เทสต์ไดรฟ์ All New Honda CR-V 2017 ก่อนเปิดตัว รีวิว All New Honda CR-V 2017 ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร เกียร์ 9 สปีด
อีกไม่นานฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) เตรียมเปิดตัว All New Honda CR-V 2017 ในวันที่ 24 มีนาคม 2560 การมาครั้งนี้ รถอเนกประสงค์พี่เบิ้ม (คอมแพกต์ไซซ์) จากค่ายฮอนด้าเปลี่ยนแปลงหลายสิ่ง ตั้งแต่แพลตฟอร์ม เครื่องยนต์ ชุดเกียร์ นี่เป็นการเซย์ฮัลโหล พร้อมเห็นหน้าค่าตาคันจริง ครั้งแรกกับ All New Honda CR-V 2017 เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซลเทอร์โบขนาด 1.6 ลิตร ที่ส่งกำลังด้วยเกียร์ 9 สปีด ที่ใหม่จริง ๆ สำหรับฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย), สื่อมวลชน และผู้บริโภคชาวไทย
สำหรับ Honda CR-V เป็นรถ SUV ยอดนิยมที่จำหน่ายกว่า 130 ประเทศ ยอดขายสะสมสูงถึง 8.3 ล้านคันทั่วโลก ตลอดระยะเวลาทำตลาด 21 ปีที่ผ่านมา แบ่งบอกเป็น 4 เจเนอเรชั่นดังนี้
เจเนอเรชั่นที่ 1 ค.ศ. 1996-2001
เจเนอเรชั่นที่ 2 ค.ศ. 2002-2006
เจเนอเรชั่นที่ 3 ค.ศ. 2007-2011
เจเนอเรชั่นที่ 4 ค.ศ. 2007-2017 (เดือนมีนาคม ในประเทศไทย)
All New Honda CR-V ก้าวเข้าสู่เจเนอเรชั่นที่ 5
จะถูกแนะนำอย่างเป็นทางการต่อสาธารณชนชาวไทย มีไฮไลท์เด็ดเครื่องยนต์
i-DTEC (รุ่นท็อป ยังไม่รู้รหัสรุ่นย่อย) สัมผัสแรกกับสีตัวถังรถ แบล็ก โอลีฟ (สีใหม่ ที่จะใช้สื่อสารผ่านโฆษณา) ภายในร่มจะเห็นเป็นสีดำเมทัลลิก
แต่เมื่อออกแดดจะเห็นเป็นโทนเขียว ยิ่งดูยิ่งน่าสนใจ
คันจริงสวยบรรเจิดทีเดียว
สีแบล็ก โอลีฟ
ด้านหน้า Design Language ชัดเจนในตัวตนของฮอนด้า ด้วยกระจังหน้า Solid
Wing แถบโครเมียมขนาดใหญ่รูปปีกนกที่อยู่ในรถยนต์ฮอนด้าไทยทุกรุ่น
พร้อมช่องดักอากาศตกแต่งด้วยแถบสีดำเมทัลลิก 2 ชั้น
ชุดไฟหน้าดีไซน์คล้าย Civic รุ่น 1.5 เทอร์โบที่เรียวยาว หลอด LED มีไฟ LED Daylight รูปตัว L ที่ขอบ มองลึกลงไปในรายละเอียด แตกต่างด้วยขนาด ดีไซน์ภายในโคม และความลึกตื้นของโคม ที่ฮอนด้าเรียกว่า Advanced Full LED ตำแหน่งของไฟตัดหมอกเป็นทรงเรียวยาวใช้ LED ทั้งหมด ล้อมกรอบด้วยโครเมียม
ในความบึกบึนสไตล์ SUV ชายล่างกันชนมีความนูนออกมาเล็กน้อยเป็นสีดำด้านเป็นบั๊มเปอร์ สอดประสานกันตั้งแต่ด้านหน้า ด้านข้าง และหลัง ล้อแม็กซ์ลายคล้ายใบพัด สีทูโทน ปัดเงาและถมดำ ด้านหน้าขนาด 18 นิ้ว ปรับหน้ายาวใหญ่ขึ้นเป็น 235/60R (เดิม 225/60R) ด้านหลังขนาด 17 นิ้ว 235/65R (เดิม 225/65R)
