ขอขอบคุณภาพประกอบจาก altairenlighten
หลังจากที่รถกระบะยอดขายอันดับหนึ่งของโลกอย่างฟอร์ด เอฟ-150 รุ่นปี 2015 (Ford F-150) ได้เผยโฉมสู่สายตาประชาชน พร้อมกับโชว์ตัวถังอะลูมิเนียมที่ฟอร์ด (Ford) บอกว่าจะช่วยทำให้รถมีสมรรถนะที่ดียิ่งขึ้น จึงคาดว่าในอนาคตจะต้องมีรถยนต์ตัวถังอะลูมิเนียมเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน แต่แนวคิดการใช้อะลูมิเนียมในวงการยานยนต์มีจุดเริ่มต้นอย่างไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง กระปุกคาร์ก็ขอนำเรื่องราวของอะลูมิเนียม ยอดวัสดุมาแรงแห่งวงการยานยนต์มาฝากคนรักรถกันครับ
อะลูมิเนียม เป็นโลหะชนิดหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบากว่าเหล็กกล้า โดยแนวคิดการใช้อะลูมิเนียมในรถยนต์ปรากฏให้เห็นครั้งแรกในตัวถังของรถสปอร์ตต้นแบบรุ่นหนึ่งที่เปิดตัวในปี 1899 และต่อมา คาร์ล เบนซ์ ผู้พัฒนารถยนต์ชื่อดังก็ได้เริ่มนำอะลูมิเนียมมาใช้ในส่วนเครื่องยนต์ตั้งแต่ปี1901 แถมยังค้นพบว่าเจ้าโลหะน้ำหนักเบาชนิดนี้ ช่วยให้การบังคับรถทำได้ง่ายขึ้น แต่ด้วยเครื่องมือที่ยังไม่พัฒนามากนักประกอบกับราคาอะลูมิเนียมสูงมาก จึงทำให้ยังไม่มีรถยนต์ผลิตเชิงพาณิชย์รุ่นใดได้ใช้อะลูมิเนียมเลย
จนกระทั่งสิ้นสุดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการค้นพบแหล่งอะลูมิเนียมซึ่งทำให้มีราคาถูกลง ผู้ผลิตรถยนต์จากอังกฤษอย่างแลนด์ โรเวอร์ (Land Rover) จึงได้เริ่มทำการศึกษาอย่างจริงจัง และได้สร้างเครื่องยนต์ V8 รุ่นใหม่ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมทั้งหมด โดยมีน้ำหนักเพียง 144 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งเครื่องยนต์ดังกล่าวได้ติดตั้งอยู่ในบิวอิค 215 (Buick 215) เป็นรุ่นแรกที่เปิดตัวในปี 1961 จากนั้นจึงค่อย ๆ ขยายความนิยมไปสู่วงการมอเตอร์สปอร์ต และกลายเป็นเครื่องยนต์ระดับตำนานของวงการยานยนต์
เมื่อเข้าสู่ยุควิกฤตการณ์น้ำมันในปี 1973 ผู้ผลิตรถยนต์จึงตระหนักว่าพวกเขาควรสร้างรถยนต์ประหยัดพลังงานด้วยการลดน้ำหนักลง โดยมีการค้นพบว่า หากน้ำหนักของรถยนต์ลดลง 100 กิโลกรัม จะสามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 700 ลิตร ตลอดอายุการใช้งานเลยทีเดียว ผู้ผลิตรถยนต์จึงนำอะลูมิเนียมเข้าไปอยู่ในส่วนต่าง ๆ ของรถยนต์มากขึ้นตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าจะเป็นออดี้ (Audi) ที่พัฒนาโครงสร้างอะลูมิเนียมซึ่งลดน้ำหนักจากเดิมถึง 239 กิโลกรัมในช่วงปี 1990 , จากัวร์ (Jaguar) ซึ่งใช้ตัวถังอะลูมิเนียมแบบโมโนคอก เป็นครั้งแรกกับรถสปอร์ตคูเป้ จากัวร์ เอ็กซ์เค (Jaguar XK) รุ่นปี 2007 และปัจจุบันก็มี ฮอนด้า เอ็นเอสเอ็กซ์ (Honda NSX) รถสปอร์ตต้นแบบตัวแรงของค่ายที่ใช้อะลูมิเนียมเกือบทั้งคัน
ทุกวันนี้ อะลูมิเนียมเป็นวัสดุที่ใช้มากเป็นอันดับ 2 ในการผลิตรถยนต์หนึ่งคัน อยู่ในรูปของระบบกันสะเทือน, แชสซี, กระบอกสูบ และส่วนประกอบอื่น ๆ อีกมากมาย โดยอะลูมิเนียมน้ำหนัก 1 กิโลกรัม สามารถเข้าทดแทนชิ้นส่วนเหล็กแบบเดียวกันที่หนัก 2 กิโลกรัมได้ ทั้งยังมีการคำนวณว่า ถ้าหากมีรถยนต์น้ำหนักเบาสัก 65 ล้านคัน จะสามารถลดปริมาณไอเสียได้ถึง 140 ล้านตัน และลดการใช้น้ำมันได้ถึง 60,000 ล้านลิตร ต่ออายุการใช้งานของรถ เมื่อเทียบกับการใช้เหล็กกล้าแบบเดิม
ไม่น่าเชื่อว่า แนวคิดการใช้อะลูมิเนียมในวงการยานยนต์จะมีมานานนับร้อยปีแล้ว แถมยังมีส่วนช่วยประหยัดน้ำมันได้มากมายอีกด้วย แต่กว่าจะสำเร็จออกมาได้ก็ต้องใช้การคิดค้นและพัฒนาอย่างยาวนานทีเดียว ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าทิศทางการใช้อะลูมิเนียมจะเป็นอย่างไรต่อไป และจะทำให้คนรักรถตื่นเต้นได้มากน้อยแค่ไหนครับ...
