Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ เปิดตัวที่งาน ดีทรอยต์ ออโต้ โชว์ 2018 ยังคงยึดดีไซน์ดั้งเดิมเหมือน Mercedes-Benz G-Class ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1979 แต่เพิ่มความทันสมัยให้รถเอสยูวีสุดหรูทรงกล่องนี้ดูเข้ากับยุคมากขึ้น และหากถามว่าทำไม Mercedes-Benz ถึงไม่ยอมเปลี่ยนดีไซน์เสียทีงานนี้ไม่รู้ควรจะต้องโทษใครเพราะในเมื่อแฟนพันธุ์แท้ระดับสาวก G-Wagen เองก็ไม่ต้องการที่จะเห็นมันเป็นแบบอื่น
Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ จึงได้รับการปรับเปลี่ยนแค่รายละเอียดภายนอกให้ร่วมสมัยละมุนขึ้นเล็กน้อยอย่างไฟหน้าทรงกลมแบบ LED ซึ่งน่าจะเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดแล้ว และ Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ ก็ยังคงใช้ตัวถังแบบ Body on Frame หรือ Ladder-type Frame เพื่อความแข็งแกร่งแบบรถลุยเต็มตัว แต่ทนการบิดตัวได้มากขึ้น 55 เปอร์เซ็นต์ และเบากว่ารุ่นก่อนถึง 170 กก. รวมถึงเปลี่ยนระบบกันสะเทือนใหม่ โดยด้านหน้าเป็นแบบอิสระแบบปีกนกสองชั้นที่ยึดกับ Ladder-type Frame ซึ่งออกแบบให้มีระยะ Travel ได้มาก
ส่วนด้านหลังยังเป็นแบบคานแข็ง (รถออฟโรดขาลุยตัวจริงมักสะดวกแบบนี้เพราะปรับแต่งให้ระยะยืด-ยุบได้มากกว่าแบบอิสระ) แต่ออกแบบใหม่ที่ควบคุมโดยเทรลลิ่งอาร์ม 4 ตัว ในแต่ละฝั่งร่วมกับแกนแพนฮาร์ด (ช่วยรักษาให้เพลาอยู่ในเซ็นเตอร์ รถจะไม่ออกอาการเซหรือย้วย เมื่อระบบกันสะเทือนต้องยุบหรือยืดมาก ๆ บนเส้นทางออฟโรด) โดย Mercedes-Benz เคลมว่า Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ จะให้สมรรถนะการขับขี่ที่ดีลงตัวทั้งบนออนโรดและออฟโรด
ขณะที่ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ แน่นอนว่าต้องหรูหราถึงขีดสุดเพราะเป็นรถเอสยูวีตัวท็อปของค่าย จึงระดมใช้วัสดุคุณภาพสูง (ซึ่งรุ่นปัจจุบันก็หรูมากอยู่แล้ว) แต่ความแปลกใหม่ที่แท้ทรูคือแผงหน้าปัดที่มาพร้อมจอแสดงผลทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่โตแทนมาตรวัดแบบเดิม โดยแบ่งออกเป็น 2 จอ คล้ายกับที่เห็นใน Mercedes-Benz E-Class และ S-Class เพียงแต่ไม่ขัดตาและลงตัวกับ Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ ที่เป็นรถทรงกล่องมากกว่า สามารถแสดงภาพถนนที่รถวิ่งผ่านได้จากกล้องด้านหน้า-หลัง (กันน้ำ) เพื่อช่วยให้การขับขี่แบบออฟโรดง่ายมากขึ้น นอกจากนี้พื้นที่ภายในห้องโดยสารของ Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ ยังกว้างขวางกว่าเดิมด้วย
ทางด้านขุมพลังในเบื้องต้นนั้น Mercedes-Benz ระบุไว้แต่เพียง Mercedes-Benz G500 ปี 2018 จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน วี 8 สูบ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G‑TRONIC พร้อมทอร์คคอนเวอร์เตอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับการลุยแบบออฟโรด ให้กำลังสูงสุด 422 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 610 นิวตันเมตร ตั้งแต่รอบต่ำที่ 2,000 ไปจนถึง 4,750 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลือง 11.1 ลิตร/100 กม.
ทั้งนี้ Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ จะมีโหมดการขับขี่ให้เลือกปรับได้ถึง 5 รูปแบบ ด้วย DYNAMIC SELECT ระบบจะปรับแต่งบุคลิกการตอบสนองของเครื่องยนต์ เกียร์ ระบบกันสะเทือน พวงมาลัย รวมถึงระบบช่วยเหลืออื่น ๆ ตามที่ผู้ขับขี่เลือก ทั้ง Eco, Comfort, Sport และ Individual ส่วนโหมดใหม่ G-Mode จะช่วยให้การขับขี่ผ่านเส้นทางออฟโรดเป็นเรื่องง่าย โดยระบบจะคอยควบคุมระบบกันสะเทือน พวงมาลัย ไปจนถึงการเหยียบคันเร่งให้ค่อย ๆ ดันผ่านอุปสรรคไปได้อย่างราบรื่น ต่อเนื่อง หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่จำเป็น
Mercedes-Benz G-Class 2018 ใหม่ จะพร้อมเริ่มจำหน่ายในเดือนมิถุนายน 2018 ด้วยราคาเริ่มต้น (ในเยอรมนี) 107,040 ยูโร หรือประมาณ 4.15 ล้านบาท ซึ่งเรื่องความแพงนั้นเป็นของคู่กันกับ Mercedes-Benz G-Class ทุกรุ่นอยู่แล้วไม่ว่าจะเก่าสุดหรือใหม่สุดก็ตาม