เหลือบมองไปที่ด้านท้ายอันโอ่อ่า ชุดไฟ LED แต่ใส่ดีไซน์แบบใหม่เฉกเช่นเดียวกับ Civic ชุดไฟเบรกรูปตัว C เพิ่มเติมรับความใหญ่ด้านท้ายด้วยไฟ LED long Tail ตั้งแต่ด้านบนของเสาซีจรดกลางฝากระโปรงท้าย
ลูกเล่นที่ฮอนด้าได้โชว์อย่างแรกคือ ประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมข้อมูลว่าทุกรุ่นย่อยจะได้ประตูไฟฟ้าทั้งหมด ! โดยในรุ่นท็อปจะมีเซ็นเซอร์ที่ล่างกันชนท้าย (Auto Lift Gate) หลักการใช้งานคือเตะขาแล้วให้รีบชักออก เซ็นเซอร์ก็จะเปิดประตูท้ายให้ จากการทดสอบหากเตะแล้วชักขาออกช้าหรือแช่ไว้ก็จะเป็นระบบป้องกันคำสั่งที่ผิดพลาด อีกเรื่องที่ต้องรู้ ผู้จะใช้เซ็นเซอร์เปิดประตูต้องพกกุญแจรถไว้กับตัวเพราะระยะทำการประมาณ 1 เมตร
ขออธิบายรายละเอียดเกียร์เพิ่มสักนิด กับเทคโนโลยีใหม่ Shift By Wire เมื่อต้องการกำลังในการเร่ง กดคันเร่งเพิ่ม ระบบจะคำนวณอัตราทดเกียร์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบก้าวกระโดดจากเกียร์ 9 มายังเกียร์ 5 และจากเกียร์ 7 มาเกียร์ 4 โดยไม่ต้องไล่ระดับ (แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเกียร์สามารถโดดลงได้มากสุดกี่ขั้น)
ตอบคำถามที่จะตามมาให้เลยว่า พลาดไปกดปุ่มเกียร์ P หรือ R ขณะวิ่งอยู่ล่ะ - รถจะเข้าเกียร์ว่างให้ครับ -
ยังอยู่ที่ภายในกันต่อ All New Honda CR-V 2017 เจเนอเรชั่นที่ 5 เวอร์ชั่นประเทศไทย ! จะได้เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งทุกรุ่นย่อยครับ ผู้ทดสอบลองนั่งหมดแล้วเบาะทั้ง 3 แถว ก็อย่างที่ทราบรถ SUV ไซซ์คอมแพกต์ เหลือ ๆ เรื่องการนั่งโดยสาร มันโปร่ง โล่ง สบาย ในรุ่นท็อป ดีเซล เบาะคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารสามารถปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง เบาะแถวสองเลื่อนหน้า-หลัง พร้อมกับปรับเอนนั่งแบบผ่อนคลายได้อีกประมาณ 30 องศา
เบาะแถวสามเหมาะกับเด็ก หรือผู้ที่มีส่วนสูงไม่เกิน 172 ซม. ครับ ด้วยตัวผู้ทดสอบสูง 177 ซม. เข่าติดเบาะแถวสอง หัวก็ชนขอบประตูท้าย แถมนี่เป็นการนั่งเหยียดตรงที่สุดแล้ว อนุมานเลยว่าถ้าอยากโดยสารผ่อนคลาย ไม่เครียด ความสูงควรไม่เกินนี้
ส่วนตัวก็อยากหารูปถ่ายให้รับชม แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่า รูปทั้งหมดต้องผ่านการอนุมัติจากฮอนด้า และห้ามบันทึกภาพเองทั้งสิ้นครับในการทดสอบ
เครื่องยนต์ใหม่ i-DTEC ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาดความจุ 1.6 ลิตร ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 18.9 กม./ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่ต่ำเพียง 141 กรัม/กม.
