Nissan Sylphy NISMO 2017 เปิดศึกดวล Honda Civic Si

Nissan Sentra (Sylphy) NISMO 2017 เปิดศึกดวลความสปอร์ตกับ Honda Civic Si 2017 ใหม่ ชิงความได้เปรียบลุยตลาดก่อนต้นปีหน้า ด้วยราคาเริ่มต้นต่ำกว่า 9 แสนบาท (25,000 ดอลลาร์) ในขณะที่ Honda จะปล่อยของกลางปี 2017 ส่วนราคาอาจแพงกว่า 25,000 ดอลลาร์ ค่อนข้างแน่นอน

เรียกว่าเป็นสงครามกลางงาน LA Auto Show 2016 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 18-27 พฤศจิกายนนี้ ณ เมืองลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งน่าจับตาไม่น้อยสำหรับคู่แข่งร่วมชาติอย่าง Nissan และ Honda ที่เกิดการปะทะกันเต็ม ๆ เมื่อต่างฝ่ายต่างเปิดตัวเวอร์ชั่นสปอร์ตของรถขนาดคอมแพกต์เพื่อขายในตลาดสหรัฐฯ พร้อมกันทั้ง Nissan Sentra NISMO 2017 และ Honda Civic Si Prototype

แต่งานนี้ดูเหมือนว่า Nissan ที่เป็นฝ่ายตั้งรับจะอาศัยความได้เปรียบที่เป็นโมเดลเก่า (แต่ไมเนอร์เชนจ์) บวกกับชื่อชั้นและความเก๋าของ NISMO ถล่มใส่ Honda ที่ยังเป็นรถโปรโตไทป์ก่อนหมัดแรก โดยมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนมกราคมปีหน้าในราคาต่ำกว่า 9 แสนบาท (25,000 ดอลลาร์)

ขณะที่ Honda Civic Si 2017 ทั้งตัวถัง Sedan และ Coupe ต้องรอนานถึงกลางปี พร้อมค่าตัวอาจทะลุ 9 แสนบาท (26,000 ดอลลาร์) แต่นอกจากนี้ Nissan Sentra NISMO 2017 มีดีแค่ไหนลองเช็กรุ่นกันก่อน

ในยกแรกนี้ Nissan ประกาศก้องเลยว่าอย่าดูกันแค่ภายนอกเพราะ Nissan Sentra NISMO 2017 ใหม่ ได้รับการเสริมสมรรถนะจากโรงงานในแบบที่บางเรื่องนั้นสำนักแต่งหรือร้านขายของแต่งต่าง ๆ ที่เรียกว่า Aftermarket ให้ไม่ได้ เนื่องจากการปรับแต่งนั้นทำกันตั้งแต่ระดับโครงสร้างภายในเช่น ผนังระหว่างเสา A และ C รวมถึงพื้นตัวถังหนาขึ้นเพื่อให้ทนต่อการบิดตัวของแชสซีส์ที่ส่งผลต่อการควบคุมโดยตรง เป็นต้น ซึ่งไม่ใช่แค่เปลือกนอกที่ชอบประโคมใส่กันไปเยอะ ๆ แค่ให้ดูสปอร์ตขึ้น
 
ชุดแต่งของ Nissan Sentra NISMO 2017 ใหม่ ที่เห็นอยู่แค่ไม่กี่ชิ้นซึ่งประกอบไปด้วยกันชนหน้า-หลัง และสเกิร์ตข้างดีไซน์ใหม่คาดแถบสีแดง รวมถึงสปอยเลอร์หลังชิ้นเล็ก ถูกออกแบบมาให้สร้างแรงกดที่ตัวถังเพิ่มขึ้นถึง 30% โดย Nissan Sentra NISMO 2017 ยังวิ่งแหวกกระแสลมได้ดีเท่ารุ่นมาตรฐานซึ่งมีค่าแรงต้านอากาศ (coefficient of drag) 0.29 Cd. ไม่เปลี่ยนแปลง
 

