x close

ทดสอบ Nissan Terra 2018 น้องใหม่แห่งวงการ PPV ที่มีบุคลิกเฉพาะแตกต่าง

เทสต์ไดรฟ์ Nissan Terra 2018 อเนกประสงค์รุ่นใหม่ ขับดีแล้วเป็นอย่าง รีวิว นิสสัน เทอร์ร่า 2018 ผ่านเส้นทางโหดหินที่เชียงราย  อัตราเร่งที่ไม่ธรรมดา พร้อมความน่าสนใจของรุ่นนี้

ย้อนความไปต้นปี 2015 มีการจับภาพรถยนต์โมเดลใหม่จากนิสสัน สัดส่วนและดีไซน์เห็นชัดว่าเป็นรถอเนกประสงค์ที่ใหญ่โตพอตัว หลายสื่อก็ให้ความเห็นไปทางเดียวกันว่านี่คือรถยนต์อเนกประสงค์ที่ใช้พื้นฐานจากกระบะ Nissan Navara

จากวันนั้นกว่า 3 ปี ถึงมีกระแสโผล่ขึ้นมา ว่าใกล้เปิดตัว นับเป็นเวลาที่นานมากสำหรับที่มีการวิ่งเทสต์..... ถึงวันนี้ Nissan Terra 2018 เปิดตัวพร้อมจำหน่าย พร้อมใช้ไทยเป็นฐานการผลิตจำหน่ายในประเทศและส่งออกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ณ เวลานี้ Nissan Terra 2018 ก็เตรียมความพร้อมที่จะปล่อยรถไปยังศูนย์บริการและได้นำรถมาจำนวนหนึ่งเพื่อให้สื่อมวลชนได้ทดสอบ เมื่อวันที่ 4-5 ตุลาคม 2561 บนเส้นทางขึ้นพระตำหนักดอยตุง ไปดอยช้างมูบ ดอยผาฮี้ ตลอดจนถึง ดอยผาหมี มีรูปแบบเส้นทางขึ้น-ลงเขาสูงชันและคดเคี้ยวตลอดเวลา ถือเป็นทางยากเพื่อแสดงถึงสมรรถนะของ Nissan Terra 2018 ที่ว่ารอกันมา 3 ปี

ข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค Nissan Terra 2018

  • ความยาว 4,885 มม. 
  • กว้าง 1,865 มม. 
  • สูง 1,835 มม. 
  • ระยะฐานล้อ 2,850 มม.
  • ระยะห่างระหว่างล้อ คู่หน้า 1,565 มม. / คู่หลัง 1,570 มม. 
  • ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 225 มม. 
  • น้ำหนักรถรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ 2,043 กก. / รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 2,118 กก.
  • บังคับเลี้ยวแบบแร็คแอนด์พิเนียน (Rack and Pinion) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร

ข้อมูลเชิงวิศวกรรมของ Nissan Terra 2018 มีจุดน่าสนใจ

  • เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล YS23DDTT ทวินเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ DOHC ขนาด 2,298 ซี.ซี. มาพร้อมหัวฉีดเชื้อเพลิงระบบไดเรกอินเจกชั่น ให้พละกำลังสูงสุด 190 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังแบบอัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมโหมดขับขี่แมนนวล M mode จากข้อมูลคือ ให้แรงบิดที่ดีกว่าเครื่องยนต์ของนาวาร่า สามารถเรียกแรงบิด 350 นิวตันเมตร ได้ที่ 1,200 รอบต่อนาที

  • เคลมเรื่องความเงียบด้วยยางรองแชสซีส์ 10 จุด ในห้องโดยสารยังจัดเต็มเรื่องวัสดุซับเสียงที่พื้นห้องโดยสาร คอนโซล ประตู ซุ้มล้อ ด้านหลัง และเลือกใช้กระจกกันเสียง Acoustic Glass

  • ช่วงล่างด้านหน้าปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง / ด้านหลัง Five-link คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ซึ่งได้ถูกทดสอบออกมาเป็นค่า roll stiffness หรือการโยนตัวของตัวถัง ได้สกอร์ออกมาดี (ขอเซ็นเซอร์ชื่อคู่แข่งไว้เพราะเป็นข้อมูลทางด้านเดียว) 

  • ระบบการทำงานระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Part time พร้อมระบบ Shift-On-The-Fly เลือกปรับได้ ทั้งหมด 3 โหมด คือ 2WD, 4H และ 4-LO

ออปชั่นที่เป็นไฮไลต์ของ Nissan Terra 2018

วิสัยทัศน์กระจกมองหลังเมื่อขนของ

เมื่อเปิดใช้ Rear View Mirror

  • กระจกมองหลังอัจฉริยะ Intelligent Rear View Mirror (IRVM) ที่เปลี่ยนกระจกมองหลังเป็นมอนิเตอร์ สามารถเลือกเปิด-ปิดได้ ข้อดีอย่างแรกคือ สามารถมองเห็นด้านท้ายของตัวรถได้มุมกว้างและไม่โดนบังจากของหรือคนในรถ

  • เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลังก็เปลี่ยนเป็นภาพแบบ 360 องศา Bird Eye View ได้ทันที สามารถกดใช้ได้เมื่อเคลื่อนไปด้านหน้าช้า ๆ พร้อมเซ็นเซอร์เตือนระยะและเสียง จุดนี้ได้ใช้งานจริง ๆ สะดวกมาก 

  • ระบบพับเบาะอัตโนมัติ (1-Touch Remote Fold and Tumble) ที่นั่งแถวสอง เป็นการผสมผสานระหว่างระบบอิเล็กทรอนิกส์และแมคคานิค เบาะจะดีดตัวพับขึ้นให้สามารถเข้าเบาะแถวที่สามได้ในปุ่มเดียว
  • เบาะนั่งที่รองรับแนวกระดูกสันหลัง เทคโนโลยีจากนาซา ซึ่งให้ความรู้สึกที่แปลกดี แต่จากการทดสอบขึ้น-ลงเขา ทั้งวันก็ไม่ได้ปวดเมื่อแต่อย่างใด

  • หน้าจอแสดงผลออฟโรด (Off Road Meter) แสดงผลการเอียงของตัวรถ ช่วยการกะเส้นทางต่อไปได้ดี รู้ถึงขีดจำกัดรถที่จะไปได้

ออปชั่นความปลอดภัย Nissan Terra 2018

  • ถุงลมนิรภัย 6 จุด ที่ตำแหน่งด้านหน้า ด้านข้างของเบาะแถวหน้าและม่านถุงลมในทุกรุ่น
  • เข็มขัดนิรภัยที่เบาะคู่หน้า เบาะนั่งแถวที่สองและเบาะแถวที่สามเป็นเข็มขัดสามจุด ELR
  • จุดยึดเบาะนั่งเด็กแบบ ISOFIX 
  • เทคโนโลยีเบรก Brake Limited Slip Differential (B-LSD) ช่วยเพิ่มแรงเบรกเมื่อล้อลื่นไถล ให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจในทุกสภาพถนน
  • ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี หรือ Traction Control System (TCS) เมื่อเกิดเหตุล้อหมุนฟรี 
  • เทคโนโลยีช่วยออกตัวบนทางลาดชัน หรือ Hill Start Assist (HSA) ช่วยป้องกันการไถลลงเมื่อขับขึ้นทางลาดชัน
  • เทคโนโลยีควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน หรือ Hill Descent Control (HDC) ช่วยควบคุมความเร็วเมื่อขับลงทางลาดชัน
  • เทคโนโลยีตรวจสอบแรงดันลมยาง หรือ Tire Pressure Monitoring System (TPMS) 
  • ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบกระจายแรงเบรก (EBD) และระบบช่วยเบรก (Brake Assist System: BA) 
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว หรือ Vehicle Dynamic Control (VDC) 
  • ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start Button) 
  • กุญแจรีโมตอัจฉริยะ (Intelligent Key)  เพิ่มความปลอดภัยให้กับตัวรถยิ่งขึ้น ด้วยระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer และระบบเตือนภัยแบบ VSS

เริ่มต้นทดสอบผ่านอุปสรรคแบบออฟโรด

ทีม instructor ได้นำสื่อมวลชนเข้าทดสอบออฟโรด ทางลูกรังที่เป็นเนินสลับผ่านได้ไม่มีปัญหาตามประเภทรถอเนกประสงค์ อย่าง Nissan Terra 2018 เองก็มีความสูงใต้ท้อง 225 มม.

ต่อด้วยไต่ทางลาดเอียง ซึ่งอีกฝั่งเป็นทางโคลน ใช้ทักษะบังคับเลี้ยงให้ล้อฝั่งซ้ายสัมผัสทางชันที่เกือบ 30 องศา ด้วยกำลังเครื่องยนต์เติมคันเร่งเบา ๆ ให้ระบบ walking speed สามารถผ่านจุดนี้ไป

ด่านลงทางลาดชันทดสอบ Hill Descent Control–HDC สามารถใช้ได้เมื่ออยู่ในโหมด 4H ระบบจะทำการหน่วงเครื่องยนต์ รวมถึงเบรกให้อัตโนมัติ ไม่ต้องวางเท้าไว้ที่แป้นเบรกเลยและจะปลอดภัยกว่าการเบรกเอง เพราะระบบจะเลือกใช้เบรกหลังให้เป็นส่วนใหญ่

Nissan Terra 2018 ขับขี่จริง บนเส้นทางขึ้นพระตำหนักดอยตุง ไปดอยช้างมูบ ดอยผาฮี้ ตลอดจนถึง ดอยผาหมี ระยะทางร่วม 120 กม.

เส้นทางบนดอยจุดนี้คดเคี้ยวและชันเป็นอย่างมาก แต่เครื่องยนต์ YS23DDTT ที่ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ถือว่าทำได้ดี ไม่ต้องปรับเป็นแมนมวลก็พายักษ์ใหญ่ Nissan Terra น้ำหนัก 2 ตัน ขึ้นได้แบบไม่ต้องลุ้น แถมเพิ่มคันเร่งจนพุ่งได้สบาย

พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พิเนียน มีระยะฟรีเล็กน้อย โดยผู้ทดสอบคิดว่าน้ำหนักพวงมาลัยมากไปนิด ยิ่งเจอทางที่ต้องโค้งตลอดมีอาการเมื่อย

ประทับใจมากในความเงียบ อย่างแรกคือเสียงยางบดถนนแทบไม่ได้ยิน ซึ่งนี่มักเป็นเสียงหลักที่ก่อกวนในห้องโดยสาร รวมถึงเสียงลม  ทั้งตอนบนเขาและทางลาดด้วยความเร็ว 110 กม./ชม. ยกให้จุดนี้ดีที่สุดในกลุ่ม

เรื่องการโยนตัวเนื่องจากบนเขาไม่ได้ใช้ความเร็วเยอะและเป็นคาราวาน ซึ่งจับอาการอยู่ก็ยังไม่ได้รู้สึกโดดเด่น ผู้ทดสอบขอให้พอ ๆ กันในกลุ่ม PPV ไม่ได้หนีกันเท่าไหร่นัก 

ทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทดสอบ 2 ครั้ง ได้ 11.30 วินาที และ 11.66 วินาที รถแบกน้ำหนักผู้ชาย 2 คน น้ำหนักรวมประมาณ 150 กก. (รุ่น 2.3 VL 4WD)

อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง กดไมล์ไปที่ 0 วิ่งบนถนนหลวงระยะประมาณ 32 กม. ได้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 12.2 กม./ลิตร (รุ่น 2.3 VL 4WD)

ความเห็นส่วนตัวหลังทดสอบ

นิสสันได้แจ้งให้สื่อมวลชนทราบเพิ่มเติมว่า Nissan Terra 2018 ที่นำมาทดสอบในครั้งนี้ยังเป็นรถเดโม่ แต่ได้ผ่านการตรวจคุณภาพเพื่อนำมาให้ได้ทดสอบกันก่อนจึงอาจมีบางจุดที่มีดีเฟกต์อยู่บ้าง รวมถึงทริปทดสอบที่ถูกกำหนดมาในทางที่สั้นและลำบาก พร้อมมีการสลับขับ จึงไม่ค่อยมีโอกาสได้ลองออปชั่นหรือนั่งเบาะแถวสามเลย 

ผู้ทดสอบขอบอกสิ่งที่ไม่ชอบก่อน ใน Nissan Terra 2018 เบาะแถวสามเหมาะกับเด็ก ๆ เท่านั้น พื้นที่ Leg Room แย่สุดในกลุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย แม้แต่เด็กก็ต้องนั่งชันเข่า, พวงมาลัยซิกเนเจอร์ของนิสสัน ที่ใหญ่ บวม ดูโบราณ, เครื่องเสียงคุณภาพค่อนข้างแย่ คงต้องไปไล่ดูที่ฟอนต์หรือลำโพงกันอีกที สุดท้ายคือ หน้าจอแสดงผลออฟโรด (Off Road Meter) แอบจับการแสดงผลที่ดูไม่เรียลไทม์ ช้ากว่าองศาการเอียงจริง ๆ 3 วินาที

เด่นเรื่องอัตราเร่ง ความเงียบของห้องโดยสารโดดเด่นจริง ๆ รวมไปถึงออปชั่นกระจกมองหลังอัจฉริยะ ที่ช่วยให้การขับง่ายขึ้นมาก ถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ ห้องโดยสารการหุ้มเบาะสีน้ำตาลเข้มให้ลุคดูผู้ใหญ่ ดูดีทีเดียว

เมื่อมองทุกอย่างรวม ๆ Nissan Terra 2018 ทำทุกอย่างออกมาได้อยู่เหนือมาตรฐานนิด ๆ สามารถได้รุ่นท็อป ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่พร้อมลุยได้จริง ๆ ในรุ่น 2.3 VL 7AT 4WD ราคา 1,427,000 บาท ก็ลองชั่งใจดู ตามเหตุผลส่วนตัวได้เลยครับ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ทดสอบ Nissan Terra 2018 น้องใหม่แห่งวงการ PPV ที่มีบุคลิกเฉพาะแตกต่าง อัปเดตล่าสุด 25 มิถุนายน 2564 เวลา 17:48:26 310,581 อ่าน
TOP