ตัวเลขข้างบนสวยไหมครับ ? ในการทดสอบอธิบายกลไกทางเทคนิคเรื่องนี้เยอะมาก เราขอเรียบเรียงให้ดังนี้
ระบบเทอร์โบที่ว่า เป็นเทอร์โบไฟฟ้า หรือเรียกกันทางเทคนิคว่าชาร์จเจอร์ 2 จังหวะ (2-stage Turbocharger) ทั้งหมดนี้ควบคุมด้วยสมองกล (ECU) เทอร์โบ 2 ลูกแบ่งเป็น
- เทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันสูง (High Pressure Turbo) ตัวกังหันลมจะเล็ก รอบการปั่นสูง เริ่มทำงานตั้งแต่เครื่องยนต์ 1,000 รอบต่อนาที เป็นหัวใจสำคัญที่เรียกแรงบิดตั้งแต่เหยียบคันเร่ง
สีแบล็ก โอลีฟ
ชุดไฟหน้าดีไซน์คล้าย Civic รุ่น 1.5 เทอร์โบที่เรียวยาว หลอด LED มีไฟ LED Daylight รูปตัว L ที่ขอบ มองลึกลงไปในรายละเอียด แตกต่างด้วยขนาด ดีไซน์ภายในโคม และความลึกตื้นของโคม ที่ฮอนด้าเรียกว่า Advanced Full LED ตำแหน่งของไฟตัดหมอกเป็นทรงเรียวยาวใช้ LED ทั้งหมด ล้อมกรอบด้วยโครเมียม
ในความบึกบึนสไตล์ SUV ชายล่างกันชนมีความนูนออกมาเล็กน้อยเป็นสีดำด้านเป็นบั๊มเปอร์ สอดประสานกันตั้งแต่ด้านหน้า ด้านข้าง และหลัง ล้อแม็กซ์ลายคล้ายใบพัด สีทูโทน ปัดเงาและถมดำ ด้านหน้าขนาด 18 นิ้ว ปรับหน้ายาวใหญ่ขึ้นเป็น 235/60R (เดิม 225/60R) ด้านหลังขนาด 17 นิ้ว 235/65R (เดิม 225/65R)
เหลือบมองไปที่ด้านท้ายอันโอ่อ่า ชุดไฟ LED แต่ใส่ดีไซน์แบบใหม่เฉกเช่นเดียวกับ Civic ชุดไฟเบรกรูปตัว C เพิ่มเติมรับความใหญ่ด้านท้ายด้วยไฟ LED long Tail ตั้งแต่ด้านบนของเสาซีจรดกลางฝากระโปรงท้าย
ลูกเล่นที่ฮอนด้าได้โชว์อย่างแรกคือ ประตูท้ายไฟฟ้า พร้อมข้อมูลว่าทุกรุ่นย่อยจะได้ประตูไฟฟ้าทั้งหมด ! โดยในรุ่นท็อปจะมีเซ็นเซอร์ที่ล่างกันชนท้าย (Auto Lift Gate) หลักการใช้งานคือเตะขาแล้วให้รีบชักออก เซ็นเซอร์ก็จะเปิดประตูท้ายให้ จากการทดสอบหากเตะแล้วชักขาออกช้าหรือแช่ไว้ก็จะเป็นระบบป้องกันคำสั่งที่ผิดพลาด อีกเรื่องที่ต้องรู้ ผู้จะใช้เซ็นเซอร์เปิดประตูต้องพกกุญแจรถไว้กับตัวเพราะระยะทำการประมาณ 1 เมตร
รูปห้องโดยสาร CR-V 2017 ในต่างประเทศ
เริ่มเข้าสำรวจภายใน แว่บแรกที่เข้ามาในหัวคือดีไซน์รวม ๆ
ไม่ต่างจากตัวต่างประเทศเลย ชุดเบาะสีดำลายขวางดูบึกบึนแข็งแรง
มีการตกแต่งในจุดต่าง ๆ ด้วยแถบลายไม้เหมือนจริง (เคาะทดสอบแล้ว
พลาสติกลายไม้) แถบสีดำเปียโนเบล็ก ที่คอนโซลหน้า
ที่แตกต่างจากรูปด้านบนคือคอนโซลกลางที่วางแก้ว 2 จุด
จะใช้ขอบเป็นแถบลายไม้เดียวกับการตกแต่งที่ประตูระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
อ่าห่ะ... คันเกียร์หายไป ! ครับ ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6
ลิตรจะประสานกำลังกับเกียร์ 9 สปีด ที่รูปร่างหน้าตาเป็นแบบด้านบน
