BMW ประเทศไทย ดูจะมีความพร้อมและตั้งใจมากเป็นพิเศษในการบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) ด้วยแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่เกือบ 10 รุ่น ภายใน ปี 2021 นอกเหนือจากปัจจุบันที่มีจำหน่ายแล้วมากถึง 4 รุ่น ได้แก่ BMW 330e 2017, BMW X5 xDrive40e 2017, BMW 740Le xDrive 2017 และ BMW i8 ปี 2017 ซึ่งมีให้เลือกมากกว่ารถยนต์นั่งแบบไฮบริดจากฝั่งญี่ปุ่นที่มีจำหน่ายในไทยรวมกันทั้งหมดเสียอีก โดยหลังจากนี้ BMW ก็จะทยอยเปิดตัวตามออกมาอีกไม่น้อย
ในส่วนของรถยนต์ประเภทปลั๊ก-อิน ไฮบริด (BMW ตั้งชื่อให้ดูโก้ว่า iPerformance) เราน่าจะได้เห็น BMW X1 xDrive 25Le, BMW 225xe สำหรับกลุ่มรถอเนกประสงค์ของ BMW ขณะที่รถซีดานพรีเมียมขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่อย่าง BMW 5 Series ก็จะเปิดตัว BMW 530e ตามออกมา
ส่วนรถสปอร์ตสุดไฮเทค BMW i8 ที่อยู่ในตระกูล i ซับแบรนด์รถไฟฟ้าของ BMW (แต่ BMW i8 ยังเป็นแบบ PHEV อยู่) จะเพิ่มเติมในรุ่นเปิดหลังคาหรือ BMW i8 Roadster อีกหนึ่งรุ่น แต่อาจนานหน่อย เพราะคงต้องรอให้เปิดตัวในต่างประเทศเสียก่อนซึ่งคาดกันว่าน่าจะเผยโฉมกันที่งานแฟรงก์เฟิร์ต ออโต้ โชว์ 2017 ช่วงเดือนกันยายน 2560
แต่ที่น่าตื่นเต้นไปกว่านั้นก็เห็นจะเป็นรถยนต์ประเภทที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV) จาก BMW โดยรุ่นที่คงจะได้มีโอกาสเปิดตัวก่อนเป็นรุ่นแรกในไทยน่าจะเป็น BMW i3 ซึ่งเป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีความน่าสนใจมาก ซึ่งในต่างประเทศมีให้เลือกทั้งแบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน และรุ่นที่ติดเครื่องยนต์เบนซิน 2 สูบ (Range Extender) คอยช่วยสร้างกระแสไฟให้กับแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มระยะทางวิ่งเท่านั้น (ไม่ได้มีหน้าที่ขับเคลื่อนล้อโดยตรงแบบ i8)
ส่วนในเรื่องความปลอดภัยนั้นหายห่วงเพราะ BMW i3 มีโครงสร้างตัวถังคาร์บอนแบบเดียวกับ BMW i8 ซึ่งนอกจากจะมีน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งมากแล้ว ยังช่วยดูดซับแรงกระแทกที่เกิดจากการชนได้ดีกว่าเหล็กอีกด้วย ส่วนแบตเตอรี่ก็ถูกซีลมาเป็นอย่างดีโดยผ่านการทดสอบแล้วว่าสามารถกันน้ำได้ (ไม่ได้หมายความว่าจะลุยน้ำได้เก่งกาจเกินรถปกติจนเสมือนว่าเป็นเรือดำน้ำ) แต่ประเด็นคือราคาของ BMW i3 จะอยู่ที่เท่าไรเท่านั้นและอย่าคาดหวังว่ามันจะมีราคาน่าเอ็นดูเหมือนหน้าตานัก
สำหรับคันสุดท้ายนั้นน่าจับตาเป็นพิเศษคือ BMW iNEXT ส่วนจะจับจองเป็นเจ้าของได้หรือเปล่านั้นไม่อยากจะคิดต่อ เพราะนับว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ของ BMW และยังเป็นยานยนต์แห่งอนาคตที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติเต็มรูปแบบ แน่นอนว่าเทคโนโลยีใหม่แบบนี้มักจะมาพร้อมกับราคาค่าตัวที่น่าจะโหดเอาการ
โดยกำหนดเปิดตัวนั้นคือ ปี 2021 ซึ่งไม่แน่ใจว่าเราจะได้เห็นกันทันทีในไทยเลยหรือไม่เพราะต่างประเทศก็มีกำหนดเปิดตัวในปีเดียวกัน ถ้าใช่ก็ต้องเรียกว่ามาไวเว่อร์ทีเดียว
ข้ามมาฝั่ง MINI ที่อยู่ภายใต้การปกครองของ BMW ก็ถูกกำหนดไว้แล้วด้วยเช่นกันอย่างน้อย 2 รุ่น โดยมีทั้งแบบปลั๊ก-อิน ไฮบริด (PHEV) คือ MINI Cooper S E Countryman ALL4 ซึ่งคงจะมาก่อน และหลังจาก ปี 2019 จะมี MINI ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ออกมาทำตลาดด้วยอีกหนึ่งรุ่นโดยยังไม่รู้ว่าจะเป็นโฉมไหนหน้าตาเป็นอย่างไร ถ้าคิดแบบไม่ซับซ้อนก็น่าจะเป็น MINI Cooper Hatch แต่ทั้งนี้ไม่มีอะไรยืนยันการันตีได้ทั้งสิ้นและต้องลุ้นเอาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามอาจไม่ได้มีเพียง BMW แน่ ๆ ที่มองว่าอนาคตในไทยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และรถยนต์ไฮบริด (HV) จะต้องไหลไปตามกระแสโลก เพียงแต่เทคโนโลยีที่เป็นของใหม่นั้นยังมีราคาค่อนข้างสูงรวมไปถึงเรื่องการดูแลรักษา (แน่นอนว่าตอนนี้ยังต้องพึ่งพาศูนย์บริการเป็นหลัก) ดังนั้นกำลังซื้อที่กล้าอาจจำกัดอยู่แค่เฉพาะบางกลุ่ม จึงไม่แปลกที่เราได้เห็นแบรนด์รถพรีเมียมรุกตลาดนี้ได้ดีกว่า แต่หลังจากนี้เราน่าจะได้เห็นความหลากหลายมากขึ้นและไม่ต่างอะไรจากสมาร์ทโฟนที่ Apple ไม่ได้ครองตลาดหลักอีกต่อไป
ภาพจาก BMW
