เปิดคลังย้อนดูรถหรูและซูเปอร์คาร์ อรรจอศิรา เข็มกลัด หนุ่มนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มูลค่าพันล้าน เจ้าของตัวจริง Lamborghini Murcielago LP 670-4 SV ที่ให้เพื่อนยืมซิ่งจนชนยับ แท้จริงแล้วยังมีอีกหลายคัน เป็นที่จับตาทันทีหลังเกิดเหตุซูเปอร์คาร์เกิดอุบัติเหตุเสียหลักชนสนั่นย่านเลียบทางด่วน ถ.ประดิษฐ์มนูธรรม ซึ่งทราบภายหลังว่ารถ Lamborghini Murcielago LP 670-4 SV คันดังกล่าวแท้จริงแล้วเป็นของนาย อรรจอศิรา เข็มกลัด หนุ่มนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์รวมมูลค่านับพันล้านที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายในราคา 40 ล้านบาท โดยให้เพื่อนยืมขับจนเกิดเหตุ ก่อนหน้าเจ้าตัวเคยได้เปิดบ้านโชว์เจ้ากระทิงดุคันนี้ร่วมกับรถหรูคันอื่นพร้อมให้สัมภาษณ์ในรายการ Bangkok Supercar ช่วง Celebrity Car เมื่อปี 2556 ถึงที่มาที่ไปกันมาแล้ว เราลองมาย้อนดูรถของหนุ่มคนนี้กันเลยดีกว่าแต่ละคันนั้นเป็นคอซูเปอร์คาร์ตัวจริงแค่ไหน
1. Lamborghini Murcielago LP 670-4 SuperVeloce ราคา 39 ล้านบาท
รถสปอร์ตรุ่นใหญ่จากค่ายกระทิงดุที่สานต่อตำนานความแรงจาก Lamborghini Diablo โดย Murcielago LP 670-4 SV เป็นเวอร์ชั่นทิ้งท้ายก่อนที่จะเปิดตัว Lamborghini Aventador โดยรหัส LP ของ Lamborghini นั้นหมายถึงลักษณะการวางเครื่องยนต์ตามยาวไว้ด้านท้าย (Longitudinale Posteriore) ส่วนอักษรย่อ SV มาจาก ซูเปอร์เวโลเช่ (SuperVeloce หรือ Hi-Speed ในภาษาอังกฤษ) เพื่อบ่งบอกว่าเป็นเวอร์ชั่นแรงพิเศษกว่าปกติ
ดังนั้น Lamborghini Murcielago LP 670-4 SV จึงหมายถึงรถสปอร์ตรุ่นใหญ่ที่เร็วเป็นพิเศษขับเคลื่อน 4 ล้อ จากค่ายกระทิงดุที่ใช้เครื่องยนต์แบบ V12 สูบ ขนาด 6.5 ลิตร วางกลางลำตามยาว ให้กำลังสูงสุด 670 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที และแรงบิด 660 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที ความเร็วสูงสุดนั้นทำได้ประมาณ 340 กม./ชม. ส่วนสนนราคาค่าตัวในไทยตอนป้ายแดงก็มหาศาลตามที่เป็นข่าว
2. Lamborghini Aventador LP 700-4 ราคา 36.5 ล้านบาท
กระทิงดุตัวใหม่ที่มาสานต่อความยิ่งใหญ่ของ Lamborghini Murcielago ด้วยดีไซน์ล้ำสมัยและเส้นสายที่เฉียบคมขึ้น รวมถึงทรงพลังกว่าตามยุคด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 700 แรงม้า ที่ 8,250 รอบ/นาที และแรงบิด 689 นิวตันเมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที โดยวางตามยาวกลางลำด้านท้ายเช่นเคย ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นของ Lamborghini ที่เริ่มมาตั้งแต่ Miura รุ่นดังในตำนาน (แต่ Miura นั้นโชว์เหนือด้าน Packaging ด้วยการวางเครื่องยนต์ V12 ขวางกลางลำท้ายมันซะเลย) ทำความเร็วสูงสุดได้ 354 กม./ชม.
