Toyota Camry 2018 ใหม่ เผยโฉมอย่างเป็นทางการในงาน ดีทรอยต์ ออโต้โชว์ 2017 โดยตั้งใจให้เป็น Toyota Camry ที่เซ็กซี่และสปอร์ตเร้าใจมากที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ Toyota Camry 2018 ใหม่ ในงาน North American International Auto Show 2017 (NAIAS) หรือ ดีทรอยต์ ออโต้โชว์ 2016 สำหรับตลาดอเมริกา โดย Toyota Camry นั้นถือว่าเป็นซีดานขนาดกลางรุ่นสำคัญของ Toyota ที่ขายดีที่สุดมาตลอดระยะเวลา 15 ปี ซึ่ง Toyota Camry 2018 รุ่นใหม่ เจเนอเรชั่นที่ 8 นี้ ตั้งใจให้แสดงออกถึงความสปอร์ต เซ็กซี่ และเร้าใจอย่างชัดเจนแบบสุด ๆ เท่าที่ทำมา
Toyota Camry 2018 ใหม่ ได้รับการพัฒนาขึ้นบนแพลตฟอร์ม TNGA (Toyota New Global Architecture) ภายใต้แนวคิดที่ยังคงไว้ซึ่งคุณภาพ ความปลอดภัย และต้องให้ประสบการณ์การขับขี่สนุกสนาน บนหลักสำคัญในการดีไซน์สำคัญที่แบ่งออกเป็น 3 ประการ คือ
- จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตัวรถจึงดูเตี้ย กว้าง มีท่ายืน (Stance) ในลักษณะกางขาที่ให้ความมั่นคงด้วยฐานล้อที่กว้างกว่าเดิมเพิ่มความสปอร์ต
- โปรไฟล์ส่วนโดยสารเร้าอารมณ์ แต่ใช้งานได้จริง (Practical) ซึ่ง Toyota อาจต้องการให้ Camry 2018 ใหม่ ทั้งปราดเปรียว กว้างขวาง และน่าจะรวมไปถึงแหวกกระแสลมได้ดีขึ้น
- ต้องสปอร์ต ทั้งภายนอก-ภายใน
โดยทั้งหมดเป็นหัวใจหลักของงานดีไซน์ที่ทำให้ Toyota Camry 2018 ใหม่นั้น โดดเด่นชวนมอง ซึ่งมีการแบ่งดีไซน์ตามรุ่นย่อย โดย SE และ XSE จะเน้นสปอร์ต ส่วนรุ่นย่อย LE ที่เป็นรุ่นพื้นฐานและรุ่นพรีเมียม อย่าง XLE จะมีดีไซน์ที่ก้าวร้าวน้อยกว่า โดยทุกรุ่นย่อยจะใช้สไตลิ่งและภาษาการออกแบบ Keen Look เดียวกันแต่ปรับรายละเอียดให้ต่างกันในส่วนของกระจังหน้าทรง V-Shaped
ส่วนล่างของกันชนหน้าออกแบบให้เหมือนท้องเรือ "คาตามารัน" คั่นกลางด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ โปรไฟล์ด้านข้างถูกลดความสูงลง แนวหลังคาลาดต่ำ เพื่อเน้นความปราดเปรียวมากกว่าเดิมบวกกับเส้นสายที่ทำให้ตัวรถดูเคลื่อนไหวซับซ้อนเพิ่มมิติให้กับพื้นผิว ส่วนล้อสีดำ Black Machined-finish ขนาด 19 นิ้ว นั้นมีให้เฉพาะรุ่นย่อย XSE เท่านั้น
ในส่วนภายในห้องโดยสารของ Toyota Camry 2018 ใหม่ ถือว่าเป็นความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนไม่ยึดติดกับรูปแบบเดิม ๆ ซึ่งมีความโดดเด่นและแตกต่าง โดยเฉพาะชุดแผงหน้าปัดที่ใช้เส้นสายต่อเนื่องเพื่อซ่อนจออินโฟเทนเมนต์รวมกับแผงอุปกรณ์ทรงฟรีฟอร์มแบบธารน้ำตก
