ทั้งนี้จากการตรวจสอบคุณภาพตามสเปคสินค้าพบว่ามีความผิดปกติทั้งมิติและค่าความเค้นแรงดึง (ความแข็งแรงของโลหะ) ซึ่งการปลอมแปลงสเปคของ Kobe Steel นี้ระบุว่าเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกันยายน 2559 จนถึงเดือนสิงหาคม 2560 โดยแบ่งเป็นอะลูมิเนียมแผ่น จำนวน 19,300 ตัน และอะลูมิเนียมชนิดอัดขึ้นรูป 19,400 ยูนิต รวมไปถึงโลหะที่เป็นทองแดงอีก 2,200 ตัน หรือเทียบได้ประมาณ 4 เปอร์เซ็นต์ จากยอดขายประจำปีเฉพาะในกลุ่มสินค้าประเภทนี้ของ Kobe Steel แน่นอนว่าในส่วนของอะลูมิเนียมนั้นมีใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังรวมไปถึงเครื่องบินและรถไฟความเร็วสูงอย่างชินคันเซ็นด้วย
ส่วน Toyota ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ได้ยอมรับว่ารถยนต์ของตนเองหลายรุ่นได้รับผลกระทบในเรื่องนี้และได้เริ่มดำเนินการตรวจสอบแล้ว สำหรับทางฝั่ง Subaru ได้มีประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2560 ว่า Subaru ใช้วัตถุดิบจาก Kobe Steel ที่มีการปลอมแปลงสเปคคุณภาพทั้งในส่วนของรถยนต์และเครื่องบิน และ Subaru จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของลูกค้าตนเองเป็นอันแรก นอกจากนี้ยังมี Mazda Motor ผู้ผลิตรถยนต์อีกหนึ่งรายได้ออกมากล่าวว่าได้ใช้วัตถุดิบจาก Kobe Steel ในรถยนต์ของตนเองด้วยเช่นกัน
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ Kobe Steel ต้องออกมาประกาศยอมรับเรื่องการปลอมแปลงสเปคคุณภาพของโลหะที่ส่งให้กับลูกค้าของตนเองนั้น เกิดหลังจากที่ Nissan Motor ได้ตรวจสอบความปลอดภัยและพบความผิดปกติ ส่งผลให้ต้องเกิดการเรียกรถกลับมาตรวจสอบความปลอดภัยใหม่เป็นจำนวนกว่า 1 ล้านคัน ในญี่ปุ่น เมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคม 2560 เพื่อที่จะได้ดำเนินการแก้ไขและป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตเสียก่อน แต่ช่วงนั้น Nissan เองยังไม่ได้ระบุว่าเกิดจากสาเหตุใด พร้อมกับได้ประกาศขออภัยเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นรวมถึงความไม่สะดวกกับลูกค้า
อย่างไรก็ตามยังมีผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นรายอื่นอีกที่ได้รับผลกระทบจากการปลอมแปลงสเปคคุณภาพสินค้าของ Kobe Steel เช่น Honda Suzuki และ Kawasaki แต่น่าจะยังอยู่ในการดำเนินการตรวจสอบว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวมากน้อยแค่ไหน