ในประเด็นการวางเครื่องยนต์กลางลำท้ายของ Lamboghini Miura นี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Ferrari ต้องยอมเดินตามทำรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางออกมาขายสู้ จากเดิมที่ Enzo Ferrari อนุญาตให้วางเครื่องยนต์ลักษณะนี้เฉพาะตระกูลรถแข่งของตนเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าเหล่าบรรดาลูกค้าเศรษฐีไร้ประสบการณ์จะเอาไม่อยู่เพราะรถเครื่องวางกลางมีการบังคับควบคุมไวมาก และยุคนั้นไม่ได้มีระบบควบคุมการทรงตัวคอยช่วยอย่างในปัจจุบันจึงต้องใช้ฝีมือพอควร เลยกลัวว่าลูกค้าผู้มั่งคั่งอาจจากไปก่อนวัยอันควรแล้วแกจะขายรถใคร แต่สุดท้ายก็ต้านความต้องการลูกค้าไม่ไหวเพราะ Lamborghini Miura ต้นตระกูลกระทิงใหญ่ของ Aventador นั่นเอง
3. Lamborghini Gallardo LP 560-4 Spyder ราคา 27 ล้านบาท โดยประมาณ
Lamborghini Gallardo LP 560-4 Spyder นั้นถือว่าเป็นรถสปอร์ตจากค่ายกระทิงดุขนาดเล็กกว่า Lamborghini Murcielago ซึ่งคันนี้เป็นปีหลังที่ได้รับการปรับโฉมใหม่แล้ว และเป็นเวอร์ชั่นเปิดหลังคาซึ่งรถอิตาลีมักใช้ว่า “สไปเดอร์” (Spyder บ้างก็ Spider ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแมงมุมเพียงแต่ในอดีตมาจากคำว่า Speeder ในภาษาอังกฤษ ใช้อธิบายถึงลักษณะรถที่ไม่มีหลังคา มีเพียงกระจกบังลมหน้าเพื่อให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาที่สุดและวิ่งได้เร็วขึ้นสำหรับแข่ง หรือถ้าจะมีผ้าใบก็แค่ใช้กันแดดกันฝนชั่วคราว ดังนั้นความหมายจึงต่างจากรถเปิดประทุนในยุคเดียวกันที่มีชุดหลังคายกปิดมิดชิดไว้กันลมกันสภาพอากาศภายนอกได้ดีกว่า แต่ปัจจุบันความหมายแทบไม่ต่างกันแล้ว)
Lamborghini Gallardo LP 560-4 Spyder มาพร้อมกับเครื่องยนต์ V10 สูบ ขนาดความจุ 5.2 ลิตร วางกลางลำตามยาวด้านท้าย ขับเคลื่อน 4 ล้อ ตามการตั้งรหัสรุ่นของ Lamborghini ให้กำลังสูงสุด 560 แรงม้า ที่ 8,000 รอบ/นาที และแรงบิด 540 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 320 กม./ชม.
