เปิด 5 เหตุผล ว่าทำไมคนเป็นแฟนกันถึงไม่ควรให้แฟนสอนขับรถ ทั้งที่สอนเองก็ได้ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ความจริงแล้วอาจไม่ได้จบอย่างสวยงามเช่นนั้นเสมอไป
การสอนขับรถว่ายากแล้ว แต่การสอนแฟนขับรถนั้นยากกว่า หลายคนน่าจะคงเคยได้ยินประโยคคลาสสิกที่ว่า เป็นแฟนกันห้ามสอนกันขับรถยนต์เด็ดขาด ซึ่งคำกล่าวนี้ไม่เกินจริง แม้คำเตือนนี้อาจใช้ไม่ได้กับทุกคู่ ทุกคน และยังช่วยประหยัดค่าโรงเรียนสอนขับรถและรู้สึกปลอดภัยกว่าที่จะต้องนั่งรถไปกับคนที่ไม่รู้จักด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นใครที่คิดจะเรียนขับรถกับแฟน มีโมเมนต์ดี ๆ ร่วมกัน อาจเปลี่ยนสถานะเป็นผู้ประสบภัยได้เช่นกัน และนี่คือเหตุผลที่ต้องระวังว่าทำไมถึงไม่ควรสอนแฟนขับรถ เผื่อจะเปลี่ยนใจตอนนี้ยังทัน
1. อารมณ์
การสอนขับรถไม่ว่าจะแฟนหรือใครก็ตามเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนสูง ขึ้นอยู่กับทักษะของผู้หัดขับ ดังนั้น ด้วยความเป็นแฟนกันอาจทำให้เกิดความหงุดหงิดง่ายทั้งสองฝ่าย เสี่ยงต่อการทะเลาะ มีปากเสียงได้ง่าย
2. ความปลอดภัย
ขับรถเป็นต้องสอนขับรถได้อาจไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องเสมอไป เพราะต้องแยกทักษะในการขับรถออกจากทักษะในการสอนขับรถ หมายความว่าต่อให้แฟนเรามีประสบการณ์ อาจไม่ใช่ผู้ฝึกสอนที่ดี หรืออาจถ่ายทอดพฤติกรรมการขับรถแบบผิด ๆ ไปยังผู้เรียนได้ด้วยเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้หากไม่ใช่ผู้ที่ฝึกสอนขับรถโดยอาชีพ การช่วยเหลือแก้ไขเมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องคำนึงถึง เพราะจะส่งผลต่อความปลอดภัยทั้งคนสอน คนเรียน และผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่น ๆ
3. ความกดดัน
บางคู่อาจรู้สึกว่ามีความกดดัน กลัวผิดพลาด กลัวโดนว่า มากกว่าให้คนอื่นสอนขับรถ ซึ่งมีโอกาสย้อนไปข้อแรกคือเรื่องของอารมณ์ และไปจบด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง
4. ไม่ฟังคำแนะนำ
ในทางตรงกันข้าม อาจไม่เชื่อฟัง ปล่อยจอย ไม่มีสมาธิ หรือไม่จริงจังกับการขับรถมากพอ เพราะเป็นแฟนกัน อาจทำให้รู้สึกว่าจะขับอย่างไรก็ได้
5. อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าโรงเรียนสอนขับรถ
แน่นอนว่าการสอนแฟนขับรถ หรือให้แฟนสอนขับรถ ต้องใช้รถส่วนตัวในการหัดขับ หากเกิดอุบัติเหตุ เจ้าของรถก็ต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ต่อให้มีประกันภัยชั้น 1 หากคนขับไม่มีใบขับขี่ประกันก็ไม่คุ้มครองรถผู้เอาประกัน ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอาจสูงกว่าการใช้บริการโรงเรียนสอนขับรถ
คนที่ไม่ใช่แฟนอาจสอนขับรถแทนได้ดีกว่า หากไม่แน่ใจว่าจะไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ ควรเลี่ยงการให้แฟนสอนขับรถ และให้คนอื่นที่มีทักษะการสอนขับมาทำแทนจะดีกว่า
