ส่วนภายในก็ใช้ดีไซน์เดียวกันและเปลี่ยนแปลงแค่วัสดุที่ใช้ตกแต่งใหม่หลายจุดเพื่อให้มีความแตกต่าง โดยคันที่นำมาโชว์นั้นใช้สีโทนอ่อนเทา-ขาว ตัดด้วยสีฟ้า อีกทั้งแผงควบคุมเครื่องปรับอากาศบริเวณกลางแผงหน้าปัดเปลี่ยนเป็นแบบปุ่มกดพร้อมระบบอัตโนมัติและจอดิจิตอลทรงกลมขนาดเล็กแสดงสถานะการทำงานแทนแบบหมุนในรุ่นปกติ ขณะที่ภายในห้องโดยสารยังคงให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง กว้างขวางและอเนกประสงค์ไม่ต่างจากเดิมแม้จะมีแพ็กแบตเตอรี่วางอยู่ใต้พื้นรถ ซึ่งทำให้พื้นห้องโดยสารสูงขึ้นเล็กน้อย ผู้โดยสารจึงต้องนั่งชันขาอีกหน่อยแต่ไม่เลวร้ายเพราะคนที่ตัดสินใจใช้ Kia Soul EV 2018 คงไม่ได้ใช้ขับไปไหนไกล ๆ มากอยู่แล้ว ด้วยระยะทางวิ่งที่จำกัดและการจราจรที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ซึ่งตามข้อมูลของ เกีย มอเตอร์ ประเทศไทย แจ้งไว้ว่า Kia Soul EV 2018 ใหม่ จะวิ่งได้ด้วยความเร็วสูงสุด 145 กม./ชม. และมีระยะเดินทางได้ไกลเฉลี่ย 250 กม. (คงต้องไปสอบถามว่าใช้มาตรฐานใดในการทดสอบเพราะแต่ละภูมิภาคมีการกำหนดรูปแบบการทดสอบแตกต่างกัน และการทดสอบส่วนใหญ่มักจะแตกต่างจากการใช้งานจริงพอสมควร) โดย Kia Soul EV 2018 ใหม่ จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่มีแรงดันไฟฟ้า 375 โวลต์ และใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน โพลิเมอร์ ขนาด 30 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 2,730-8,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 285 นิวตันเมตร แบบ instant torque ที่ 0-2,730 รอบ/นาที ส่วนการชาร์จไฟแบบปกติ (6.6 กิโลวัตต์) จนเต็ม 100% จะใช้เวลา 5.40 ชม. (2.2 กิโลวัตวัตต์ ใช้เวลา 20 ชม.) แต่ถ้าเป็นการชาร์จแบบเร็วด้วยไฟกระแสตรง (50 กิโลวัตต์) จนถึงปริมาณ 80% จะใช้เวลา 33 นาที
สำหรับอุปกรณ์มาตรฐานอื่น ๆ ของ Kia Soul EV 2018 ใหม่ ก็มีมาให้ครบในแบบรถนำเข้าแม้กระทั่งเบาะคู่หน้าปรับอุณหภูมิได้ทั้งอุ่น-เย็น ส่วนระบบความปลอดภัยมีให้ตามมาตรฐานอย่างถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบช่วยเหลือการขับขี่อย่าง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESC), ระบบรักษาความมั่นคงของรถ (VSM) และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HAC) เป็นต้น
ราคาของ Kia Soul EV 2018 อาจไม่เหมาะสำหรับคนที่มองเรื่องความประหยัดหรือความคุ้มค่ามาเป็นข้อแรกแน่นอน แต่น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบได้ลองเทคโนโลยีหรือ Gadget ใหม่ก่อนใครโดยไม่สนว่าจะต้องจ่ายมากแค่ไหน ซึ่งตอนนี้ในไทยคงไม่มีทางให้เลือกมากนักและถึงจะมีราคาก็อาจไม่ถึงกับถูกนักไม่ต่างอะไรกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ยุคแรก ๆ
