
ย้อนเวลากลับไปช่วงสิ้นปี 2558 โตโยต้า ประเทศไทย ได้เผยโฉมยนตรกรรมครอสโอเวอร์หรูระดับโลก Lexus RX 2016 ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกและเป็นโมเดลที่ขายดีสุดของ Lexus ตลอดกาล

ในส่วนของประเทศไทย โตโยต้าก็มองเห็นกำลังซื้อในรถยนต์ครอสโอเวอร์พรีเมียม และเลือกดัน Lexus RX รุ่นย่อย 200t ที่ทำราคาจำหน่ายช่วง 3.9-5 ล้านบาทเข้าสู้ตลาด

ที่สำคัญนี่เป็นครั้งแรกที่ เลกซัส ประเทศไทย จัดการทดสอบรถยนต์แบบทริปแก่สื่อมวลชน เพราะที่ผ่านมาก็เจอกระแสตลาดเกรย์มาร์เกตตีตลาดที่ส่งผลกระทบต่อยอดขายอย่างหนัก แต่ช่วงปี 2558 มีการเข้มงวดเรื่องการนำเข้ารถยนต์จากต่างประเทศมากขึ้น ทำให้เลกซัส ประเทศไทย พร้อมที่จะกลับมาลุยประชาสัมพันธ์รถยนต์ของตัวเองมากกว่าแต่ก่อน
นอกจากนี้ระหว่างทริปก็มีการพูดคุยเปรียบเทียบความต่างของรถยนต์ เลกซัส จากเกรย์มาร์เกต กับทางเลกซัส ประเทศไทย ที่แตกต่างในหลายส่วน โดยเป็นการตั้งสเปคจากโรงงานผลิตเพื่อประเทศไทยโดยเฉพาะ ทั้งระบบแสดงข้อมูลต่าง ๆ ในรถที่การแปลภาษาไทย, ระบบอินโฟเทนเมนต์ของรถ ระบบทำความร้อน-ความเย็น รวมไปถึงสายพานวัสดุที่เป็นยางทนสภาพอากาศร้อนในประเทศไทยได้ดีกว่า
โดยทริปนี้เทสต์ไดรฟ์ครั้งนี้ก็ได้นำรถยนต์รุ่น Lexus RX 200t ปี 2016 โดยทีมงานกระปุกคาร์ ได้รุ่นย่อย Premium ขับทดสอบบนเส้นทางกรุงเทพฯ-ปราณบุรี

รูปลักษณ์ Lexus RX 200t มีกลิ่นอายความหรูหราอยู่ทุกส่วน ภายนอกใช้อุปกรณ์ชุดไฟหน้า Bi-LED 3 ดวง ขอบล่างไฟเดย์ไลท์รูปตัว L กระจังหน้ารูปนาฬิกาทราย Spindle Grille เส้นสายของรถเหลี่ยมคมชัดเจนดุดันและรับกับอุปกรณ์ของรถ แถมยังใส่ใจในด้านรายละเอียดมีการเก็บมุมขอบด้วยโครเมียมที่เพิ่มความหรูหรา

ไฟท้ายรถเป็น LED ดีไซน์รูปตัว L และมีลูกเล่น เมื่อเปิดใช้ไฟเลี้ยว จะเป็นไฟเลี้ยวกะพริบแบบไล่จังหวะจากด้านในสู่ด้านนอก สื่อให้เห็นสัญญาณเปลี่ยนเลนส์ชัดเจนดีแถมดึงดูดสายตา รถจากคันหลังได้ดีมากด้วย มองด้านข้างก็จะเห็นล้อแม็กซ์ขนาด 20 นิ้วที่รับกับซุ้มอย่างพอดี
world_id:56d6a79f4d265ad5758b45a7
ลายไม้ Shimamoku
ลายไม้ Shimamoku
ภายในของรุ่น Lexus RX 200t Premium บุฟองน้ำนุ่ม ๆ หุ้มด้วยหนังสีน้ำตาล ตกแต่งด้วยลายไม้ Shimamoku มองโดยรวม ต้องยอมรับในความประณีตทั้งการตกแต่งการตัดเย็บดูลงตัวหรูหราในแบบที่สัมผัสได้

ออปชั่นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษสำหรับคนขี้ร้อนคงจะเป็นแอร์ที่เบาะคู่หน้า ตลอดเส้นทางทดสอบผ่อนคลายดีมาก ตรงหน้าคนขับมีฟีเจอร์ Head Up Display แสดงความเร็วและรอบเครื่องยนต์ปรับความเข้มของหน้าจอได้ ที่ว่าปรับเข้มสุดสู้แดดที่เพชรบุรีช่วงบ่าย 3 โมงได้สบาย มองก้มลงมาหน่อยแผงมาตรวัดเรืองแสง Optitron ตรงกลางมีจอ TFT แสดงข้อมูลต่าง ๆ ของรถ ที่มีฟีเจอร์แสดงแรงดันลมยางอยู่ด้วย

