อีกครั้งกับ Honda CR-V 2017 ที่เป็นกระแสอย่างต่อเนื่องมาตลอด โดยส่วนตัวผู้เขียนรู้สึกคุ้นเคยกับรถ Honda CR-V 2017 เป็นอย่างดี เพราะได้มีโอกาสสัมผัสอยู่นาน แถมหลายแง่มุมตั้งแต่พรีวิวก่อนเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคม
- ทดสอบจริง Honda CR-V 2017 เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร พร้อมระบบเกียร์ 9 สปีด ความลงตัวครั้งใหม่ - คลิกอ่านได้ที่นี้
จากวันพรีวิว 2 สัปดาห์ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ก็แถลงข่าว แนะนำ Honda CR-V 2017 ต่อสาธารณะชนอย่างเป็นทางการ ประเด็นหลัก ๆ คือ ราคาจำหน่ายอยู่ในช่วงราคา 1.399 - 1.699 ล้านบาท มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย แบ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร 2 รุ่นย่อย และ เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร อีก 2 รุ่นย่อย ซึ่งเราก็พูดเรื่องดีไซน์ ออปชั่นและฟีเจอร์ แบบอัดแน่นกันไปแล้ว
- Honda CR-V 2017 ใหม่ ราคาเริ่มต้น 1.39 ล้านบาท ไปไกลได้อย่างที่จินตนาการ - คลิกอ่านได้ที่นี่
ครั้งนี้ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ก็ได้เชิญสื่อมวลชนเข้าทดสอบ Honda CR-V 2017 อีกครั้ง เป็นการวิ่งจริงแบบ On Road ที่ได้ลองครบทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตรส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT และเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์ 9 สปีด Shift By Wire บนเส้นทางภูเก็ต-พังงา ระยะทางรวมประมาณ 275 กม. สภาพเส้นทางเป็นเนินสลับเขา เจอการซ่อมผิวทางเป็นระยะ สภาพอากาศเจอฝนตกหนักสลับเบาเรื่อย ๆ
เพื่อความกระชับ เรื่องวิศวกรรมและดีไซน์สามารถย้อนอ่านได้จากลิ้งค์ด้านบน คราวนี้เราขอเจาะไปเรื่องการขับขี่จริงของเครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่น และฟีลลิ่งการขับขี่เต็ม ๆ ครับ
ลองขับ Honda CR-V 2017 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร สำเร็จเรื่องการประหยัด แซงช่วงเร็วโปรดระวัง
ก่อนจะเริ่มบรรยายอะไร มามองสเปคกันอีกที เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ i-DTEC DIESEL TURBO ความจุ 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 160 แรงม้า ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 350 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ผสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด เป็นระบบเกียร์ไฟฟ้าที่ควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วยสวิตช์ (Shift by Wire)
ในการทดสอบจริง ช่วงเริ่มออกตัวสบาย ๆ กดคันเร่งแรงก็มาได้ทันใจดีมาก แต่เมื่อขับออกนอกตัวเมืองถึงช่วงใช้ความเร็ว อยากเร่งแซงช่วงความเร็ว 110 กม./ชม. กดคิกดาวน์เต็มที่ เสียงเครื่องยนต์คำราม มีการลากรอบเกิดขึ้น แต่กระนั้นกว่าจะแซงพ้นคันหน้ามีให้ลุ้นตลอด...
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องมโน เพราะมีจังหวะที่ต้องเร่งแซงอยู่หลายครั้ง อาการที่เรียกว่าอืดปลายค่อนข้างชัด ยืนยันได้อีกครั้งเมื่อผู้เขียนได้สลับไปรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน มีการเร่งแซงในช่วงใช้ความเร็วเกิน 100 กม./ชม. คันหน้าเป็นรุ่นเครื่องดีเซล
ธรรมชาติการขับแซงในถนน 2 เลน เชื่อว่าทุกคนต้องกดให้มิดเพื่อให้แซงได้พ้นเร็วสุด แต่เห็นได้ชัดเลยว่า ระยะของรถเบนซินเร่งจี้เครื่องดีเซลได้ชัดแม้ช่วงแซง....
หากหาคำอธิบายเรื่องนี้ให้ชัด ก็อยากให้ดูตัวเลขการเรียกแรงบิดของเครื่องยนต์ดีเซล ที่ให้แรงบิดสูงสุดตั้งแต่เครื่องยนต์ทำได้ที่ 2,000 รอบต่อนาที ซึ่งในการวิ่งที่ใช้ความเร็ว รอบเครื่องยนต์ก็ได้ประมาณ 2,000 รอบต่อนาทีอยู่แล้ว และต่อให้คุณคิกดาวน์ลงไปอีกเท่าไหร่ ก็คงไม่ได้พุ่งเร็วไปกว่าเดิมมากนัก
เมื่อเร่งไม่ได้แรงขึ้นเท่าไหร่ นี่แหละจะทำให้คุณรู้สึกว่าอืดปลาย... เพราะฉะนั้นการแซงในช่วงความเร็ว ทุกจังหวะโปรดระวัง...
