ขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมอย่างไร ให้ปลอดภัยทั้งคนและรถ

ขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมอย่างไร ถึงจะปลอดภัยทั้งผู้ขับขี่และตัวรถ พร้อมวิธีตรวจเช็กสภาพรถหลังลุยน้ำมาง่าย ๆ 

ในช่วงที่ฝนตกหนักหรือบางที่ตกกันยาว ๆ แบบข้ามวันข้ามคืน อาจทำให้ถนนในบางพื้นที่เกิดน้ำท่วมขังได้ ซึ่งส่งผลต่อการเดินทางสัญจรเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำเทคนิคง่าย ๆ เมื่อคุณจำเป็นต้องขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พร้อมวิธีตรวจเช็กสภาพรถเพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายในเบื้องต้น 

1. ดูระดับน้ำที่ท่วม อันดับแรกควรสังเกตระดับน้ำที่ท่วมอยู่ โดยน้ำจะต้องไม่สูงเกิน 1 ฟุต จากพื้นถนน เพราะจะสุ่มเสี่ยงทำให้น้ำท่วมถึงคาบูเรเตอร์ หรือช่องอัดอากาศ เป็นเหตุทำให้เครื่องยนต์ดับได้ 

2. สังเกตบริเวณพื้นถนน ในส่วนที่เป็นหลุม บ่อ ท่อ ลูกระนาด หรือขอบทางเท้า เนื่องจากเมื่อน้ำท่วมขัง จะมีความขุ่นมัวจนไม่สามารถมองเห็นพื้นผิวจราจรได้ โดยให้ดูจากสัญลักษณ์เตือน ที่คนในพื้นที่อาจทำมาร์กเอาไว้ เช่น ขวดที่สวมปลายไม้ แท่งไม้พร้อมธงสามเหลี่ยม เป็นต้น

3. ขับด้วยความเร็วช้า อีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยขับขี่ให้ปลอดภัยในช่วงน้ำท่วมก็คือ การขับด้วยความเร็วที่ช้า ซึ่งนอกจากจะช่วยประคองให้รถทรงตัวตลอดเวลาแล้ว ยังช่วยให้ผู้ใช้มอเตอร์ไซค์ สามารถมองเห็นจุดที่ผิดปกติ ประคองรถไม่ให้สะดุดหลุมบ่อหรือเศษขยะใต้น้ำ หรือเห็นสัญญาณเตือนได้ทันท่วงที อีกทั้งยังป้องกันไม่ให้น้ำสาดกระเซ็นด้านข้างอย่างรุนแรงจนสร้างความรำคาญแก่ผู้ที่อยู่โดยรอบ

4. ไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะดับ เมื่อตอนที่เราลุยน้ำอยู่นั้น ไม่ต้องกลัวเรื่องที่น้ำจะไหลเข้าท่อไอเสียแล้วจะทำให้เครื่องยนต์ดับ เพราะถ้าเครื่องยนต์ยังติดอยู่ รถคุณก็จะมีแรงดันจากท่อไอเสียมาดันน้ำออกอยู่เสมอ เครื่องยนต์จะไม่ดับอย่างแน่นอน

5. เบรกเป็นระยะอย่างสม่ำเสมอ เนื่องด้วยผ้าเบรกสามารถดูดซับน้ำได้ หากขับขี่ตากฝนต่อเนื่อง หรือลุยน้ำ การพยายามเบรกอย่างสม่ำเสมอ เพื่อไล่น้ำจากผ้าเบรก จะช่วยให้ประสิทธิภาพในการเบรกทำได้อย่างเต็มที่

6. เครื่องยนต์ดับอย่าสตาร์ต เมื่อขี่รถมอเตอร์ไซค์ลุยน้ำอยู่เกิดอาการเครื่องยนต์ดับ อย่าเพิ่งสตาร์ตรถเด็ดขาด แต่ให้นำรถไปยังพื้นที่แห้ง หรือไม่มีน้ำท่วมขัง พร้อมตรวจสอบดูว่าในท่อไอเสียมีน้ำอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้หาทางระบายน้ำออกโดยเร็ว เมื่อน้ำออกจากท่อไอเสียหมดแล้ว ให้ลองสตาร์ตเครื่อง จากนั้นเร่งเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที เพื่อให้เครื่องยนต์ร้อนและพร้อมทำงาน หลังจากนั้นจึงสามารถขับต่อไปได้

7. อย่าเพิ่งดับเครื่องยนต์เมื่อถึงที่หมาย ให้คุณติดเครื่องยนต์ทิ้งไว้อย่าเพิ่งดับเครื่อง เพื่อที่จะให้ความร้อนของเครื่องยนต์ และความร้อนในท่อไอเสีย ระเหยละอองน้ำหรือไอน้ำ ไล่ออกตามแรงอัดของไอเสีย ซึ่งการไล่น้ำออกจากระบบ จะช่วยลดการเกิดสนิมในท่อไอเสีย และช่วยรักษาเครื่องยนต์ได้เป็นอย่างดี

