หลังจากที่เปิดตัวค่ายรถน้องใหม่ MG แบรนด์จากประเทศอังกฤษ ทำตลาดโดย เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี ได้ปล่อยรถยนต์รุ่นแรกลงตลาดคือ MG6 อยู่ในกลุ่ม C-Segment เมื่อ 19 มิถุนายน 2557 แต่ดูเหมือนการปรับจูนหลายอย่างไม่ถูกจริตนักขับไทย ออปชั่นหลายส่วนให้มาเหนือกว่า แต่กลับมาพลาดออปชั่นที่ควรมีตามยุคสมัยอย่างจอทัชสกรีนและกล้องมองหลัง !!
ล่าสุด MG เดินเกมเร็วเตรียมปล่อย MG6 ปี 2015 ที่ไมเนอร์เชนจ์ปรับปรุงหลายส่วนที่ได้คำติ เติมออปชั่นที่ดูแหว่งหายให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น พร้อมกับเชิญสื่อมวลชนกลุ่มแรกทดสอบ MG6 ปี 2015 ใหม่ด้วยตัวเองที่สนาม MG Driving Experience Center หลังห้างสรรพสินค้าซีคอน สแควร์ ซึ่งทางทีมกระปุกคาร์ก็ขอเก็บข้อมูลและความรู้สึกหลังทดสอบมาบอกต่อครับ
MG6 ปี 2015 มีอะไรใหม่บ้าง ? เชื่อว่าหลายคนคงอยากทราบ เราจึงขอแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ อุปกรณ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับดีไซน์รถยนต์, ระบบเครื่องยนต์และการควบคุม, เทคโนโลยีเพื่อความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
อุปกรณ์ใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับดีไซน์รถยนต์
- ชุดโคมไฟหน้า Bi-Xenon
- ไฟ LED Daytime Running Light
- ไฟท้าย LED แบบเส้น
- กันชนหน้า-หลังดีไซน์ใหม่
- มาตรวัดดีไซน์ใหม่
- ล้อแม็กซ์ 17 นิ้วลายใหม่ (เฉพาะรุ่นท็อป)
ซึ่งการปรับอุปกรณ์ทั้งหมดนี้ เห็นได้ชัดเลยว่า MG6 ปี 2015 ดูสวยลงตัว แถมทันยุคทันสมัยกว่าเดิม จากที่มีคนติว่าดูโบราณ เห็นแล้วต้องคิดใหม่แน่นอน
ระบบเครื่องยนต์และการควบคุม
- ใส่เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร เทอร์โบ ทุกรุ่นย่อย (โฉมที่แล้วรุ่นเริ่มต้นไม่ใส่เทอร์โบ)
- ปรับจูนระบบเครื่องยนต์ให้รองรับ E85
- ปรับจูนน้ำหนักพวงมาลัยใหม่
- สมองกลเกียร์ฉลาดขึ้น
ซึ่งจากระบบเครื่องยนต์และการควบคุมขอยกยอดไปรวมกันช่วงทดลองขับ เครื่องยนต์รับ E85 มองมุมไหนก็ดีแน่นอน ส่วนรุ่นย่อยเริ่มที่พ่วงเทอร์โบมาให้ก็มีการปรับราคาเพิ่มตามแน่นอนซึ่งคงต้องรอไปดูวันเปิดตัวที่ 22 กรกฎาคม
- เพิ่มระบบ inkaNet เข้ามาที่เล่าย่อ ๆ คือการซิงค์ข้อมูลรถผ่านสมาร์ทโฟน เช็กสถานะรถว่าล็อกหรือยัง รถมีความผิดปรกติก็จะแจ้งเตือนเข้ามา เป็นต้น ใครที่สนใจรายละเอียดก็คลิก inkaNet ครับ
- จอทัชสกรีน 7 นิ้วพ่วงระบบเนวิเกเตอร์ รองรับการเชื่อมต่อบลูทูธ
- กล้องถอยหลังแบบไดนามิก มีเส้นไกด์ไลน์ตามการหมุนของพวงมาลัย
ถือเป็นการเติมเต็มออปชั่นที่หลายคนบ่นกันว่าให้เครื่องเสียงที่โบราณ แถมเพิ่มลุคทันสมัยให้ภายในห้องโดยสาร และอีกเรื่องคือมีโปรแกรมเลือกสีภายในได้เลยว่าจะเลือกสีเบจหรือสีดำตามความต้องการลูกค้า
เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
- ฟังก์ชั่น Auto Hold เมื่อรถหยุดสนิทจะทำการเบรกมือให้ทันที หากเหยียบคันเร่งก็จะปลดให้อัตโนมัติ จากการทดสอบแล้วทำได้ดีแทบไม่เจอการหน่วงเมื่อใช้หรือปลดเบรกเลย
- ระบบ DWTC ช่วยปรับการถ่ายกำลังในแต่ละล้อขณะเข้าโค้ง ทำให้เข้าโค้งได้คมขึ้นหรือจะเร่งความเร็วขณะโค้งได้ ลดการท้ายปัด (Understeer)
- ระบบ ASL ตั้งลิมิตความเร็วสูงสุด
- ระบบเตือนกันลืมตั้งล้อตรงเมื่อจอด
โดยปรกติแล้ว MG6 เป็นรถที่ระบบความปลอดภัยแบบแอ็คทีฟ เยอะมากอยู่แล้วตั้งแต่พื้นฐานอย่าง ABS, EBD และระบบเฉพาะของ MG อีกเพียบ ที่หากรวมทั้งหมดตอนนี้มี 14 ระบบด้วยกัน (เยอะและแน่นจริง)
มาถึงช่วงทดสอบขับจริง เริ่มแรกได้ทดสอบออปชั่นซึ่งได้อธิบายไปบางส่วนแล้ว จึงขอข้ามไป ซึ่งขอโฟกัสไปที่เครื่องยนต์ สมองกลเกียร์ และการบังคับ
โดยความรู้สึกหลังทดสอบรู้สึกพวงมาลัยนั้นเบาขึ้นขับในเมืองน่าจะไม่ต้องออกแรงเยอะ แต่กลับไม่ปลื้มระยะฟรีของพวงมาลัยมีมากเกินไปทำให้การคอนโทรลรถแบบเล็กน้อยทำได้ลำบาก
อัตราทดพวงมาลัยทดรอบสูงเกินไป โดยการเลี้ยวโค้งปรกติกลับใช้การหมุนครึ่งรอบนิด ๆ ทำให้การเลี้ยวและบังคับทั้งหมดรู้สึกไม่เป็นธรรมชาติ หรือผู้ทดสอบอาจไม่คุ้นชินกับรถของ MG6 ก็เป็นได้ ซึ่งได้มีการบอกเล่าเรื่องนี้ให้ทาง MG รับทราบด้วยเช่นกัน
เรื่องของสมองกลเกียร์เห็นถึงการตอบสนองที่คมและฉลาดมากขึ้น การเปลี่ยนเกียร์ลื่นไหล ใช้โหมดแมนนวลก็เจอบ้างเล็กน้อย กลับมาที่ออโต้เมื่อทำการคิกดาวน์เพียงเสี้ยววินาทีก็ตบเกียร์ลงต่ำลากรอบสูงเพื่อส่งกำลังสูงสุดให้ทันที หากลงถนนจริงการเร่งแซงก็ไม่ใช่เรื่องน่ากังวลอีกต่อไป ส่วนเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเทอร์โบทำหน้าที่ของมันได้ดี ไม่มีปัญหาอะไร
และทั้งหมดนี้คือประสบการณ์ทดสอบ MG6 ปี 2015 ในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ภาพรวมโฉมนี้น่าประทับใจกว่าเดิมเยอะ ถึงไม่ต้องบอกก็คงเดาได้เลยว่า MG6 ปี 2015 มีการปรับราคาเพิ่มแน่นอน เพราะด้วยออปชั่นที่เพิ่มขึ้นมา และการใส่เครื่องเทอร์โบในทุกรุ่นย่อย
ซึ่ง MG6 ปี 2015 เตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 22 กรกฎาคมนี้ จะมีความชัดเจนด้านราคาและอุปกรณ์ประจำรุ่นย่อยต่าง ๆ ครับ