มองไปที่ซ้ายมือจะมีจอ EMV RTI ขนาด 8 นิ้วพร้อมระบบเนวิเกเตอร์ ที่ควบคุมผ่านคันโยก จากที่ลองทดสอบใช้ในครั้งแรกก็แอบควบคุมยากเล็กน้อย แต่พอถูไถใช้งานได้ หรือจะควบคุมผ่านพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นได้เช่นกัน

ด้านการขับขี่ Lexus RX 200t Premium ใช้เครื่องยนต์รุ่น 8AR-FTS ขนาด 2.0 ลิตร ใช้ระบบสั่งฉีดน้ำมันแบบ D-4ST (เช่นเดียวกันในแคมรีรุ่นใหม่) ให้กำลัง 238 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
การขับขี่ราบรื่นเอามาก ๆ ในช่วงการเร่งแซงไม่มีปัญหา แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแรงอะไร แต่เมื่อได้รู้ข้อมูลจำเพาะของรถก็ต้องบอกว่าเครื่องยนต์นี้ให้กำลังดีมากทีเดียว เพราะตัวรถนั้นมีน้ำหนักสุทธิถึง 2,500 กก. แบกน้ำหนักผู้ร่วมโดยสารผู้ชายอีก 3 คน รวมถึงสัมภาระบางส่วน

ฟีลลิ่งการควบคุม พวงมาลัยทำหน้าที่ได้ดี น้ำหนักเบาเมื่อความเร็วต่ำและหนืดขึ้นเมื่อความเร็วสูง มุมจากผู้ขับก็ให้วิสัยทัศน์ชัดเจนรอบคัน เมื่อทำความเร็วในย่านความเร็ว 100-160 กม./ชม. ต้องบอกว่าสบาย ๆ แต่เมื่อเร่งมากกว่านี้จะมีอาการบ้างตามสไตล์ของรถยกสูงแบบครอสโอเวอร์
ฟีเจอร์ของรถมีการปรับโหมดการขับขี่ Eco, Normal และ Sport ที่สมองกลรถจะสั่งให้การลากรอบเครื่องยนต์ในระดับที่ต่างกัน ซึ่งจะเรียกแรงบิดได้ตามรอบเครื่องยนต์ จากที่ทดสอบโหมด Sport ขับสนุกมากทีเดียว

แม้ในช่วงขาไปจะผลัดกันทดสอบ แต่ช่วงที่ผู้เขียนได้ทดสอบขับกลับจากปราณบุรีเข้ากรุงเทพฯ คนเดียว ผ่านเส้นทางจากเพชรบุรีเข้าถนนพระราม 2 ก็มีการปรับปรุงพื้นผิวจราจรเป็นระยะและไม่ได้ราบเรียบสักเท่าไหร่ ถึงที่หมายไม่มีอาการเมื่อยล้าหรือรู้สึกเหนื่อยแต่อย่างใด แถมอาการโคลงของรถยนต์ที่ยกสูงก็ไม่รู้สึก ฟีลลิ่งใกล้เคียงกับรถซีดานมาก ๆ
บทสรุปส่วนตัวจากผู้ทดสอบ

Lexus RX 200t Premium เป็นรถครอสโอเวอร์พรีเมียมที่แตกต่างจากผู้อื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะดีไซน์สไตล์เลกซัส ทั้งภายนอกและภายใน ฟีเจอร์ชื่นชอบในรถ ระบบกล้อง 360 องศาแสดงภาพรอบคัน, เบาะนั่งคู่หน้าที่มีระบบปรับอากาศในเบาะ (เบาะเย็น)

ด้านการขับขี่ทำได้ดีไม่มีจุดที่เป็นปัญหา แต่โดยส่วนตัวก็คิดว่าทำได้ดีตามคุณภาพรถที่ไม่ได้มีอะไรน่าชื่นชมเป็นพิเศษ ส่วนสรุปอัตราสิ้นเปลืองได้ 7.4 กม./ลิตร (บอกไว้ตรงนี้ก่อนว่าตัวเลขอาจจะดูน้อยเพราะมีการเร่งสุด สลับหยุดหลายครั้ง รวมไปถึงขาเข้ากรุงเทพฯ ที่เจอรถติดอยู่ 1 ชม. กว่า ๆ)

แล้วอะไรที่จะพอดึงดูดลูกค้าให้เลือก Lexus RX 200t นั่นคือความแตกต่างจากครอสโอเวอร์พรีเมียมอื่น ๆ ในตลาดของยานยนต์ และคุณไม่ได้เลือกซื้อรถยนต์เพียงอย่างเดียว แต่คุณได้เลือกไลฟ์สไตล์ และ "Lexus" ด้วยครับ












