Workhorse W-15 ปิกอัพพลังไฟฟ้า จ่ายแพงวันนี้ คุ้มวันหน้า

          Workhorse W-15 ปิกอัพพลังไฟฟ้าแบบเสียบปลั๊กชาร์จ (Plug-in) พร้อม Range Extender เพิ่มระยะเดินทาง กับราคาที่จ่ายแพงกว่าวันนี้แต่คุ้มมากในวันหน้า

          Workhorse W-15 นำเสนอความคุ้มค่าใหม่ให้กับวงการรถปิกอัพในตลาดสหรัฐฯ ด้วยขุมพลังไฮบริดขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน หลังจากที่ดัดแปลงรถบรรทุกพาณิชย์ขนาดเล็กของ Morgan Olson ให้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า พร้อมติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินของ BMW แบบ 2 สูบ ขนาด 647 ซี.ซี. เพื่อใช้ปั่นไฟเป็น Range Extender ช่วยเพิ่มระยะทางจนมั่นใจมาพอสมควร โดย DHL, FedEx, UPS, FritoLay รวมถึง United State Postal Service ก็ล้วนเป็นลูกค้าด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้เปิดรับพรีออร์เดอร์ พร้อมผลิตขายกันจริงจังเป็นที่เรียบร้อย ในราคาที่สูงกว่ารถปิกอัพทั่วไป (ขนาดเดียวกัน) อยู่หลายแสนบาท





          ทั้งนี้ขนาดของ Workhorse W-15 นั้นจัดอยู่ในระดับ Full-size Pickup Truck หรือพอ ๆ กับ Ford F-150, Chevrolet Silverado หรือ Toyota Tundra แต่ดีไซน์ค่อนข้างโดดเด่นแปลกตา โดยเฉพาะด้านหน้าไม่จำเป็นต้องมีกระจังขนาดใหญ่ไว้รับลม ตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ นอกนั้นก็ไม่ต่างจากรถเครื่องยนต์สันดาปภายในมากนัก ส่วนภายในไม่แน่ใจว่ารุ่นผลิตจำหน่ายจริงจะตกแต่งมาหวือหวาแบบรถโปรโตไทป์หรือไม่ (อันที่จริงก็ดูเหมือนจะไม่ได้วุ่นวายอะไรและค่อนข้างเรียบโล่งด้วยซ้ำ) โดยปุ่มอุปกรณ์ต่าง ๆ ออกแบบให้เป็นดิจิตอล อย่างจอทัชสกรีนแทนของอนาล็อกเดิม ๆ ซึ่งก็ง่ายเข้าไปอีก



          อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของ Workhorse W-15 นั้นน่าจะอยู่ขุมพลังไฮบริดซึ่งประกอบไปด้วยมอเตอร์ติดตั้งอยู่ที่เพลาด้านหน้า และด้านท้าย ทำให้ Workhorse W-15 กลายเป็นรถที่มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ All-wheel drive โดยซ่อนแพ็กแบตเตอรี่ Panasonic 18650 Li-Ion ไว้ระหว่างแชสซีส์กลางตัวรถ ขณะที่ด้านหน้าสุดเป็นที่อยู่ของ Range Extender หรือพูดภาษาบ้าน ๆ ก็คือเครื่องยนต์ปกติที่เราคุ้นเคย (Workhorse ไม่ได้ระบุว่าเป็นเบนซินหรือดีเซล) เพียงแต่มีไว้ทำหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ปั่นไฟเข้าแบตเตอรี่เท่านั้น


          และเมื่อกางสเปคออกมาดูแล้วจะพบว่า Workhorse W-15 เป็นปิกอัพขนของที่เร็วพอ ๆ กับรถสปอร์ตชั้นดี ซึ่งมีพละกำลังขับเคลื่อนสูงถึง 460 แรงม้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.5 วินาที โดยประมาณ วิ่งได้ไกลถึง 128 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และเพิ่มเป็น 500 กม. หากใช้ Range Extender เป็นตัวช่วย (น้ำมันเต็มถัง) นอกจากนี้ Workhorse W-15 ยังติดตั้งระบบความปลอดภัยอย่าง ระบบเตือนการเปลี่ยนช่องทางการจราจร และระบบป้องกันการชนด้านหน้ามาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานด้วย รวมถึงยังมีช่องจ่ายกระแสไฟ (Power Export) 7.2 กิโลวัตต์ ไว้สำหรับเครื่องมือและอุปกรณ์ยามจำเป็นต้องใช้จากตัวรถได้เองโดยไม่ต้องสตาร์ทรถอีกด้วย


          อย่างไรก็ตาม Workhorse W-15 อาจไม่ถูกนักเมื่อเทียบกับรถปิกอัพปกติรูปแบบใกล้เคียงกัน โดยราคาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1.46 ล้านบาท (42,000 ดอลลาร์) ขณะที่รถปิกอัพเครื่องยนต์สันดาปภายในในสหรัฐฯ จะเริ่มต้นเพียง 1.11 ล้านบาท (32,000 ดอลลาร์) เท่านั้น แต่เมื่อเทียบความคุ้มค่าในระยะยาว ภายใน 12 ปี (ใช้งาน 40,000 กม./ปี) Workhorse W-15 ก็จะประหยัดค่าเชื้อเพลิงและการบำรุงรักษาไปได้กว่า 1 ล้านบาท โดยประมาณ แต่นี่ก็เป็นเพียงตัวเลขที่ทาง Workhorse เปรียบเทียบให้ดูเป็นตัวอย่างคร่าว ๆ เป็นตัวอย่าง ส่วนการใช้งานจริงจะคุ้มค่ามากแค่ไหนก็ต้องลองคำนวณกันเอาเอง

          Workhorse W-15 น่าจะจับกลุ่มลูกค้า Fleet เพื่อใช้งานในเชิงพาณิชย์เป็นหลัก ซึ่งไม่จำเป็นต้องไปสนใจว่าหน้าตาจะสวยงามแค่ไหนขอให้คุ้มค่ากับการลงทุนเป็นใช้ได้