หลักการใช้งานง่าย ๆ เมื่อจะออกรถให้กดปุ่ม D/S ปุ่มอื่น ๆ ขอข้าม
น่าจะเคยเห็นและใช้งานกันมาบ้างแล้วใช่ไหมครับ...ขออธิบายรายละเอียดเกียร์เพิ่มสักนิด กับเทคโนโลยีใหม่ Shift By Wire เมื่อต้องการกำลังในการเร่ง กดคันเร่งเพิ่ม ระบบจะคำนวณอัตราทดเกียร์เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แบบก้าวกระโดดจากเกียร์ 9 มายังเกียร์ 5 และจากเกียร์ 7 มาเกียร์ 4 โดยไม่ต้องไล่ระดับ (แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเกียร์สามารถโดดลงได้มากสุดกี่ขั้น)
ตอบคำถามที่จะตามมาให้เลยว่า พลาดไปกดปุ่มเกียร์ P หรือ R ขณะวิ่งอยู่ล่ะ - รถจะเข้าเกียร์ว่างให้ครับ -
ยังอยู่ที่ภายในกันต่อ All New Honda CR-V 2017 เจเนอเรชั่นที่ 5 เวอร์ชั่นประเทศไทย ! จะได้เบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งทุกรุ่นย่อยครับ ผู้ทดสอบลองนั่งหมดแล้วเบาะทั้ง 3 แถว ก็อย่างที่ทราบรถ SUV ไซซ์คอมแพกต์ เหลือ ๆ เรื่องการนั่งโดยสาร มันโปร่ง โล่ง สบาย ในรุ่นท็อป ดีเซล เบาะคนขับ ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง ส่วนผู้โดยสารสามารถปรับไฟฟ้าได้ 4 ทิศทาง เบาะแถวสองเลื่อนหน้า-หลัง พร้อมกับปรับเอนนั่งแบบผ่อนคลายได้อีกประมาณ 30 องศา
รูปห้องโดยสาร CR-V 2017 เวอร์ชั่นไทย
ประเด็นที่หลายคนต้องอยากรู้ เบาะสามเป็นอย่างไรเข้า-ออกสะดวกไหม ?
นี่เป็นอีกจุดที่น่าสนใจ ประตูผู้โดยสารแถวสองเปิดกว้างได้ 88 องศา
หรือเกือบฉาก เบาะแถวสองพับขึ้นได้ ผู้ชายมิดไซส์เข้าออกได้สบายแน่นอนครับ
แต่บอกก่อนเลยว่าเบาะนั่งหนักพอสมควร
จากที่สังเกตการณ์เห็นสื่อมวลชนหญิงทดสอบ ดูทุลักทุเลประมาณหนึ่งเบาะแถวสามเหมาะกับเด็ก หรือผู้ที่มีส่วนสูงไม่เกิน 172 ซม. ครับ ด้วยตัวผู้ทดสอบสูง 177 ซม. เข่าติดเบาะแถวสอง หัวก็ชนขอบประตูท้าย แถมนี่เป็นการนั่งเหยียดตรงที่สุดแล้ว อนุมานเลยว่าถ้าอยากโดยสารผ่อนคลาย ไม่เครียด ความสูงควรไม่เกินนี้
ส่วนตัวก็อยากหารูปถ่ายให้รับชม แต่บอกไว้ตรงนี้เลยว่า รูปทั้งหมดต้องผ่านการอนุมัติจากฮอนด้า และห้ามบันทึกภาพเองทั้งสิ้นครับในการทดสอบ
เครื่องยนต์ใหม่ i-DTEC ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ ขนาดความจุ 1.6 ลิตร ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งเทียบเท่ากับเครื่องยนต์ดีเซลขนาดใหญ่ ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด ให้ทั้งอัตราเร่งและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 18.9 กม./ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอัตราที่ต่ำเพียง 141 กรัม/กม.
