Johamer J1 มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่ฉีกทุกกฎการดีไซน์สไตล์หลุดโลก

 
          ถึง Johamer J1 จะมีดีไซน์สุดแปลกแหวกแนวรถสองล้อทั่วไปอยู่มาก แต่รายละเอียดต่าง ๆ ถูกออกแบบให้เรียบง่ายแต่สอดคล้องเหมาะสมกับการขับขี่ ตั้งแต่เฟรมหลักทำจากอะลูมิเนียมที่ติดตั้งแพ็กแบตเตอรี่อยู่ตรงกลางระหว่างฐานล้อหน้าและหลังให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำที่ 350 มม. ส่งผลให้ Johamer J1 มีการบังคับควบคุมที่เพอร์เฟกต์ขับขี่สบาย รวมถึงตำแหน่งการขับขี่ที่สามารถปรับได้ทั้งในส่วนของแฮนด์บาร์ที่ยื่นออกมาสองข้างจากตัวถังคล้ายหนวดล็อบสเตอร์ ที่วางเท้าก็ปรับระดับให้เข้ากับสรีระผู้ขี่ได้เช่นกัน ส่วนกระจกมองข้างเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นติดตั้งจอแสดงผลขนาด 2.4 นิ้ว เพื่อแสดงข้อมูลต่าง ๆ ที่จำเป็นเช่น ความเร็ว รวมถึงการแจ้งเตือนต่าง ๆ เช่นการชาร์จไฟ เป็นต้น



          ทั้งนี้ Johamer J1 จะมีให้ลูกค้าเลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่ Johamer J1.150 และ J1.200 ซึ่งตัวเลขหลังบอกถึงระยะทางที่วิ่งได้สูงสุดต่อชาร์จ โดย Johamer J1.150 จะใช้แพ็กแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 8.3 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ทำให้วิ่งได้ไกลสูงสุด 150 กม. ส่วนรุ่น J1.200 ใช้แพ็กแบตเตอรี่มากกว่าที่ 12.7 กิโลวัตต์-ชั่วโมง โดยจะวิ่งได้ระยะทางเพิ่มขึ้นเป็น 200 กม. โดย Johamer J1 ทั้ง 2 รุ่น จะถูกล็อกความเร็วสูงสุดไว้เท่ากันที่ 120 กม./ชม.  ขณะที่อัตราเร่งต่างกันเพียงเล็กน้อย แต่ Johamer J1.200 จะใช้เวลาชาร์จไฟจนเต็มต้องใช้เวลา 3.5 ชั่วโมง (ถ้าชาร์จแบบเร็วเพียง 80 นาที มีให้เลือกเป็นออปชั่น) ถ้าเป็น Johamer J1.150 จะสามารถชาร์จได้เร็วกว่าเพียง 2 ชั่วโมง 20 นาที เพราะแบตเตอรี่มีความจุน้อยกว่า และทำให้น้ำหนักตัวรถรวมน้อยกว่าที่ 159 กก. และเพิ่มเป็น 178 กก. สำหรับ Johamer J1.200
 
          อย่างไรก็ตามในส่วนของมอเตอร์ขับเคลื่อนของ Johamer J1 ทั้งสองรุ่นจะเหมือนกันติดตั้งที่ล้อหลังให้ เอาท์พุท 11 กิโลวัตต์ (เอาท์พุทสูงสุดที่ 16 กิโลวัตต์) ส่วนเกียร์มีอัตราทด 1:10.15 ซึ่งเป็นแบบ Single Stage หรือชุดเฟืองเดี่ยว โดยทั้งตัวมอเตอร์และชุดเกียร์จะถูกซีลปิดถาวรไม่ต้องการการบำรุงรักษา (พังก็น่าจะเปลี่ยนเลย) ส่วนระบบกันสะเทือนใช้วัสดุอย่างอะลูมิเนียม ด้านหน้าเป็นแบบทวินอาร์มวางขนานตามแนวนอน ส่วนด้านหลังเป็นแบบอาร์มเดี่ยวออกแบบรวมไปกับมอเตอร์แบบ in-Wheel เป็นชิ้นเดียวกัน
 
          Johamer J1 จะมีสีให้เลือกทั้งหมด 5 เฉด ประกอบไปด้วยสีเงิน, สีขาว, สีฟ้า, สีเหลืองอ่อน และสีเขียวอ่อน แต่ถ้ายังไม่ถูกใจสามารถสั่งพ่นเป็นสีอื่นได้ซึ่งเป็นออปชั่นที่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเพิ่มจากราคาที่ตั้งไว้ 22,900 ยูโร (8.57 แสนบาท) สำหรับ Johamer J1.150 และ 24,900 ยูโร (9.33 แสนบาท) หากต้องการรุ่นที่วิ่งได้ไกลกว่าอย่าง Johamer J1.200 ซึ่งทำให้เป็นมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าที่มีราคาโหดใช้ได้
 
          ถ้าไม่เกี่ยงราคาและชอบของแปลก Johamer J1 ก็น่าจะเรียกได้ว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ดีไซน์แปลกชวนมองไร้ข้อจำกัดในยุคที่ยานยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
 
ภาพจาก Johamer
ที่มา Johamer