7 มารยาทบนท้องถนน

          รถคันแรกกว่าครึ่งมาพร้อมกับคนขับครั้งแรก อะไรบ้างที่จะเกิดตามมาเมื่อรถใหม่กับผู้ไร้ประสบการณ์ออกสู่ท้องถนนพร้อม ๆ  กันบอกได้เลยว่ามีปัญหาตามมาเยอะแยะแน่นอน ประเด็นที่สำคัญคือ ปัญหาด้านสังคม มันไม่ใช่เรื่องยากที่มือใหม่จะเรียนรู้ อย่าว่าแต่มือใหม่เลย มือเก่ากว่าครึ่งก็ไม่รู้และไม่ได้สนใจมาก่อน ลองมาดูว่ามารยาทที่มือใหม่และมือเก่าบางส่วนไม่เคยรู้มีอะไรบ้าง
 
7 มารยาทบนท้องถนน

     1.    ไม่ขับแช่ขวา
 
        เป็นเรื่องที่หลายคนไม่รู้ และหลายคนก็เข้าใจผิดเอาเรื่องที่ไม่ค่อยรู้กันก่อนว่า บนถนนที่มีมากกว่าสองเลนขึ้นไปนั้นเราไม่ควรขับแช่ขวา แม้ว่าเราจะขับตามความเร็วที่กฎหมายกำหนดก็ตามที บนถนนที่โล่งแม้ว่าคุณจะขับมาเร็วเท่าไหร่ก็ตามทีก็ไม่ควรวิ่งแช่เลนขวา
 
        ปัญหาที่เราเจอกันทุกวันนี้คือเรื่องของมารยาทในการับขี่กับเรื่องนี้มากขึ้น หลายครั้งบนถนนมีสภาพการจราจรหนาแน่น เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ เมื่อสามารถไล่เลาะหาช่องว่างเพื่อแทรกไปข้างหน้าสุดได้กลับพบว่ามีรถวิ่งแช่ขวาด้วยความเร็วคงที่ อาจจะตามกฎหมายกำหนดพอดี แต่มันทำให้รถที่มาข้างหลังติดยาวเป็นแพหลายกิโลเมตร
 
         ดังนั้นไม่ว่าจะถนนโล่งหรือไม่ จะขับช้าหรือขับเร็ว ควรวิ่งเลนกลางหรือเลนที่สองถัดจากเลนขวาสุด และโปรดจำไว้เสมอว่าถ้าวิ่งเลนขวาแล้วมีรถมาจ่อท้ายเมื่อไหร่นั่นแสดงว่าคุณวิ่งช้าไป โดยมารยาทแล้วคุณต้องเปิดไฟเลี้ยวซ้ายและหลบให้ทางรถที่มาข้างหลัง
 
        หลายครั้งผู้ที่ไม่รู้มารยาทเรื่องนี้กลับโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ หาว่ารถคันหลังยกไฟสูงไล่ อันที่จริงมันก็ถูกของเขาเพราะเลนขวาคือเลนสำหรับรถที่เร็วกว่า ไม่อย่างนั้นจะมีป้าย “ขับช้าชิดซ้าย” บนท้องถนนทำไม และอย่าลำพองว่าก็วิ่งมา 160-170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แล้วมันช้าตรงไหนตอบได้เลยว่ามันช้าเพราะคันที่มาข้างหลังเขาเร็วกว่านั่นเอง

7 มารยาทบนท้องถนน

     2.    ไม่ขับจี้ท้ายคันหน้า
 
        นอกจากขับแช่ขวาแล้วนี่เป็นอีกเรื่องที่ทำให้เกิดปัญหาบนท้องถนน ทั้งเรื่องอุบัติเหตุและเรื่องของการวิวาทบนท้องถนน มือใหม่มักจะขับรถคล้าย ๆ กับต้นแบบไม่ว่าจะเป็นครูผู้สอน ญาติพี่น้อง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาพที่เห็นและเป็นความเคยชินนั่นเอง
 
     ทำไมถึงไม่ควรขับจี้ท้ายรถคันหน้า ง่าย ๆ ก็คือเรื่องของอุบัติเหตุนั่นเอง ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่าอุบัติเหตุกรชนท้ายบ้านเรานั้นส่วนมากมักจะเกิดครั้งละหลาย ๆ คัน บางจุดบางแห่งชนท้ายกันนับสิบคันก็มี และพบได้บ่อยครั้ง
 
        ลองคิดง่าย ๆ ว่าเวลาคุณเดินในที่ชุมชนมีผู้คนเยอะ ๆ ลองเดินชิดคนด้านหน้าห่างสัก ช่วงแขนเดียว ถ้าคนหน้าสูงเท่ากันหรือสูงกว่าคุณ คุณจะมองอะไรด้านหน้าไม่ค่อยเห็นนอกจากแผ่นหลัง มุมมองคุณจะแคบลงมาก
 