ตัวเลขข้างบนสวยไหมครับ ? ในการทดสอบอธิบายกลไกทางเทคนิคเรื่องนี้เยอะมาก เราขอเรียบเรียงให้ดังนี้
ระบบเทอร์โบที่ว่า เป็นเทอร์โบไฟฟ้า หรือเรียกกันทางเทคนิคว่าชาร์จเจอร์ 2 จังหวะ (2-stage Turbocharger) ทั้งหมดนี้ควบคุมด้วยสมองกล (ECU) เทอร์โบ 2 ลูกแบ่งเป็น
- เทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันสูง (High Pressure Turbo) ตัวกังหันลมจะเล็ก รอบการปั่นสูง เริ่มทำงานตั้งแต่เครื่องยนต์ 1,000 รอบต่อนาที เป็นหัวใจสำคัญที่เรียกแรงบิดตั้งแต่เหยียบคันเร่ง
- เทอร์โบชาร์จเจอร์ที่ทำงานในช่วงแรงดันต่ำ (Low Pressure Turbo) ตัวกังหันลมจะจะขนาดใหญ่กว่า จะทำงานร่วมกับตัวเล็กในรอบที่สูงกว่า (ไม่ได้ระบุชัดเจนว่ารอบเครื่องเท่าใด) แต่จากกราฟก็เริ่มที่ เครื่องยนต์ทำงาน 1,000 รอบต่อนาทีเช่นกัน
เมื่อเทอร์โบทั้งคู่ทำงานร่วมกันก็จะได้ แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 รอบต่อนาที ดังตัวเลขข้างต้น จากนั้น High Pressure Turbo และ Low Pressure Turbo จะมีการสลับการทำงานในช่วงกลางที่ความเร็วคงที่ เมื่อระบบทำงานผสานกัน จะให้ประสิทธิภาพเพื่อการเผาไหม้อย่างสูงสุด
เทคโนโลยีอื่น ๆ ใน เครื่องยนต์ i-DTEC ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบขนาดความจุ 1.6 ลิตรก็ทำงานร่วมกัน
- การระบายความร้อนของไอดี (Intercooler)
ระบบจะทำหน้าที่ระบายความร้อนของไอดีที่ถูกอัดมาจากการทำงานของเทอร์โบชารจ์เจอร์ซึ่งมีความร้อนสูงให้เย็นตัวลงก่อนที่จะผ่านเข้าห้องเผาไหม้ ทำให้มวลอากาศโดยรวมเล็กลง เพื่อนำอากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ได้ปริมาณที่มากขึ้น ทำให้การเผาไหม้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
- ระบบการจ่ายน้ำมันแบบรางร่วม (Common Rail)
ระบบจะมีเซ็นเซอร์ตรวจจับแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อช่วยควบคุมแรงดันในรางให้เหมาะสม ด้วยการคำนวณรอบเครื่อง ปริมาณการฉีดน้ำมัน อุณหภูมิ และไอเสีย ทำให้การฉีดน้ำมันจากหัวฉีดทุกตัวมีความเสถียร และเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอีกด้วย
- ระบบหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหลายจุด (Multi Injection)
ระบบหัวฉีดน้ำมันจะทำงานแปรผันให้เหมาะสมกับรอบการทำงานของเครื่องยนต์ โดยจะคำนวณปริมาณและจังหวะในการฉีดน้ำมันกับการทำงานของรอบเครื่องในขณะขับขี่ ให้ใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยในเรื่องอัตราประหยัดน้ำมันและลดการสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์
- ระบบหยุดการทำงานของเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา (Idle Stop System)
ระบบจะลดการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่จำเป็น โดยเครื่องยนต์จะหยุดการทำงานโดยอัตโนมัติขณะที่รถจอดนิ่ง และระบบจะสตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง เมื่อปล่อยเบรกหรือเหยียบคันเร่งในกรณีที่ระบบ Brake Hold ทำงาน ช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงและช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากขึ้น
- ระบบหมุนเวียนไอเสีย (Exhaust Gas Recirculation System - EGR)
ระบบหมุนเวียนไอเสียจะถูกควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีความแม่นยำสูง เพื่อนำไอเสียกลับมาในระบบเผาไหม้อีกครั้ง เพื่อช่วยให้ไอดีมีอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการจุดระเบิด ทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งลดการปล่อยมลพิษออกจากตัวรถและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
- ตัวกรองอนุภาคไอเสียดีเซล (Diesel Particulate Filter - DPF)
ตัวกรองจะทำหน้าที่ดักจับเขม่าของน้ำมันที่ออกมากับไอเสียได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวกรองอากาศเขม่าทั่วไป ทำให้มั่นใจในการควบคุมการปล่อยไอเสียให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็ทำให้ตัวเลข แรงม้า แรงบิด อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน และการปล่อยค่าไอเสียสวย ด้วยเครื่องยนต์ดีเซลกับความจุกระบอกสูบเพียง 1.6 ลิตร
หลังจากผ่าน 2 โค้งเข้าช่วงทางตรงยาว มีระยะ 700 เมตร ทำความเร็วได้ประมาณ
130 กม./ชม. (ชิงเบรกก่อน ด้วยความหวาดเสียว ไม่ชินรถ)
อย่างว่า นี่เป็นรถสไตล์ครอบครัวนะครับ อย่าลืม...
