
Nissan Micra ในยุโรปได้เพิ่มรุ่นพิเศษ N-TEC ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายเดือนกันยายนนี้ ด้วยการนำเอา Micra Acenta (รุ่นตกแต่งระดับกลาง) มาใส่อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม อย่างเช่น มือจับและกระจกมองข้างสี Satin Chrome, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว, กระจกแบบ Privacy Glass เพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในรถ (แบบที่บ้านเรานิยมเลียนแบบด้วยการติดฟิล์มสีเข้มเฉพาะกระจกบานประตูหลังและด้านท้าย) ไฟตัดหมอกหน้า ใบปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ และเซ็นเซอร์เตือนขณะถอยจอด

ภายในติดตั้งอุปกรณ์ที่เป็นไฮไลท์อย่างจอทัชสกรีนที่มีระบบนำทางเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด ที่เหลือเป็นการตกแต่งเพิ่มเติมเล็กน้อยอย่างพวงมาลัยหุ้มหนังเดินตะเข็บด้ายสีฟ้าและแอร์อัตโนมัติ เป็นต้น
เครื่องยนต์ใต้ฝากระโปรงของ Nissan Micra เวอร์ชั่นยุโรปจะมีให้เลือก 2 รุ่นคือ เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร รหัส HR12DE ให้กำลัง 80 แรงม้า ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกับที่ใช้ใน Nissan March ในบ้านเรา และที่น่าจับตามองมากที่สุดคือเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ หัวฉีดตรง (Direct Injection Gasoline) 1.2 ลิตร รหัส HR12DDR ที่มีกำลัง 98 แรงม้า

ซึ่งเครื่องยนต์ 1.2 DIG นี้ให้ความประหยัดและปล่อยมลพิษน้อยกว่าด้วยตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองจากโรงงานที่ 18.8 กิโลเมตร/ ลิตร เมื่อใช้งานในเมือง และ 27 กิโลเมตร/ ลิตร สำหรับนอกเมือง ส่วนการใช้งานเฉลี่ยทั้ง 2 แบบ จะกินน้ำมันเพียง 23.2 กิโลเมตร/ ลิตร รวมถึงปล่อยมลพิษ (CO2) ต่ำเพียง 99-115 กรัม/ กิโลเมตร ผ่านมาตรฐานข้อกำหนดของโครงการ Ecocar เฟส 2 ที่มีความเข้มงวดกว่าเฟสแรกพอดี ทาง Nissan เองได้ตกลงเข้าร่วมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าเครื่องยนต์ 1.2 DIG นี้อาจเป็นเครื่องยนต์ใหม่ของ Nissan March/ Almera ในบ้านเราด้วย
สำหรับราคาจำหน่ายของ Nissan Micra N-TEC ในยุโรปเริ่มต้นที่ประมาณ 5.6-7 แสนบาท ส่วนในบ้านเรายังไม่มีการยืนยันว่า Nissan จะใช้เครื่องยนต์รุ่นไหนกับรถของตนเองในโครงการ Ecocar เฟส 2 แต่คงไม่สามารถใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ 1.2 ลิตร เดิมโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ได้แน่นอน ซึ่งเครื่องยนต์ 1.2 DIG น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด








ภาพจาก nissan-europe