เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog
ค่ายรถยนต์สุดหรูจากเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี อย่างบีเอ็มดับเบิลยู ถือเป็นหนึ่งในผู้นำวงการยานยนต์ที่สร้างนวัตกรรมต่าง ๆ ออกมาให้โลกได้ตื่นตามาแล้วมากมาย และครั้งนี้บีเอ็มดับเบิลยูก็ได้นำเสนอรถยนต์เทคโนโลยีล่าสุดอีกครั้ง โดยเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่หลายคนรอคอยอย่างบีเอ็มดับเบิลยู ไอ3 (BMW i3) นั่นเอง
บีเอ็มดับเบิลยู ไอ3 ได้ทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 กรกฎาคม 2013 ที่รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐฯ ถือเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าคันแรกของบีเอ็มดับเบิลยูที่ทำการจำหน่ายจริง โดยผสานการออกแบบแนวใหม่ที่สุดล้ำสมัย การขับขี่ระดับสุดยอด ความปลอดภัยเต็มขั้น และการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้าด้วยกัน
รถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นล่าสุดนี้เป็นรถแฮตช์แบ็ก 3 ประตูที่ดีไซน์ใหม่หมดจดทั้งคัน และถือเป็นรถยนต์ผลิตจำนวนมากคันแรกที่ใช้โครงสร้างห้องโดยสารชิ้นเดียวแบบ Monocoque ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับรถระดับซูเปอร์คาร์ ให้ความแข็งแรงทนทานเป็นพิเศษพร้อมความปลอดภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร ส่วนวัสดุที่เลือกใช้ก็เป็นของสุดล้ำอย่างพลาสติกคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งแข็งแกร่งกว่าเหล็กและมีน้ำหนักเบากว่าอะลูมิเนียมถึง 30 เปอร์เซ็นต์ ทำให้รถมีน้ำหนักรวมทั้งหมดเพียง 1,224 กิโลกรัม ด้วยน้ำหนักเท่านี้ เพียงพอให้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ติดตั้งสามารถขับเคลื่อนรถได้อย่างสบาย
นอกจากโครงสร้างรถด้านบนสุดล้ำแล้ว โครงสร้างช่วงล่างหรือแชสซีของรถยังใช้อะลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งรองรับระบบขับเคลื่อนที่ประกอบด้วย แบตเตอรี่ Li-ion กำลัง 22 กิโลวัตต์ น้ำหนัก 200 กิโลกรัม ตั้งอยู่ในตำแหน่งตรงกลางเพื่อให้เกิดสมดุลในการขับขี่ที่สุด แบตเตอรี่จะจ่ายพลังงานไฟฟ้าไปยังมอเตอร์ไฟฟ้ากำลัง 170 แรงม้าที่ติดตั้งอยู่กับล้อหลัง ทำให้รถพลังไฟฟ้ารุ่นนี้เป็นรถขับเคลื่อนล้อหลัง ตามสไตล์บีเอ็มดับเบิลยู ร่วมกับเกียร์สปีดเดี่ยวซึ่งมีอัตราเร่งยอดเยี่ยม โดยสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 7 วินาที สามารถเร่งความเร็วสูงสุดได้ 150 กม./ชม. มีโหมดการขับขี่ให้เลือก 3 แบบ ได้แก่ คอมฟอร์ต (Comfort), อีโค โปร (ECO PRO) และอีโค โปร พลัส (ECO PRO+)
แบตเตอรี่ของบีเอ็มดับเบิลยู ไอ3 สามารถพารถวิ่งได้ไกล 160 กิโลเมตร ใช้เวลาชาร์จแบตเตอรี่เพียง 3 ชั่วโมง สำหรับการชาร์จแบบปกติ และใช้เวลาเพียง 30 นาทีต่อการชาร์จแบบด่วนครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีรุ่นพิเศษที่ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 650 ซีซี ให้กำลัง 34 แรงม้าสำหรับสร้างพลังงานไฟฟ้าโดยเฉพาะ ไม่เกี่ยวข้องกับการขับเคลื่อนแต่อย่างใด ซึ่งรุ่นเพิ่มระยะทางนี้จะขับเคลื่อนรถไปได้ไกลถึง 300 กิโลเมตรต่อการชาร์จครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
การออกแบบภายในเองก็ใช้วัสดุระดับมาตรฐานแบบเดียวกับบีเอ็มดับเบิลยูรุ่นอื่น ๆ ซึ่งถือว่าเป็นวัสดุเกรดค่อนข้างสูงทีเดียว เริ่มด้วยแผงหน้ารถลายไม้พร้อมจอแสดงผลกลางรถ และจอแสดงประสิทธิภาพรถซึ่งมาแทนที่มาตรวัดความเร็วทั่วไป พวกมาลัยแบบ 2 ก้านสีขาวสวยงามพร้อมปุ่มควบคุมการทำงาน การจัดวางห้องโดยสารทำได้อย่างดีเยี่ยม โดยเน้นที่ความกว้างขวางสบายซึ่งทำได้ใกล้เคียงกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 (BMW 3 Series) แต่ขนาดรถนั้นใกล้เคียงกับบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 1 (BMW 1 Series) เท่านั้น
ไม่เพียงแต่ตัวรถเท่านั้นที่ล้ำสมัยเหนือใคร อุปกรณ์เสริมที่บีเอ็มดับเบิลยูคิดค้นใช้งานร่วมกับรถเองก็ดีเยี่ยมไม่แพ้กัน เริ่มด้วย บีเอ็มดับเบิลยู คอนเนคไดรฟ์ (BMW ConnectedDrive) เป็นแอปฯ ใช้งานร่วมกับสมาร์ทโฟน โดยสามารถแสดงผลการทำงานต่าง ๆ ของรถยนต์ ให้ข้อมูลจราจร ตรวจเช็กตารางการเข้าซ่อมบำรุง หรือแม้กระทั่งเรียกบริการช่วยเหลือฉุกเฉินก็สามารถทำได้ และยังมี 360 อิเล็กทริก (360 Electric) แท่นชาร์จไฟฟ้าซึ่งออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับรถยนต์รุ่นนี้ รวมทั้งยังใช้งานร่วมกับแอปฯ บีเอ็มดับเบิลยู คอนเนคไดรฟ์ เพื่อดูระดับพลังงานไฟฟ้า หาตำแหน่งของรถ สั่งเปิดเครื่องปรับอากาศ ล็อกและปลดล็อกประตู หรือแม้กระทั่งบีบแตรหรือกะพริบไฟหน้าก็ยังได้
บีเอ็มดับเบิลยู ไอ 3 ได้เปิดเผยราคาแล้ว โดยมีราคาเริ่มต้น 41,350 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1.29 ล้านบาท) และมีรุ่นย่อยทั้งหมด 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นเมก้า (Mega), รุ่นกีก้า (Giga) และรุ่นสูงอย่าง เทร่า (Tera) แต่กว่าจะพร้อมจำหน่ายจริงก็ต้องรอถึงช่วงเดือนไตรมาสที่ 2 ของปี 2014 เลยครับ
