Nissan ทิ้งบอมบ์รถยนต์ไฟฟ้า เปิดตัว Nissan Sylphy Zero Emission ในราคาติดดิน

Nissan ทิ้งบอมบ์ตลาดรถ EV ในจีน เปิดตัว Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใหม่ ราคา 166,000 หยวน หรือราว 7.94 แสนบาท แพงกว่า Nissan Slyphy 2018 รุ่นปกติเพียง 7,000 หยวน และที่สำคัญ Nissan Slyphy Zero Emission 2018 ถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนอย่าง BYD e6 เกินครึ่ง บันเทิงล้วน ๆ

เป็นการเปิดฉากอย่างเหี้ยมโหดและเลือดเย็นมากสำหรับตลาดรถ EV ในจีนที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง เมื่อ Dongfeng Nissan เคาะราคา Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใหม่ ที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Nissan Leaf 2018 เหมือนเป็นการจุดชนวนสงครามราคาอย่างดุเดือด ซึ่งอาจฆ่าเรียบทั้งตลาด เพราะราคา Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใหม่ แทบไม่ต่างจาก Nissan Slyphy เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร ตัวท็อป ที่สำคัญถูกว่ารถยนต์ไฟฟ้าล้วนแบรนด์อื่นเกือบครึ่ง

โดย Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใหม่ ตั้งราคาไว้เพียง 166,000 หยวน หรือราว 7.94 แสนบาท แพงกว่า Nissan Sylphy 1.8 XV เครื่องยนต์เบนซินตัวท็อป แค่ 7,000 หยวน (ประมาณ 33,000 บาท) เท่านั้น แม้ว่าหน้าตาจะไม่ต่างกัน แต่ Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใช้เทคโนโลยีร่วมกับ Nissan Leaf รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในโลก (ไม่ใช่ Tesla นะจ้ะ) และด้วยเหตุผลนี้ Nissan จึงได้เปรียบที่จะเลือกทำสงครามราคาท้าทายคู่แข่ง

เอาง่าย ๆ ถ้าเทียบกับ BYD e6 ที่เริ่มเอาเข้ามาทำตลาดในไทยแล้ว ราคาในจีนยังเริ่มต้นถึง 369,000 หยวน หรือราว 1.76 ล้านบาท หรือแม้แต่ Denza EV (เครือ BYD Daimler ซึ่ง Daimler ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับ BYD ของจีน) หลังหักส่วนลดจากภาครัฐแล้วยังอยู่ที่ 298,800 หยวน (1.43 ล้านบาท) แต่ Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใหม่ เริ่มต้นเพียง 166,000 หยวน และถึงแม้เราจะยังไม่ได้ลองเทียบสเปกแต่เจอราคาแบบนี้ แถมยังใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Nissan Leaf ก็แทบจะไม่ต้องเสียเวลาดูอะไรอีกแล้วป่ะ

อย่างไรก็ตาม Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ใหม่ นั้นวิ่งได้ระยะทางไกลถึง 338 กิโลเมตร (ตามมาตรฐานการทดสอบของจีน) ซึ่งตอนนี้ Nissan เริ่มเดินสายการผลิต Nissan Sylphy Zero Emission 2018 ในจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และ Nissan คาดว่าจะกลายมาเป็นผู้เล่นหลักในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในจีนซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกตอนนี้ ตามแผนระยะกลาง Nissan M.O.V.E to 2020

น่ากลัวมากสำหรับคู่แข่ง เมื่อ Nissan ประกาศทำสงครามราคาเพื่อแย่งชิงลูกค้าให้ได้มากที่สุด ประเภทฆ่าได้ฆ่า เพราะได้เปรียบจากการมี Nissan Leaf อยู่แล้ว คู่แข่งคงต้องปรับตัวหนักมากและอาจต้องเข้าสู่ Red Ocean ฟาดฟันราคากันเละเทะ แต่ในมุมของผู้บริโภคอย่างเรา ๆ เป็นความบันเทิงเชิงผลประโยชน์ที่อนาคตน่าจะได้ขับรถยนต์ไฟฟ้าในราคาถูกลงได้เร็วขึ้น เอ้ารออะไรจัดไปหนัก ๆ กันเลยจ้า มันยังต่ำกว่านี้ได้อีก

ภาพจาก Dongfeng Nissan, BYD, Denza และ ev-volumes.com