แม้จะใช้พื้นฐานของรถยุคปัจจุบันแต่งานดีไซน์ภายนอก Kia Niro EV Concept ก็ยังสามารถทำให้ดูเป็นอนาคตได้ ด้วยการลดขนาดไฟหน้าให้แคบลง ซึ่งอนาคตโคมฉายไม่ต้องใหญ่โตมโหฬารก็สว่างเจิดจ้าได้ด้วย LED (หรือจะเลยเถิดไปถึง Laser ก็ยังได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่) มีปรับกันชนและส่วนสำคัญคือกระจังหน้า Tiger Nose Grille ใหม่ ให้เป็นแบบปิดทึบที่แสดงข้อความและลวดลายกราฟิกเก๋ ๆ เคลื่อนไหวตอบสนองได้แบบอินเตอร์แอคทีฟ เพราะไม่รู้จะมีช่องดักอากาศเพื่อระบายความร้อนให้เครื่องยนต์สันดาปภายในไปอีกทำไมในเมื่ออนาคตไม่จำเป็นต้องมีอีกต่อไปแล้ว ส่วนด้านท้ายก็เช่นกันไฟท้ายถูกลดขนาดให้แคบลงเพิ่มพื้นที่ของกระจกหลังมากขึ้น แต่ทั้งหมดก็ยังไม่ใช่สาระสำคัญของ Kia Niro EV Concept อยู่ดี
จุดที่น่าสนใจของ Kia Niro EV Concept นั้นจริง ๆ แล้วเริ่มต้นตรงนี้ที่ระบบขับเคลื่อนแบบ Zero Emission ซึ่งมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าทรงพลังเจนเนอเรชั่นใหม่ 150 กิโลวัตต์ ที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นต่อ ๆ ไปในอนาคตของ Kia ร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Lithium-Polymer ขนาดความจุ 64 กิโลวัตต์-ชั่วโมง โดย Kia Niro EV Concept นั้นวิ่งได้ไกลสูงสุด 383 กิโลเมตร/ชาร์จ ทั้งนี้ด้วยความเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่วิ่งได้เงียบเชียบและอาจไม่ปลอดภัยสำหรับคนเดินถนนในเมือง
Kia Niro EV Concept จะติดเทคโนโลยีความปลอดภัย Active Pedestrian Warning System (APWS) อันประกอบด้วยกล้องหน้าคอยจับภาพคนเดินถนน รถจักรยาน และส่งเสียงพร้อมสัญลักษณ์อินเตอร์แอคทีฟ (บนกระจังหน้า Tiger Nose นั่นล่ะ) คอยสื่อสารให้ผู้บุคคลนั้นรู้ตัวว่า...หลบหน่อยพระเอกมาประมาณนั้นเลย แต่ถ้านี่ยังไม่คูลพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต Kia Niro EV Concept ก็ยังมีฟีเจอร์ไฮเทคอีกเพียบ
แน่นอนว่า Kia Niro EV Concept จะมีเทคโนโลยีช่วยขับขี่อัตโนมัติ (เลเวลใด Kia ไม่ได้กล่าว แต่เราคิดว่าควรจะต้องเลเวล 3-4 เป็นอย่างต่ำ) ส่วนภายในถูกออกแบบให้ดูทันสมัยเรียบโล่งสไตล์มินิมอล ดิจิทัล และแอบฟรุ้งฟริ้งด้วยไฟสร้างบรรยากาศระยิบระยับที่แผงประตู และตกแต่งด้วยแถบโลหะสีเงินและทองแดงแซมตามจุดต่าง ๆ พองาม แถมด้วยเสา A ล่องหน (ใช้เสา A เป็นฉากฉายภาพที่เสา A นั้นบังทัศนวิสัยด้านหน้ารถ)
มีหน้าจออินเทอร์เฟซ HMI (Human Machine Interface) เจเนอเรชั่นใหม่สำหรับระบบอินโฟเทนเมนต์สามารถจดจำใบหน้าผู้ใช้งาน (ถ้าหน้าไม่คุ้นจะไม่อนุญาตให้เข้าถึงการปรับแต่งในส่วนต่าง ๆ) ที่สัมผัสหน้าจอ (แบบปัจจุบัน) หรือสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหวโดยกวัดแกว่งมือในอากาศก็ได้ (Gesture Control) แถมยังมีพวงมาลัยไฮเทคทำหน้าที่เป็นแผงควบคุมไร้ปุ่ม แค่ลากนิ้วไปมาบนพวงมาลัยเพื่อควบคุมเครื่องเสียงเล่นเพลงโปรด ลด-เพิ่มเสียง ปรับระบบระบายอากาศ เป็นต้น
เรียกว่า Kia Niro EV Concept หน้าตานั้นไม่เท่าไรแต่ความทันสมัยมาแบบล้น ๆ (ได้ใช้บ้างไม่ได้ใช้บ้างคงไม่ใช่ประเด็น เพราะรถปัจจุบันเจ้าของยังใช้งานฟีเจอร์กันไม่ครบเลยแต่มันต้องมีไว้อวดและเพิ่มราคา) สมกับที่เป็นประเทศแถวหน้าด้านเทคโนโลยีมาก เพราะยุคนี้แค่อวดรถไฟฟ้าวิ่งได้ไกล วิ่งได้เร็ว ใครก็ทำได้และค่อนข้างจะธรรมดาน่าเบื่อไปเสียแล้วว่าไหมล่ะ
คลิป :
ภาพจาก Kia