ระบบเกียร์ 9 สปีด ยังพอจำความรู้สึกได้บ้างช่วงรอยต่อการเปลี่ยนเกียร์ ถือว่ามีความนุ่มนวลมากเพราะนี่ไม่ใช่แบบ CVT หากต้องการอัตราเร่งเพิ่มขึ้นกดที่ปุ่ม D/S อีกครั้ง เข้าโหมด S รถจะทำการลากรอบเครื่องเพิ่มให้ มีระบบแพดเดิลชิฟต์ สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ว่าจะโหมด D หรือ S
หากแช่เกียร์ไว้ รถก็จะเปลี่ยนเกียร์ให้เองไม่ว่าจะใช้โหมด D หรือ S และถ้ายกคันเร่งก็จะเข้าระบบเกียร์ออโต้เลยทันที จากจุดนี้ รู้สึกเสียดายเล็ก ๆ ที่ไม่สามารถแช่เกียร์ได้เลย ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากเอนจินเบรกได้
การควบคุม All New Honda CR-V 2017 เป็น AWD แบบ Real-Time ใช้ชื่อระบบว่า E-DPS ทำงานโดยเปลี่ยนการควบคุมการส่งกำลังไปยังล้อหลังด้วยระบบไฟฟ้า ตอบสนองการทำงานได้รวดเร็วพร้อมกับให้แรงบิดที่ล้อหลังสูงขึ้น อีกทั้งเพิ่มความแม่นยำของการปรับแรงบิดที่ล้อหน้าและล้อหลังให้สมดุล พร้อมด้วยระบบเพิ่มความคล่องตัวในการขับขี่ (Agile Handling Assist – AHA) และระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (Motion-Adaptive Electric Power Steering - MA - EPS) ให้การทรงตัวขณะขับขี่ที่ดี
ระหว่างขับ เสียงเครื่องยนต์ถือว่าธรรมดามาก ให้ไม่ต่างจากรถเครื่องเบนซิน 1.6 ลิตรที่ผู้ทดสอบใช้อยู่ประจำ เสียงภายในห้องโดยสารระหว่างวิ่งเอาจริง ๆ นอกจากเสียงเครื่องยนต์ที่ต้องมีผ่านเข้ามา ได้ยินเสียงยางบดแทร็กสนามเท่านั้น ส่วนตัวให้น้ำหนักพวงมาลัยกำลังดี คม ควบคุมง่าย เทโค้งลึกในความเร็ว 60-70 กม./ชม. ไม่มีปัญหา มีระบบช่วยทำงานอยู่ การโยนตัวในโค้งมีให้เห็นบ้างสไตล์รถ SUV
เผลอแป๊บเดียวก็หมดรอบ ถือว่าได้ลองอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นน้ำจิ้ม
เรื่องน่ารู้ใน All New Honda CR-V 2017
- เครื่องเสียงดีมากจริง ๆ ขนาดเปิดวิทยุฟัง ลื่นหู มิติเสียงอิ่มทั้ง เบส กลาง แหลม (ยังไม่ต้องเชื่อ รอเวลาไปลองกันอีกที)
- แอร์เย็นฉ่ำ ช่องแอร์มาครบพร้อมให้ความเย็นครบทั้งเบาะ 3 แถว มีคอยล์เย็นสำหรับช่องแอร์แถว 3 ปล่อยน้ำออกทางด้านซุ้มล้อขวาด้านหลัง
- อินเตอร์คูลเลอร์ วางตำแหน่งอยู่ด้านหน้าของซุ้มล้อฝั่งซ้าย แปลกใหม่ดี
จากทั้งหมดที่กล่าวมาก็หวังว่าทุกท่านน่าจะรู้จักกับ All New Honda CR-V 2017 กันพอสมควรแล้ว สุดท้ายนี้ไปลุ้นเพิ่มเติมเรื่อง ราคา, รุ่นย่อย และออปชั่นในแต่ละรุ่น ในวันที่ 24 มีนาคม 2560 ครับ
ข้อมูลเบื้องต้น รุ่นเครื่องเบนซิน 2.0 ลิตรจะไม่มีอีกต่อไป มีให้เลือกเครื่องเบนซิน 2.4 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เท่านั้นครับ
ขอขอบคุณทีมประชาสัมพันธ์ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ที่เชิญกระปุกคาร์เข้าร่วมทดสอบ และอำนวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้านไว้ ณ ที่นี้ ด้วยครับ