จุดนี้ Toyota Camry 2018 ใหม่ พยายามแสดงความเหนือชั้นในเรื่องการดีไซน์อย่างชัดเจนมากกว่าที่จะวางแปะไว้ทื่อ ๆ ตรงคอนโซลกลางอย่างที่นิยมทำตามกันในปัจจุบัน ส่วนในเรื่องความสวยงามคงขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละบุคคล ส่วนตัวเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตนั้นก็ได้รับการปรับปรุงใหม่ตามหลักสรีระศาสตร์เพื่อความสบายสูงสุด เช่นเดียวกับเบาะด้านหลังรวมถึงพื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขวางกว่าเดิม
นอกจากนี้ Toyota Camry 2018 ใหม่ ยังเงียบสงบเป็นส่วนตัวด้วยการลดสัญญาณรบกวนทั้งแรงสั่นสะเทือน เสียง และความกระด้างที่เกิดขึ้น (NVH) เพื่อความผ่อนคลายในการเดินทาง รวมถึงการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงให้ผิวสัมผัสอ่อนนุ่มสะท้อนความเป็นรถซีดานระดับพรีเมียมอย่างเต็มที่
เรื่องของขุมพลังที่ใช้นั้น Toyota Camry 2018 เวอร์ชั่นอเมริกา จะเป็นเครื่องยนต์และเกียร์ชุดใหม่ล่าสุดที่ออกแบบไว้ให้สำหรับแพลตฟอร์ม TNGA โดยเฉพาะ ซึ่งจะมีให้เลือกตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.5 ลิตร หัวฉีดตรง D-4S Fuel Injection และเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร ซึ่งจะจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ Direct-Shift ใหม่ 8 จังหวะ ที่ออกแบบไว้สำหรับรถขับเคลื่อนล้อหน้าในแพลตฟอร์ม TNGA
ส่วนเวอร์ชั่นไฮบริดก็จะเป็นระบบที่ปรับปรุงใหม่อย่าง Toyota Hybrid System II ซึ่งจะใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดรวมถึงสมรรถนะที่ดีขึ้นเมื่อทำงานร่วมกันกับเครื่องเบนซิน 4 สูบ 2.5 ลิตร ใหม่ จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่มี Sport Mode ที่ให้ความนุ่มนวลแต่เพิ่มจังหวะชิฟต์เหมือนเกียร์ 6 สปีด เพื่อความรู้สึกในการขับขี่แบบสปอร์ต (Paddle Shifters ที่พวงมาลัยมีให้เฉพาะเวอร์ชั่น Hybrid รุ่นย่อย SE)
สำหรับระบบความปลอดภัย Toyota Camry 2018 ใหม่ ทุกร่นย่อยจะมาพร้อมกับเทคโนโลยี Toyota Safety Sense package ซึ่งจะประกอบไปด้วย ระบบป้องกันการชนด้านหน้าซึ่งตรวจจับได้ทั้งวัตถุและคนเดินถนน, ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติอัจฉริยะด้วยเรดาร์, ระบบช่วยรักษาช่องทางจราจร และระบบลดไฟสูงอัตโนมัติ ส่วนระบบช่วยขับขี่ที่นอกจาก Toyota Safety Sense package นี้ก็จะติดตั้งระบบเตือนจุดอับสายตา, การแจ้งเตือนการจราจรด้านหลังขณะถอยด้วยโซนาร์ รวมไปถึงกล้องรอบด้านที่สามารถแสดงภาพแบบเบิร์ดอายวิวพร้อมระบบเตือนรอบคัน เป็นต้น
ทั้งนี้ Toyota Camry 2018 ใหม่ สำหรับตลาดอเมริกาที่เปิดตัวในงานดีทรอยต์ ออโต้ โชว์ 2017 จะเริ่มส่งถึงโชว์รูมได้ในช่วงเดือนสิงหาคมของปีนี้ ส่วนราคาในรุ่นพื้นฐาน (LE) คาดว่าเริ่มที่ประมาณ 24,000-25,000 ดอลลาร์ หรือราว 9 แสนบาท
ภาพจาก
Toyota