4. Aston Martin DBS Volante ราคา 25 ล้านบาท โดยประมาณ
Aston Martin DBS Volante ถือเป็นรถสปอร์ตเครื่องใหญ่ V12 สูบ จากฝั่งอังกฤษ เปิดตัวในปี 2007 พร้อมกับความน่าสับสนเล็กน้อยเพราะมาทำตลาดแทน Aston Martin V12 Vanquish เจเนอเรชั่นแรก ซึ่งเป็นสปอร์ตรุ่นใหญ่สุดของค่าย แต่ Aston Martin DBS นั้นใช้แพลตฟอร์ม (VH Platform) ร่วมกับ Aston Martin DB9 ที่นับว่าเป็นรุ่นรองลงมา ส่วนคำว่า โวลันเต้ (Volante) นั้นหมายถึงเวอร์ชั่นเปิดประทุนของ Aston Martin เท่านั้น
Aston Martin DBS และ DBS Volante หยุดผลิตในปี 2012 และ Aston Martin ก็เอาชื่อ Vanquish กลับมาทำตลาดอีกครั้งสำหรับโมเดลใหม่ในปี 2012 ดังนั้นชื่อ DBS จึงถูกใช้ทำตลาดแทน Vanquish ในช่วงสั้น ๆ โดยสิ่งเดียวที่บ่งบอกความยิ่งใหญ่ในระดับซูเปอร์คาร์ได้คือ เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.0 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 517 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที และแรงบิด 569 นิวตันเมตร ที่ 5,750 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้เกิน 300 กม./ชม. แต่สิ่งที่ทำให้ Aston Martin DBS นี้เป็นที่น่าจดจำมากขึ้นคือการได้เป็นรถคู่ใจเจมส์บอนด์ตอน Casino Royale เพียงแต่คันของบอนด์เป็นแบบ Coupe หลังคาแข็งไม่ใช่ Volante
5. Porsche Panamera Turbo ราคา 19.9 ล้านบาท
สปอร์ตซีดานท้ายลาดของ Porsche คันนี้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีโมเดลใหม่มาแทนที่แล้วและหลายคนอาจได้เห็นอยู่บ่อย ๆ จนชินตา แต่ขอบอกเลยว่าภายใต้รูปร่างที่คล้ายกันนั้นหากเป็น Porsche Panamera Turbo ที่จัดว่าเกือบจะเป็นรุ่นท็อปสุด (ตอนนั้นเหนือกว่าก็มีแค่ Panamera Turbo S ที่ใช้เครื่องเดียวกันแต่กำลังมากกว่า 50 แรงม้า) อย่างคันนี้ ราคาเรียกว่าทิ้งห่าง Porsche Panamera 4 และ 4S ไปไกลโขด้วยค่าตัวเฉียด 20 ล้านบาท เหลือเงินทอนให้เติมน้ำมันขับเล่นได้นิดหน่อย
เช่นเดียวกับขุมพลังของ Porsche Panamera Turbo ที่เป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.8 ลิตร เทอร์โบคู่ ให้กำลังสูงสุดถึง 500 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที พร้อมแรงบิดมหาศาลที่ 700 นิวตันเมตร ที่ 2,250-4,500 รอบ/นาที ทำความเร็วสูงสุดได้ 303 กม./ชม.
6. MINI Cooper S Convertible ราคา 3 ล้านบาท โดยประมาณ
รถเล็กแบรนด์ดังจากอังกฤษคันนี้แม้จะไม่มีความพิเศษอะไรนักเมื่อเทียบกับเหล่าบรรดาซูเปอร์คาร์บ้าพลัง แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาน่ารักและขับได้สนุกก็มากพอแล้วที่จะกลายเป็นรถในฝันของใครหลายคน ถึงอย่างไรก็ตาม MINI Cooper S Convertible นี้ก็ยังพอมีความซ่าไม่ธรรมดาซ่อนอยู่บ้างเพราะเป็นรุ่นเปิดประทุนที่แรงกว่าปกติ ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ เทอร์โบ ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้าที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิด 177 นิวตันเมตร ที่รอบต่ำเพียง 1,700 รอบ/นาที บวกกับแฮนด์ลิ่งแบบรถโกคาร์ทที่เป็นคาแรคเตอร์ประจำตัวของ MINI ด้วยแล้วยิ่งทำให้คนขับเบิกบานได้แบบไม่ต้องสงสัย
อย่างไรก็ตามรถที่ได้เห็นกันไปเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนุ่มนักธุรกิจรายนี้เท่านั้น ซึ่งก่อนหน้ายังเคยเป็นเจ้าของซูเปอร์คาร์คันอื่นมาแล้วทั้ง Mercedes-Benz SLS AMG และ Porsche 911 (991) Carrera S และทั้งหมดก็จัดว่าแรงแบบเหลือ ๆ จนเห็นแล้วอดอิจฉาไม่ได้เลย
ภาพจาก
Bangkok Supercar Club Thailand,
TONY WRAP SUPERCAR CHANNEL