เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoblog.com
ระบบเฮดอัพ ดิสเพลย์ หรือชื่อย่อว่า HUD ถือเป็นระบบแสดงผลสำหรับอากาศยานระดับเครื่องบินเจ็ท แต่เชื่อหรือไม่ว่า เจนเนอรัล มอเตอร์ส ได้นำระบบนี้มาใช้กับรถยนต์ตั้งแต่ปี 1988 แล้ว แต่ถึงแม้จะบุกเบิกมานานนับทศวรรษ แต่ในปี 2012 ก็มีรถยนต์เพียง 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีระบบนี้ แต่คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9 เปอร์เซ็นต์ในปี 2020 จากแนวโน้มที่หลายค่ายเตรียมใช้เทคโนโลยีนี้ในรถของตน
HUD ในรถยนต์จะอาศัยเครื่องฉายภาพสะท้อนลงบนกระจกหน้ารถในตำแหน่งใกล้สายตา ซึ่งแสดงข้อมูลอย่างความเร็ว รอบเครื่อง อุณหภูมิรถ ข้อมูลระบบนำทาง และคำเตือนต่าง ๆ ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องละสายตาจากถนนทำให้มีสมาธิมากขึ้น ลดการเกิดอุบัติเหตุได้
ในปัจจุบัน บริษัทรถยนต์จำนวนมากมีระบบ HUD ให้แล้ว เช่น เมอร์เซเดส เบนซ์ (Mercedes Benz), บีเอ็มดับเบิลยู (BMW) และออดี้ (Audi) รวมถึง โตโยต้า พรีอุส (Toyota Prius) ซึ่งรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยก็ติดตั้งระบบ HUD ด้วยเช่นกัน ซึ่งในอนาคตมีแนวโน้มที่หลายค่ายจะติดตั้งระบบนี้เพิ่มเติมในรถรุ่นที่ราคาย่อมเยา รวมถึงติดตั้งระบบ HUD สำหรับหมวกกันน็อกของมอเตอร์ไซค์ด้วย
แต่อย่างไรก็ตามระบบ HUD ยังมีข้อจำกัดเมื่อผู้ขับขี่จำเป็นต้องใช้แว่นกันแดด ซึ่งทำให้มองภาพจาก HUD ได้ไม่ชัด และราคาที่สูงกว่าระบบหน้าจอระดับสูงในรถถึง 1,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 30,000 บาท) ทำให้ระบบ HUD เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมให้กับรถเท่านั้น จึงไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี 
