เกียร์ S คือเกียร์อะไร ในรถยนต์บางรุ่นทำไมต้องมีเกียร์นี้ และเอาไว้ใช้งานตอนไหน มีความแตกต่างจากเกียร์ตำแหน่งอื่นอย่างไร
ในรถยนต์ เกียร์อัตโนมัติแต่ละรุ่นจะมีตำแหน่งเกียร์หลัก ๆ ที่เหมือนกันใช้เป็นแบบสากลทั่วโลก คือ P จอด (Park), R ถอยหลัง (Reverse), N (Nuetral) ว่าง และ D (Drive) เดินหน้า แต่ในรถยนต์บางรุ่นก็มีตำแหน่งเกียร์ที่ไม่คุ้นให้เห็นอย่างตำแหน่ง S ซึ่งหลายคนอาจงงว่าแล้วเจ้าเกียร์ S คือเกียร์อะไร เอาไว้ใช้ตอนไหน แตกต่างจากเกียร์ตำแหน่งอื่น ๆ อย่างไร หากใครยังไม่ทราบเรามีเฉลย
เกียร์ S คืออะไร เอาไว้ใช้ตอนไหน
เกียร์ S คือ เกียร์เดินหน้าเหมือนตำแหน่งเกียร์ D แต่ S ย่อมาจาก Sport โดยการทำงานนั้นระบบจะสั่งให้แต่ละเกียร์ลากรอบนานกว่าใช้ตำแหน่ง D เพื่อให้เครื่องยนต์มีกำลังมากขึ้น ซึ่งถูกออกแบบมาให้ใช้งานในเส้นทางที่มีโค้งเยอะกว่าปกติ แต่ขณะเดียวกันหากขับในตำแหน่ง S ก็จะทำให้รถมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมากขึ้นด้วยเช่นกัน
เกียร์ S ขึ้นเขาได้ไหม
การใช้เกียร์ S ขึ้นเขา-ลงเขาสามารถทำได้ในกรณีที่ไม่ลาดชันมาก เพราะระบบจะสั่งให้อยู่ในเกียร์ต่ำนานกว่าตำแหน่ง D แต่หากมีความชันมาก ๆ ควรใช้เกียร์ L (Low) หรือในรถยนต์บางรุ่นอาจเป็นตำแหน่งที่มีตัวเลข 1 หรือ 2 จะเหมาะสมกว่า
โดยตำแหน่ง L หรือ Low ซึ่งรถบางรุ่นอาจใช้เลข 1 หมายความว่า จะวิ่งอยู่ในเกียร์ต่ำ (เกียร์ 1) ตลอดเวลา หากลงเขา เกียร์ตำแหน่งนี้ก็จะช่วยหน่วงความเร็วรถ ลดภาระการทำงานของเบรกไม่ให้เบรกไหม้ ซึ่งหากระบบเบรกมีความร้อนสูง การทำงานก็จะล้มเหลว ที่หลายคนเรียกว่าเบรกแตก ส่วนถ้าเป็นตำแหน่ง 2 รถจะวิ่งแค่เพียง 2 อัตราทด คือ เกียร์ 1 กับเกียร์ 2 เท่านั้น ใช้ขึ้นและลงเขาได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความลาดชันของเส้นทาง
นอกจากนี้ในรถบางรุ่นอาจมีตัวอักษรตำแหน่งเกียร์แปลก ๆ ให้เห็น นอกเหนือจาก เกียร์ S หรือ L นั่นก็คือ เกียร์ B มักพบในรถยนต์ไฮบริดบางยี่ห้อ ซึ่ง B หมายถึง Brake ระบบจะช่วยเพิ่มแรงต้านของเครื่องยนต์และชะลอความเร็วโดยอาศัยมอเตอร์ไฟฟ้า เหมาะสำหรับการลงเขาในระยะทางยาว ๆ
แน่นอนว่าตำแหน่งเกียร์แต่ละตำแหน่งในรถยนต์มีประโยชน์และคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน ผู้ขับควรศึกษาวิธีการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษาเกียร์ให้เหมาะสมตามที่ผู้ผลิตแนะนำ ซึ่งจะช่วยให้ขับรถยนต์ได้อย่างปลอดภัยและยืดอายุการใช้งานของเกียร์ได้มากยิ่งขึ้นด้วย
บทความที่เกี่ยวข้องกับเรื่องน่ารู้รถยนต์
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : support.toyota.com และ rxmechanic.com
