดว่าลากขายในชื่อ Mazda Familia มาได้จนถึงประมาณกลางยุค 90
อย่างไรก็ตามระหว่างยุค 70 มีการนำเอา Mazda 808 (Grand Familia) มาจำหน่ายเพื่อเป็นคู่แข่งกับ Toyota Corolla KE30 ก่อนเปลี่ยนไปใช้ชื่อ Mazda 323 และเป็นการจบยุค Mazda Familia ในไทย (ยกเว้นตัวถังกระบะ)
เข้าสู่ยุครหัสรุ่น 323 ของ Mazda (ทั้งในไทยและอีกหลายประเทศ) จึงขึ้นเจเนอเรชั่นใหม่ แต่สำหรับชื่อ Familia ในตลาดญี่ปุ่นแล้วคือทายาทรุ่นที่ 3 ดีไซน์ก็ยังคงวนเวียนแถว ๆ อิตาลี โดยมี Volkswagen Golf MKI (ออกแบบโดย Giorgetto Giugiaro) เป็นแรงบันดาลใจและยิ่งแสดงออกชัดใน Mazda 323 เจเนอเรชั่นที่ 2 ทั้งการวางจุดพิกัดฐานล้อ รวมถึงมุมเสาหลังคา จนมาจบเอาเจเนอเรชั่นที่ 5 ที่สาวก Mazda รุ่นใหญ่หน่อยอาจติดหูคำโฆษณาด้วยกันชน Color Key สีเดียวกับตัวรถ ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่โก้มากในยุค 80
ถัดมา Mazda 323 เจเนเรชั่นที่ 6 ช่วงราวต้นยุค 90 ทำตลาดในไทย มีตัวถัง 4 ประตู สไตลิ่งใกล้เคียง Mercedes-Benz W124 (ท้ายโลงจำปา) ทั้งการปาดเฉียงเส้นบ่าตัวถัง การลบสันมุมท้ายรถ ตลอดจนบานกระจกประตูหลังและเสา C เหมือนจงใจ แต่มาในแพ็กเกจที่เล็กกว่า และแยกของเด็ดออกเป็น Mazda 323 Astina ไฟป๊อปอัพ ตัวถัง 5 ประตู เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร แรงระดับ 140 แรงม้า จัดจ้านมาก โดยมี Toyota Corolla (AE92) GTI เป็นคู่ปรับแบบไม่ลดราวาศอก
และด้วยความฮอตของ Mazda 323 Astina นั้นส่งผลมาถึง Mazda 323 Astina เจเนเรชั่นที่ 7 ซึ่งเข้าสู่ยุคดีไซน์กลมมนแบบ Egg Shaped แต่เก๋ไก๋ สไตลิสต์ ด้วยประตูไร้กรอบกระจก ส่วนตัวถัง 4 ประตู กลับเรียบง่าย ไม่ค่อยหวือหวา จนถึงเจเนอเรชั่นที่ 8 หรือ Mazda 323 Protegé ที่เจือเหลี่ยมสันเข้าไปอีกครั้ง และช่วงนี้เองกระแสรถ Mazda ในไทยค่อนข้างแผ่วลงมาก รถรุ่นใหญ่อย่าง Mazda 626 ที่นำเข้ามา (CBU) ก็ขายได้น้อยแบบนับคันได้ ผิดกับ Mazda 626 Cronos รุ่นก่อนหน้า จน 626 ต้องยุติทำตลาดถึงตอนนี้
ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลังจาก Re-Product ใหม่ จาก Mazda 323 เป็น Mazda 3 (และจาก Mazda Familia ไปสู่ Axela ในญี่ปุ่น เมื่อปี 2003) กราฟความนิยมเริ่มดูจะเชิดหัวขึ้นทันที
Mazda 3 เจเนอเรชั่นแรกนี้มีทั้งแบบตัวถัง 4 ประตู 4 Sedan และ 5 ประตู Hatchback (ในต่างประเทศมีรุ่นแรงอย่าง Mazda Speed 3 ด้วย) ซึ่งค่อนข้างประสบความสำเร็จ ดึงดูดคนรุ่นใหม่ แม้คนรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยยังเชื่อมั่นในอนาคต (เช่น ราคาขายต่อ อะไหล่และศูนย์บริการ เป็นต้น) ของรถกระแสหลักอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม Mazda 3 เจเนอเรชั่นที่ 2 และ 3 ยังคงเพิ่มดีกรีความแรงด้วยดีไซน์และบุคลิกการขับขี่ที่สปอร์ตขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงคุณภาพวัสดุที่ค่อนข้างพรีเมียมน่าประทับใจ ซึ่งก็คือกลยุทธ์การขายในแบบที่ลูกค้าซื้อแล้วสัมผัสได้เลยในทันที ต่างจาก Toyota ที่เลือกขายความมั่นใจในอนาคต แต่ลูกค้ารุ่นใหม่บางส่วนให้ความสำคัญหรือกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงน้อยกว่า (ความมุ่งหวังต่อตัวสินค้าต่างกัน)
ซึ่งการเดินเกมของ Mazda ส่งผลให้ Mazda 3 รวมถึง Mazda 2 ได้รับความนิยมสูง จะว่าเป็นยุคทองของ Mazda อีกครั้งในไทยก็คงไม่ผิดไปจากความเป็นจริงนัก และหลายคนก็รอคอยการเปิดตัวของ All-new Mazda 3 ปี 2019 ที่กำลังจะมาถึงช่วงกลางปีนี้แบบใจจดใจจ่อ
สำหรับ All-new Mazda 3 ปี 2019 ในประเทศไทย แน่นอนว่าต้องมาพร้อมเทคโนโลยีของ Mazda เจเนอเรชั่นใหม่ เช่น แพลตฟอร์ม Skyactiv-Vehicle Architecture มุ่งเน้นการขับขี่และให้ความสบายในการเดินทาง แต่ที่น่าจับตาคือเครื่องยนต์เบนซินSKYACTIV-X จะมีให้ได้สัมผัสกันเลยหรือไม่ เพราะค่อนข้างใหม่ แถมยังเป็นเครื่องยนต์ที่ใช้การบีบอัดช่วยในการจุดระเบิดคล้ายเครื่องยนต์ดีเซลบล็อกแรกของโลก (เชิงโปรดักชั่น) ด้วย
เอาเป็นหลังจากเพลิดเพลินกับเทศกาลสงกรานต์ไปสักพัก All-new Mazda 3 ปี 2019 ก็คงจะเตรียมเปิดตัวในไทยตามที่ Mazda เคยแจ้งไว้ ส่วนจะคันจริงว้าวหรือไม่แค่ไหน ก็ต้องชนกับ All-new Toyota Corolla 2019 แบบเลี่ยงไม่พ้น ส่วน Honda Civic 2019 อาจต้องเตรียมแผนรับมือจากศึกทั้ง 2 ด้านไว้แน่ ดังนั้นใครไม่รีบและสนใจรถขนาดคอมแพกต์ ตอนนี้นิ่งรอไว้ก่อนจะดีกว่า
ภาพจาก Mazda, Japanclassic.ru และ cars-data.com