กลับมาต่อเรื่องเกียร์ 9 สปีด Shift by Wire ทำได้ดีมาก เปลี่ยนเกียร์นุ่มนวลเรียบไม่รู้สึกที่รอบต่อช่วงส่งเกียร์แม้แต่น้อย ให้ความรู้สึกสมูทไม่ต่างจากเกียร์ CVT แต่มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ ผู้ทดสอบได้ลองปรับเช็กระดับเกียร์ระหว่างขับดู แม้ความเร็วจะอยู่ 115 กม./ชม แล้วก็ตาม รอบเครื่องก็ยังอยู่ประมาณ 2,000 รอต่อนาที และใช้เกียร์ 7 เท่านั้น
โอ้โห วิ่งขนาดนนี้ยังใช้เกียร์ไม่ถึงระดับ 9 เรื่องนี้เลยเก็บไว้ ถามช่วง Q&A กับวิศวกรผู้พัฒนา Honda CR-V 2017 จากญี่ปุ่นโดยตรง ได้รับคำตอบว่า ตามที่เซ็ตไว้ช่วงความเร็ว 120 กม./ชม. เกียร์ควรอยู่ระดับ 9 แล้ว เพราะสมองกลเกียร์มีการเรียนรู้พฤติกรรมผู้ขับ ในกรณีนี้อาจเห็นว่าเรากำลังจึงเลี้ยงเกียร์ไว้ให้ หากต้องการให้เกียร์ขึ้นไปอีกระดับ ต้องยกคันเร่งบ้างแล้วกดใหม่... หรือไม่ก็ใช้แพดเดิลชิฟต์สั่งการเพิ่มเกียร์เองได้เลย
เอาล่ะ ใครที่หรือจอง CR-V 2017 รุ่นเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร ทราบแล้วเปลี่ยน ทั้งเครื่องยนต์และเกียร์ ต้องการทำความเข้ากันให้ดีสักนิดเพื่อจะรีดประสิทธิภาพออกมาได้สูงสุดครับ
สุดท้ายก็คือความสำเร็จในเรื่องประหยัดน้ำมัน หลังขับมาประมาณ 60 กม. ก่อนสลับคนขับ ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองวิ่งอยู่ที่ 11.5-11.9 กม./ลิตร ทั้งวิ่งฝ่าฝน เร่งแซง รวมถึงขึ้นเนินสลับเขา เป็นตัวเลขที่สวยมากทีเดียว
ลองขับ Honda CR-V 2017 รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร ความแรงที่คุ้นชิน จะเข้าท่ากว่านี้ถ้ามีแพดเดิลชิฟต์
เครื่องยนต์เบนซิน 2.4 ลิตร i-VTEC เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม (Earth Dreams Technology) ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 6,200 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุดที่ 224 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT รองรับพลังงานทางเลือก E85
จากที่อธิบายช่วงเร่งแซงไปในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล ถือว่าชัดมากแล้วโดยไม่ต้องจับเวลาให้วุ่นวาย เร่งช่วงต้นให้สูสี เร่งช่วงปลายแรงเพิ่มเรื่อย ๆ ขับสนุกกว่า เกียร์ CVT ก็ถือว่าคุ้นชินกันหมดแล้ว นิ่งเรียบเงียบ ไม่มีรอยต่อของเกียร์ แต่ใช่ว่าจะดีไปเสียหมด
หลังจากที่ขับมาช่วงระยะหนึ่ง อยากเร่งแซงก็ต้องคิกดาวน์รอรอบเครื่องยนต์เล็กน้อย ก่อนรถจะเริ่มพุ่งขึ้นอย่างเรื่อย ๆ แต่จะดีกว่านี้ถ้ามีระบบแพดเดิลชิฟต์มาให้เรื่องเร่งแซงจะสะดวกกว่านี้ และอาจได้ใช้เอนจิ้นเบรกบ้างบางโอกาส
ส่วนตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของรุ่นเบนซินทำได้ 9.0 กม./ลิตร ก็ไม่ดีเท่ารุ่นเครื่องยนต์ดีเซล แต่ไม่ใช่ตัวเลขที่แย่กับเส้นทางแบบนี้
ฟีลลิ่งการควบคุม Honda CR-V 2017
