ขอขอบคุณภาพประกอบจาก bankrate เเละ hgeiconow
รถยนต์เป็นสิ่งของที่สามารถตรวจสอบได้ ตั่งแต่เลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ที่ระบุจำเพาะมาตั่งแต่ขั้นตอนการผลิต และเมื่อได้ทำการซื้อขายก็จะมีการจดเบียนชื่อเจ้าของลงไปเล่มรถยนต์อีกด้วย
ถึงจะการตรวจสอบได้ดีแค่ไหน แต่ด้วยมูลค่าที่สูงรถยนต์ก็เป็นเป้าหมายการโจรกรรมอยู่บ่อยครั้ง และสิ่งหนึ่งที่น่าแปลกใจกับสถิติรถหาย 10 ปีล่าสุด (ค.ศ. 2002-2012) คือ "รถเก่าหายมากว่ารถใหม่" ซึ่งข้อมูลนี้ได้รับการเปิดเผยจาก สำนักประกันอาชญากรรมแห่งชาติสหรัฐฯ (National Insurance Crime Bureau / NICB)
โดยรายชื่อรุ่น และปีผลิตที่หายมีดังนี้
จำนวนรถที่หาย : 58,596
หายมากในรถรุ่นปี : 1990-1997
จำนวนรถที่หาย : 47,037
หายมากในรถรุ่นปี : 1990-2000
จำนวนรถที่หาย : 26,770
หายมากในรถรุ่นปี : 1997, 1999, 2000-2008
ชื่อรุ่น: กระบะเชฟโรเรต (Chevrolet full-size pickup)
จำนวนรถที่หาย : 23,745
หายมากในรถรุ่นปี : 1992-1997, 1999-2001, 2003- 2004, 2007
จำนวนรถที่หาย : 16,251
หายมากในรถรุ่นปี : 1989-1991
จำนวนรถที่หาย : 11,799
หายมากในรถรุ่นปี : 1997-2003
ชื่อรุ่น: กระบะดอร์จ (Dodge full-size pickup)
จำนวนรถที่หาย : 11,755
หายมากในรถรุ่นปี : 2001-2005
ชื่อรุ่น: อคูล่า อินเทกร่า (Acura Integra)
จำนวนรถที่หาย : 9,555
หายมากในรถรุ่นปี : 1994-1996
ชื่อรุ่น: นิสสัน อัลติม่า หรือ นิสสัน อัลเมร่า ในประเทศไทย (Nissan Altima)
จำนวนรถที่หาย : 9,169
หายมากในรถรุ่นปี : 1997
ชื่อรุ่น: นิสสัน เม็กซิม่า (Nissan Maxima)
จำนวนรถที่หาย : 6,947
หายมากในรถรุ่นปี : 1996
จากสถิตินี้ มีการสันนิษฐานว่ารถยนต์รุ่นใหม่มีเทคโนโลยีชั้นยอดอย่าง GPS ที่บอกพิกัดรถล่าสุด หรือแม้ระบบป้องกันการโจรกรรมที่จะแจ้งเตือนไปยังเจ้าของได้ ทำให้เหล่าหัวขโมยทั้งเลือกรถเก่าเพื่อไปชำแหละขายเป็นอะไหล่ ยากต่อการตรวจสอบที่มากกว่า
รู้เทรนด์การขโมยรถแบบนี้เจ้าของรถยนต์รุ่นเก่า ๆ คงต้องมาเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ที่ว่า "รถเก่าไม่ใครขโมยหรอก" ได้แล้วนะครับ เดี๋ยวจะหาว่ามิเตือน...