8. ควรมีสมาธิในการขับขี่ ข้อนี้มีความสำคัญมาก ควรมีสมาธิในการขับขี่บนสภาพถนนที่น้ำท่วม เพื่อเตรียมพร้อมกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา 

หลังจากที่ขับขี่ลุยน้ำมา ควรตรวจเช็กสภาพรถโดยทันที เพราะหากไม่มีการตรวจสอบ และปล่อยทิ้งไว้นาน อาจนำมาสู่ความเสียหายที่หนักตามมาได้ ดังนี้

• ตรวจเช็กกรองอากาศ ควรถอดหม้อกรองอากาศออกเพื่อทำความสะอาด เพราะอาจจะมีน้ำหลงเหลืออยู่ในหม้อกรองอากาศ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ได้

• ตรวจเช็กหัวเทียน เมื่อเราขับขี่ลุยน้ำมา ควรถอดหัวเทียนออกแล้วนำมาทำความสะอาด โดยการไล่ความชื้น พร้อมกับตรวจดูที่ปลั๊กหัวเทียนว่ามีน้ำขังหรือติดค้างอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้เป่าและเช็ดให้แห้ง 

• ตรวจเช็กน้ำมันเครื่อง ถ้าเป็นไปได้ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทันที เพราะอาจมีน้ำหลงเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ วิธีการสังเกตว่าน้ำเข้าเครื่องหรือไม่ให้ไปดูที่ช่องระดับหรือเปิดฝาจุกเติมน้ำมันเครื่องว่ามีสีขาวขุ่นหรือไม่ หากปล่อยทิ้งไว้ จะเป็นสนิมและสะสมความชื้นต่าง ๆ ในระบบ จนทำให้เกิดความเสียหายต่อชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ภายหลังถึงขั้นต้องล้างเครื่องใหม่เลยทีเดียว

• ตรวจเช็กชุดไฟหน้า/ไฟท้าย ถ้าหากมีน้ำหลุดเข้าโคมไฟหน้าหรือไฟท้าย รวมถึงไฟเลี้ยว ให้แกะกรอบชุดไฟดังกล่าวออกเพิ่อให้น้ำไหลออกมาให้หมด แล้วเช็ดที่ครอบไฟ แต่อย่าเอามือไปโดนผิวหลอดไฟ เพราะไขมันบนมือเราอาจทำให้หลอดไฟขาดได้

• ตรวจดูโซ่ หลังจากลุยน้ำมาตัวโซ่จะเกิดการแห้ง เพราะสารหล่อลื่นเคลือบโซ่อาจจะหลุดหรือเหลือน้อย ควรรีบนำน้ำมันมาหยอดใส่เพื่อเป็นการถนอมโซ่ให้มีอายุใช้งานที่ยาวนาน

• ตรวจเช็กระบบเบรก เมื่อขับลุยน้ำมาแล้วให้คุณหาเส้นทางที่แห้งเพื่อขับต่อสักระยะ แล้วทำการเบรกบ่อย ๆ เป็นระยะ ๆ หลาย ๆ ครั้ง เพื่อเป็นการไล่น้ำให้ออกไปจากหน้าสัมผัสให้หมด แต่ทางที่ดีควรถอดผ้าเบรกออกมาทำความสะอาด ไล่น้ำ โดยใช้ลมเป่า ซึ่งจะเป็นวิธีการไล่น้ำที่ดีที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้เบรกไม่อยู่ หรือเวลาเบรกรถจะเกิดเสียดังที่น่ารำคาญอีกด้วย

• ตรวจดูถังน้ำมันเชื้อเพลิง ในกรณีที่ลุยน้ำในระดับสูงมาก ๆ เกินระดับถังน้ำมัน อาจทำให้มีน้ำหลุดเข้าไปในถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้ วิธีสังเกตคือเมื่อสตาร์ตรถ จะมีอาการสะดุดและดับ ถ้าเกิดอาการเช่นนี้ไม่ควรจะนำรถไปใช้งาน ให้รีบส่งร้านซ่อมตรวจเช็ก หากฝืนขับจะทำให้เครื่องยนต์พังได้

การขับขี่มอเตอร์ไซค์ลุยน้ำท่วม ผู้ขับขี่จะต้องมีสติและทักษะที่ควรรู้ก่อนที่จะลุย และที่สำคัญที่สุดถึงแม้ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร ฝนตกถนนเปียกหรือสภาพปกติ ก็ควรขับขี่อย่างไม่ประมาท มีสมาธิ รวมถึงเมาไม่ขับ เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา 

ขอบคุณข้อมูลจาก : topgear.com, bikesrepublic.com, motodeal.com