แน่นอนว่าทั้งสองรุ่นเครื่องยนต์ แตกต่างกันเรื่อง อัตราเร่ง ความแรง แต่ในเรื่องการควบคุมไม่ต่างกัน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แบบ E-DPS เปลี่ยนผ่านการทำงานในการขับเคลื่อนรูปแบบต่าง ๆ ได้อย่างนุ่มนวลทำงานร่วมกับระบบ ทรงตัวขณะเข้าโค้ง (Vehicle Stability Assist – VSA) และ ระบบช่วยควบคุมการบังคับพวงมาลัย (Motion-Adaptive Electric Power Steering - MA - EPS)
แชสซีส์ใช้ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังแบบมัลติลิงค์ที่มีการปรับแต่งเป็นพิเศษด้วยชุดโช้คอัพที่มีแรงเสียดทานต่ำ และเหล็กกันโคลงด้านหน้า-หลัง จะช่วยให้รถยนต์สามารถเข้าโค้งได้ดีมากขึ้น
แขนยึดตัวล่างในระบบกันสะเทือนหน้าจะถูกเชื่อมต่อเข้ากับซับเฟรมและตัวถังผ่านทางบุชยางที่มีการบรรจุของเหลวเอาไว้ข้างใน ซึ่งจะช่วยขจัดเสียงดังรบกวน แรงสั่นสะเทือน และแรงกระชาก (NVH) ที่ส่งมาจากถนน ทำให้ตัวรถสามารถตอบสนองการควบคุมที่แม่นยำและฉับไว
ทั้งหมดทั้งมวลจากข้อมูล โดยในความรู้สึกของผู้ทดสอบ นี่เป็นรถ SUV ที่มีฟีลลิ่งใกล้เคียงกับรถทรงซีดานมาก ๆ พวงมาลัยน้ำหนักกำลังดี วงเลี้ยวเป็นธรรมชาติ ขับได้อย่างมั่นใจแม้ความเร็วสูง อีกทั้งการโยนตัวและอาการเด้งของรถยกสูงมีน้อยมากจริง ๆ
ที่อยากชมที่สุดคือ ระบบเบรก นุ่มนวลและหนึบดีมาก แม้จะไม่ได้ทดสอบออกเป็นตัวเลขให้เห็นแน่ชัด ก็อยากบอกต่อว่าใช้ดีจริงในการขับจริง เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้รถรู้สึกมั่นใจ
สรุปส่วนตัวจากผู้เขียน
- หากมองเรื่องบุคลิกรถ Honda CR-V 2017 เกิดมาเพื่อเป็นรถยนต์ครอบครัว ครั้งนี้เป็น Family Man ที่สุดด้วยการเพิ่มเบาะ 7 ที่นั่งมา ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 1.6 ลิตร แม้ที่กล่าวมาจะดูอืดเล็กน้อย แต่เอาเข้าจริงถือว่ามีความแรงพอใช้แล้ว
- เบาะแถว 2 และแถว 3 ไม่ต้องห่วงเรื่องความร้อน เพราะมีชุดคอยเย็นแอร์แยกต่างหาก แอร์เย็นเร็วเย็นไวด้วย
- เบาะแถวสอง นั่งสบายสุด ๆ เอนได้เลื่อนได้ แถวที่ 3 ลองตอนเปิดตัวนั่งก็อึดอัดแล้ว ลองไปนั่งจริงตอนเดินทางก็ขอยืนยันเหมือนเดิมไม่จำเป็นก็อย่าทรมาณตัวเอง
- หลายคนทักมาเรื่องฟีเจอร์รถอย่าง Honda Sensing ได้รับคำตอบมาในช่วง Q&A ว่ามีการวิจับกลุ่มลูกค้าแต่ละภูมิภาค ส่วนของประเทศไทยให้ความสำคัญเรื่องอเนกประสงค์มากกว่า จึงใส่เบาะ 7 ที่นั่งมาให้และเลือกถอด Honda Sensing ออกเพื่อแข่งขันด้านราคาได้
- การดูแลรักษาเกียร์แตกต่างกันเล็กน้อย โดยเกียร์ 9 สปีดเข้าเช็กถ่ายน้ำมันเกียร์ทุก 60,000 กม. ส่วนเกียร์ CVT ทุก 40,000 กม.
สุดท้ายหากมองเรื่องรูปลักษณ์ดีไซน์ ความอเนกประสงค์ ผนวกเข้ากับการขับขี่ควบคุมที่ดีเยี่ยม Honda CR-V 2017 เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจจริง ๆ สำหรับรถครอบครัว ใครที่อยากซิ่งก็มุ่งไปหารถสปอร์ตน่าจะเข้าท่ากว่าครับ
ขอขอบคุณ ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) ที่เลือกเชิญกระปุกคาร์ และอำนวยความสะดวกตลอดการทดสอบ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ
