


กลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวไทยได้สัมผัสบรรยากาศของ MotoGP กันเป็นครั้งแรกในการทดสอบอย่างเป็นทางการครั้งที่ 2 ของ MotoGP 2018 ในช่วงวินเทอร์เทสต์



ได้เห็นการทำงานของระดับโลกทั้งนักบิดอย่าง วาเลนติโน่ รอสซี่, มาร์ค มาร์เกซ, ฮอร์เก ลอเรนโซ่, มาเวอริค บีญาเลส และ อันเดรีย โดวิซิโอโซ รวมถึงนักบิดระดับพระกาฬคนอื่น ๆ อีกกว่า 20 ชีวิต กับการลงทดสอบร่วมกับทีม
ได้สร้างความตื่นตัวให้กับวงการมอเตอร์สปอร์ตไทยอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แฟน ๆ กว่า 50,000 คน จากทั่วประเทศเดินทางเข้าชมการทดสอบ (ถ้าถึงตอนแข่งจริงน่าจะมากกว่าราว 3 เท่าตัว) เมืองบุรีรัมย์ และอำเภอรอบข้างคึกคักอย่างมาก เศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างไม่ขาดสาย
มีคำถามว่า MotoGP จะช่วยให้วงการมอเตอร์สปอร์ตพัฒนาขึ้นได้อย่างไร ? เพราะดูเหมือนไกลตัวและเราขาวไทยอาจทำได้ดีที่สุดแค่เพียงนั่งชมทางจอทีวี หรือซื้อบัตรเข้าชมเท่านั้น...
คำถามนี้มีคำตอบในตัว เพราะที่ผ่านมาไทยเรามีนักบิดหลายคนโลดแล่นในระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์ นับตั้งแต่ ฟิล์ม-รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ จาก ฮอนด้า กับประสบการณ์กว่า 10 ปีในคลาสมิดเดิลเวต (250 ซี.ซี. และ โมโตทู)
ติ๊งโน๊ต-ฐิติพงศ์ วโรกร ในโมโตทู (จาก ฮอนด้า ในขณะนั้น) รวมถึงการลงแข่งด้วยสิทธิ์ไวด์การ์ดของ ตั้น-เดชา ไกรศาสตร์ จาก ยามาฮ่า และนักบิดไทยคนอื่นๆ
ล่าสุดในปี 2017 ชิพ-นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ สังกัด ฮอนด้า ทีม เอเชีย ขยับขึ้นไปสู่คลาสเล็กของเวิลด์กรังด์ปรีซ์อย่าง โมโตทรี และปีนี้คือปีที่ 2 ของเขาในการพิสูจน์ตัวเองในระดับโลก
นอกจากนี้ยังมี แสตมป์-อภิวัฒน์ วงศ์ธนานนท์ จาก วีอาร์46 มาสเตอร์ แคมป์ ทีม และ ก้อง-สมเกียรติ จันทรา จาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ลงแข่งขันในศึกจักรยานยนต์ทางเรียบที่เฟ้นหาดาวรุ่งระดับโลกรายการ ซีอีวี โมโตทรี จูเนียร์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน แถมทั้ง 2 คนนี้ ถูกจับตามองจากทีมว่าจะเป็นรายต่อไปที่จะได้ขยับสู่ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ เสียด้วย
หากสังเกตุจากรายชื่อนักแข่งไทยที่ปรากฏในลิสต์ด้านบนนี้ จะเห็นได้ว่าพวกเขาเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ผ่านการแข่งขันระดับทวีปเอเชียแล้วทั้งนั้น โดยเฉพาะในรายการ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ ซึ่งนักบิดและทีมไทยทำผลงานได้ดีอย่างต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน ยกเว้นเพียง รัฐภาคย์ ที่ผ่านการแข่งขัน ออล เจแปน โรด เรซซิ่ง ในญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การต่อสู้ในเวที เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ จะเริ่มโหดและหินขึ้น และผลงานของนักกีฬาไทยก็ไม่ค่อยจะโดดเด่นสักเท่าไรนัก จนกระทั่งการเกิดขึ้นของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เมื่อปลายปี 2014 และเป็นปีเดียวกันในรอบ 18 ปี ที่ไทยเราได้กลับมาจัดการแข่งขัน เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ อีกครั้ง



สำหรับ การแข่งขันเอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2018 สนามที่ 1 ที่ผ่านมา การคว้าแชมป์ของ ตี-อนุภาพ ซามูล จาก ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ในรุ่น เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซี.ซี. และ มุกข์-มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวจาก เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ซึ่งกลายเป็นนักบิดสาวรายแรกที่เอาชนะนักแข่งชายคว้าแชมป์ในรายการนี้

นอกจากนี้ ในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซี.ซี. ติ๊งโน๊ต-ฐิติพงศ์ วโรกร จาก คอร์ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม ก็สามารถคว้าชัยชนะมาครอง 1 เรซ
รวมถึงโพเดียมอันดับ 2 ของ ตั้น-เดชา ไกรศาสตร์ และฟอร์มกระฉูดหลังย้ายซบ ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีมของ โฟลท-รัฐพงษ์ วิไลโรจน์ แม้จะโดนนักบิดมาเลเซียชนล้มกระชากโอกาสขึ้นโพเดียมก็ตาม
ปัจจัยของการพัฒนาเหล่านี้มาจากความมุ่งมั่นของทีมแข่งไทย ทั้ง เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์, ยามาฮ่า ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม และ คอร์ คาวาซากิ ไทยแลนด์ เรซซิ่ง ทีม มีจุดมุ่งหมายและแรงจูงใจให้พาทีมของคนไทย พานักแข่งไทยไปสู่การแข่งขันระดับโลกทั้งในรายการ เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ ที่มี 3 รุ่น อย่าง โมโตจีพี, โมโตทู และ โมโตทรี รวมถึงศึก เวิลด์ ซูเปอร์ไบค์ แชมเปี้ยนชิพ ทั้งในรุ่น ซูเปอร์ไบค์ และ ซูเปอร์สปอร์ต
ความสำเร็จในวันนี้จากสนามแรกของ เอเชีย โรด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ 2018 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พิสูจน์ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างมีระบบที่ถูกต้อง วางรากฐานได้ถูกทางเพื่อปูเส้นทางไปสู่ระดับเวิลด์คลาส นี่คือทิศทางที่ดี และสัญญาณในแง่บวกที่เราจะได้เห็นนักกีฬาไทยประสบความสำเร็จมากขึ้น ในการแข่งขันจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก








