x close

ฮอนด้า หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถอันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2558



ขอขอบคุณภาพประกอบจาก honda.com
 
        ฮอนด้า ลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้น ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี ด้วยเม็ดเงินมูลค่า 17,150 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในเดือนกรกฎาคมนี้ ขณะที่โรงงานเดิมซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยา จะมีการลงทุนเพิ่มเพื่อขยายกำลังการผลิต จากเดิม 240,000 คันต่อปี เป็น 280,000 คันต่อปี ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในแผนการผลักดันให้ประเทศไทยขึ้นแท่นฐานการผลิตอันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2558







        เมื่อวานนี้ (11 กุมภาพันธ์) นายฮิโรชิ โคบายาชิ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัท เอเชี่ยนฮอนด้า มอเตอร์ จำกัด และประธานบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทได้ตัดสินใจลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ขึ้นในประเทศไทย ด้วยเม็ดเงินมูลค่า 17,150 ล้านบาท ที่นิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี โดยโรงงานแห่งใหม่จะมีกำลังผลิตในเบื้องต้นที่ 120,000 คันต่อปี และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดไลน์ผลิตได้ราวเดือนเมษายน 2558 สำหรับโรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งอยู่บนที่พื้นขนาด 1,600 ไร่ โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงาน 134 ไร่ และจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีก 2,500 คน
 
         ขณะที่โรงงานเดิมซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ จ.พระนครศรีอยุธยานั้น บริษัทได้มีการลงทุนเพื่อขยายกำลังการผลิต จากเดิม 240,000 คันต่อปี เป็น 280,000 คันต่อปี และให้สามารถผลิตรถยนต์รุ่นต่าง ๆ ได้ ทั้งคอมแพ็กต์คาร์ อีโคคาร์ รวมทั้งรุ่นอื่น ๆ โดยได้ลงทุนไป 880 ล้านบาท และในแผนงานระยะกลาง บริษัทได้เตรียมลงทุนเพิ่มเติมอีก 2,030 ล้านบาท เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตในส่วนของโรงงานแห่งนี้เป็น 300,000 คัน ในปี 2557และจากการลงทุนทั้ง 2 โรงงาน คิดเป็นมูลค่า 20,060 ล้านบาท
 
        ซึ่งแผนงานในครั้งนี้จะทำให้ฮอนด้ามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 420,000 คัน ภายในปี 2558 และส่งผลให้ฮอนด้าประเทศไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ที่มีปริมาณการผลิตมากเป็นอันดับ 4 ของฐานการผลิตฮอนด้าทั่วโลก ได้แก่ อเมริกา, ญี่ปุ่น, จีน และไทย แซงหน้าแคนาดาขึ้นมาอยู่ในอันดับ 4 โดยสัดส่วนการผลิตจากทั้ง 2 โรงงานแบ่งเป็นการผลิตเพื่อรองรับความต้องการในประเทศ 70% และการผลิตเพื่อส่งออก 30%
 
       สำหรับโรงงานแห่งใหม่ที่นิคมโรจนะ จ.ปราจีนบุรี เป็นการลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตรถยนต์นั่ง คอมแพ็กต์  เป็นหลัก เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางและความต้องการของตลาดโลก และแม้ว่าขณะนี้บริษัทยังไม่มีแผนนำรถยนต์ในกลุ่มรถเครื่องขนาด 600-1,000 ซีซี หรือ เค-คาร์ เข้ามาจำหน่าย แต่จากทิศทางความต้องการของตลาดโลก รวมทั้งในประเทศไทยเอง อนาคตก็มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง ที่ฮอนด้าอาจจะนำรถเค-คาร์เข้ามานำเสนอ







        ซึ่งฮอนด้าตั้งเป้าในการส่งต่อความสุขให้กับลูกค้าทั่วโลก 39 ล้านคน แบ่งเป็นจักรยานยนต์ 25 ล้านคน เครื่องยนต์อเนกประสงค์ 8 ล้านเครื่อง รถยนต์ 6 ล้านคัน เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุด ด้วยความรวดเร็ว ในราคาที่ย่อมเยา และมีการปล่อยค่าคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ และฮอนด้ายังยืนยันว่าพร้อมเติบโตเคียงข้างไปกับสังคมไทย
 
        ด้านนายพิทักษ์ พฤธิสาริกร รองประธานอาวุโส บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงยอดการจำหน่ายของฮอนด้าในปีที่ผ่านมามียอดขายทั้งสิ้น 171,000 คัน ส่วนปีนี้คาดว่าจะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 200,000 คัน และมียอดค้างส่งมอบลูกค้าสูงถึง 100,000 คัน ซึ่งคาดว่าจะทยอยส่งมอบรถยนต์ที่ค้างส่งให้กับลูกค้าได้ภายในระยะเวลา 6 เดือน
 
        ส่วนผลจากโครงการรถยนต์คันแรกในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พบว่า มียอดการซื้อรถยนต์จากกลุ่มลูกค้าหายไปถึง 50% จากยอดจองปกติ ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่สอดคล้องกับที่บริษัทได้ประเมินไว้ ส่วนการทำตลาดของฮอนด้าจากนี้ไปก็จะมีการทยอยส่งรถยนต์รุ่นใหม่ไมเนอร์เชนจ์ ที่มีการปรับรูปโฉมบางส่วน และเพิ่มออฟชั่นจากรถรุ่นเดิม ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีความถี่ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาด้วย

คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อน ๆ ได้ที่นี

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฮอนด้า หนุนไทยเป็นฐานผลิตรถอันดับ 4 ของโลก ภายในปี 2558 อัปเดตล่าสุด 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 17:06:15 1,536 อ่าน
TOP