        กรณีที่คนด้านหน้าหลบอะไรก็ตามโอกาสที่คุณจะหลบทัน หรือกรณีหยุดเดินกะทันหันโอกาสจะชนก็มีมากตามไปด้วย เมื่อเราเว้นระยะห่างให้มากขึ้นเป็นสองหรือสามช่วงแขนจะเห็นชัดเจนว่าเรามีมุมมองกว้างขึ้น เมื่อคนหน้าหลบหรือหยุดกะทันหันเราจะมีเวลาหลบหรือหลีกเลี่ยงการชนได้มากขึ้น
 
        การขับรถก็เช่นกัน ด้วยความเร็วที่มากขึ้นระยะห่างจากรถคันหน้าก็ต้องมีมากขึ้นตามไปด้วย รวมถึงปัญหาที่ตามมาด้านกฎหมายรถที่ขับตามกันมาต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้า เพียงพอที่จะหยุดได้อย่างปลอดภัยเมื่อคันหน้าเกิดอุบัติเหตุหรือหยุดอย่างกะทันหันหมายความว่าถ้าขับตามกันมาแล้วคุณไปชนท้ายเขาก็หมายความว่าคุณผิดเต็ม ๆ หลายครั้งหลังการชนผู้ที่มาชนท้ายกลับลงมาโวยวายว่ารถคันหน้าเบรกกะทันหันทำไม ทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นฝ่ายผิด แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนใหญ่ที่แม้แต่มือเก่าก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง


     3.    ต้องให้รถทางขวาไปก่อน
 
        เมื่อคุณขับมาถึงทางร่วม ทางแยก และวงเวียนคนส่วนมากไม่รู้เลยว่า “ต้องให้รถทางขวาไปก่อน” เมื่อขับมาถึงทางแยกใหญ่ไม่ว่าจะสามแยกหรือสี่แยกกรณีที่ไม่มีสัญญาณไฟจราจรรวมถึงเมื่อขับเข้าวงเวียนต้องให้รถทางขวาไปก่อนเสมอ เนื่องจากบ้านเราขับเลนซ้าย เมื่อถึงแยกหรือวงเวียนรถที่มาทางขวาจะถือว่ามาก่อน ดังนั้นต้องลดความเร็วและดูให้ปลอดภัยก่อนเสมอ
 
        เมื่อคุณจะเข้าทางหลัก เช่น วิ่งอยู่ถนนคู่ขนานแล้วจะเบี่ยงขวาเข้าช่องหลัก ก็ต้องชะลอให้รถที่มาทางตรงไปก่อน เช่นกัน พูดง่าย ๆ ก็คือถ้าจะเปลี่ยนจากช่องทางเดิมไปช่องทางคนอื่นก็ต้องหาจังหวะและให้รถทางหลักไปก่อน กรณีที่คุณวิ่งทางหลักแล้วจะออกถนนคู่ขนานก็ต้องระวังรถทางซ้ายให้ดี เพราะเข้ากรณีที่เปลี่ยนไปใช้ช่องทางของคนอื่นเขา

 

     4.    รักษาเลนของตัวเองเวลาเลี้ยว
 
        ช่วงหลังพบปัญหาเหล่านี้บ่อยครั้งมาก ๆ เวลาจอดอยู่ตามแยกใหญ่ที่มีหลายคน บางครั้งเราขับเลนขวาสุดเมื่อเราเลี้ยวขวาแล้วก็ต้องรักษาช่องทางขวาเอาไว้ ถ้าคุณมาเลนที่สองจากขวา เมื่อเริ่มเลี้ยวก็ต้องรักษาช่องทางตั้งแต่เริ่ม จนเลี้ยวขวาเสร็จก็ต้องรักษาเลนที่สองจากขวาไว้
 
        หลายครั้งเจอคนที่ไม่รู้ หลังจากเลี้ยวเสร็จไม่รักษาเลนของตัวเองไว้ เช่นจากเลนที่สองจากขวาเมื่อเลี้ยวแล้วก็ปาดมาขวาสุดทันใด ทำให้เกิดการเบียดเสียดกลางแยก รถไปได้ช้า หลายครั้งก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุด้วย ต้องจำไว้เสมอว่าถ้าคุณอยู่เลนไหนเลี้ยวแล้วก็ต้องรักษาแนวให้อยู่ในเลนนั้น

ไม่ขับไปคุยไป

     5.    ไม่ขับไปคุยไป
 
        ผู้ที่มีประสบการณ์น้อยบนท้องถนน มักจะพุ่งสมาธิไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หลายครั้งนั่งไปกับมือใหม่เมื่อโทรศัพท์เข้าแม้จะใช้อุปกรณ์ช่วย แต่ก็ไม่สามารถทำให้เขามีสมาธิได้มากขึ้นเลย จากการมีสมาธิกับท้องถนนเบื้องหน้าเต็มร้อย เมื่อคุยโทรศัพท์สมาธิครึ่งหนึ่งไปอยู่กับการคุยมากกว่าถนนเบื้องหน้า
 
        แม้จะเห็นว่าผู้ขับพยายามจะใช้สมาธิในการขับเหมือนเดิมก็ตามที สิ่งที่เห็นได้ชัดเจน คือความเร็วลดลงจากเดิม 20-30 เปอร์เซ็นต์วิ่งมา 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก็เหลือ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยไม่รู้ตัว
 
        นอกจากนี้ประสาทการรับรู้โดยเฉพาะการฟังหายไปเกือบครึ่ง หลายคนเข้าโลกส่วนตัวโดยไม่รู้ตัวว่าคันหลังบีบแตรไล่แล้ว กว่าจะรู้ตัวว่าคันหลังบีบแตรไล่ก็หลังจากวางสายนั่นแหละ เรื่องนี้กลายเป็นปัญหารถชะลอตัวบ่อยครั้ง เพราะมักจะเป็นกับพวกชอบขับแช่เลนขวาด้วย ขับไปคุยไปไม่สนใจสิ่งรอบข้าง พอวางสายเหมือนสติจะกลับมาอีกครั้ง
 
        เรื่องนี้นอกจากจะทำให้รถชะลอตัวแล้วยังจะทำให้เกิดการทะเลาะวิวาทตามมาด้วยและหลายครั้งทำให้เกิดอุบัติร้ายแรงเพราะคุยจนเข้าภวังค์ ลืมดูแม้กระทั่งสัญญาณไฟแดงสัญญาณเตือนรถไฟ หลายคนลืมจ่ายเงินเมื่อถึงช่องทางด่วนด้วยซ้ำ ถ้ารักชีวิตรับสายแล้วพูดสั้น ๆ ว่า อีกสักครู่จะโทร. กลับ ตอนนี้ขับรถอยู่

7 มารยาทบนท้องถนน

     6.    ปิดสปอตไลท์ในเมือง
 
        ทั้งมือใหม่และเก่าไม่รู้เลยว่าสปอตไลท์และไฟตัดหมอก ตาม พ.ร.บ. จราจร ให้เปิดใช้ได้เฉพาะเมื่อฝนตกหนักหรือหมอกลงจัดเท่านั้น แต่ทุกวันนี้ในเมืองเราจะเห็นว่ารถราคาไม่กี่แสนยันหลายล้าน ต่างเปิดกันเกลื่อนเมืองทั้ง ๆ ไม่มีความจำเป็นเลย
 
        ไฟหน้าของรถสมัยนี้มีความสว่างเพียงพอไฟถนนก็มีความสว่างเพียงพอ ไฟสปอตไลท์ที่กันชนหน้านั้นแม้มันจะติดไว้ต่ำ แต่เลนส์เป็นลักษณะกระจายแสงไม่ได้รวมแสงเหมือนไฟหน้า ดังนั้นมันจะส่องแยงตารถคันที่สวนมาหรือแยงเข้ากระจกมองข้างและหลังของรถคันหน้า เป็นการรบกวนสายตาทำให้สมาธิลดลง
 
        ส่วนไฟตัดหมอกหลัง ชื่อก็บอกแล้วว่าไฟตัดหมอก แต่หลายคนคิดว่าเป็นไฟแฟชั่นเปิดวิ่งเพราะคิดว่าสวยดี รถคันอื่นไม่มีแต่รถเรามีโดยหารู้ไม่ว่ามันผิดกฎหมาย และรบกวนสายตาของรถที่วิ่งตามหลังมาอย่างมาก ควรจะต้องเลือกใช้ให้ถูกกาลเทศะด้วย ถ้าเปิดตอนฝนตกหนักหรือหมอกลงจัดจะเป็นการช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับตนเอง
 
        ตอนนี้ตำรวจเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยจะเน้นการกวดขันจับกุมอย่างจริงจัง เพื่อให้ผู้ขับขี่มีวินัยในการใช้มากขึ้น

7 มารยาทบนท้องถนน

     7.    ใจเย็นและปล่อยวาง
 
        อันนี้เป็นปัญหาของคนส่วนมากเมื่ออยู่บนท้องถนน หลายคนเมื่อนั่งหลังพวงมาลัยกลับกลายว่าวิญญาณร้ายเข้าสิง กลายเป็นคนอารมณ์ร้อนโดยไม่มีเหตุผล เพราะพวกเห็นแก่ตัวเยอะและไม่มีมารยาทเยอะเหลือเกิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อชีวิตและทรัพย์สินควรใจเย็นและปล่อยวางใครจะปาดจะแทรกก็ปล่อยไปอย่าไปแลก มันไม่คุ้มที่จะเอาเวลาและชีวิตอันมีค่าเข้าไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็น อย่าปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นปัญหาสังคมเช่นคนเหล่านั้นเลย หลายครั้งการทะเลาะวิวาทจนบาดเจ็บล้มตายซึ่งมันไม่คุ้มค่าเลย

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ GM CAR 
Vol.18 No.235 กุมภาพันธ์ 2556
 
สนใจให้รีวิว รถใหม่ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ Test Drive วิดีโอโปรโมต และ Content & Social Marketing คลิกเลย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
7 มารยาทบนท้องถนน อัปเดตล่าสุด 12 กรกฎาคม 2564 เวลา 16:09:51 24,880 อ่าน
TOP
x close