ทั้งนี้ล้ออัลลอยลาย 10 ก้าน แน่นอนว่าต้องเป็นของ NISMO มีขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยางแบบสปอร์ตของ Michelin รุ่น Pilot Sport all-season ขนาด 215/45R18 นอกจากนั้นยังปรับลดความสูงของรถลงอีก 0.4 นิ้ว และสุดท้ายสำหรับภายนอกคือสีตัวถัง Nissan Sentra NISMO จะมีสีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีเงิน Brilliant Silver, สีเทาดำ Gun Metallic, สีดำ Super Black และสีขาว Aspen White
 
ส่วนการตกแต่งภายในห้องโดยสารนั้น Nissan Sentra NISMO 2017 จะเน้นโทนสีดำถ่านเป็นหลักตัดด้วยสีแดงให้อารมณ์แบบมอเตอร์สปอร์ตพร้อมเบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตของ NISMO ที่เสริมปีกด้านข้างให้สูงเพื่อกระชับลำตัวมากขึ้น, เบาะหลังทรงใกล้เคียงของเดิม (สเปคอเมริกา) หุ้มด้วยผ้าแบบพิเศษที่เย็บด้วยด้ายสีแดง, พวงมาลัยหุ้มหนังผสมอัลคันทารา, ผ้าบุหลังคาสีดำ สุดท้ายคือการประทับตรา NISMO ที่คอนโซลกลางเหนือคันเกียร์รวมถึงพนักพิงเบาะคู่หน้า
 

ต่อกันที่ขุมพลังใต้ฝากระโปรงของ Nissan Sentra NISMO 2017 ใหม่ ยังเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกับ Nissan Sentra SR Turbo หรือที่วางใน Nissan Sylphy 1.6 DIG Turbo ของไทยเรานั่นเอง โดยให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ที่ 5,600 รอบ/นาที และแรงบิด 240 นิวตันเมตร ที่มาเร็วต่อเนื่องตั้งแต่ 1,600-5,200 รอบ/นาที เพียงแต่จะมีเกียร์ให้เลือกเล่นสนุกทั้งแบบธรรมดา 6 สปีด หรือเอาสบายแบบอัตโนมัติ CVT Xtronic ที่มี Manual Shift Mode มาให้ตบเล่นแก้เซ็งแบบเกียร์ธรรมดา

ถ้าว่ากันเฉพาะความแรงของเครื่องยนต์อย่างเดียวนั้น สูสีกับ Honda Civic Hatchback 2017 รุ่นย่อย Sport มาก ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลัง 180 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที และแรงบิด 240 นิวตันเมตร ด้วยช่วงรอบสูงกว่านิดเดียวที่ 1,900-5,500 รอบ/นาที แต่เดี๋ยวก่อน Honda Civic Si 2017 ใหม่ ที่ยังไม่เปิดตัวว่ากันว่าอาจจะแรงขึ้นไปแตะระดับ 200 แรงม้า ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีข้อมูลยืนยันเป็นทางการคงต้องรอดูเท่านั้น
 

อย่างไรก็ตามความสปอร์ตหรือรถที่ขับสนุกนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับพละกำลังเสมอไป รถเครื่องใหญ่แรงม้าเยอะ แรงบิดแยะแต่ไม่เน้นสปอร์ต ขับไม่สนุกก็มีอยู่มาก แต่ไม่ใช่กับ Nissan Sentra NISMO 2017 ซึ่งตั้งใจให้การบังคับควบคุมให้อารมณ์ตามแบบฉบับของ NISMO โดยพวงมาลัยไฟฟ้า (EPS) ซึ่งได้รับการปรับแต่งใหม่เป็นพิเศษให้ผู้ขับขี่สามารถรับรู้การตอบสนองจากผิวถนนได้อย่างเฉียบคม มีความสมดุลและเที่ยงตรงมากที่สุด
 
ระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแมคเฟอร์สันสตรัทได้รับการปรับแต่งสปริง และสตรัทใหม่ ส่วนด้านหลังที่เป็นทอร์ชั่นบีมเปลี่ยนไปใช้แดมเปอร์แบบ monotube น้ำหนักเบาให้การตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว โดยรถจะมีความสมดุลมากขึ้น ตัวรถออกอาการโคลงหรือเหวี่ยงตัวน้อยลงขณะเข้าโค้ง หรือหักพวงลัยอย่างกะทันหัน รวมไปถึงเมื่อเจอสภาพถนนที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทั้งหมดเป็นฝีมือของ NISMO และจะมีสมรรถนะเหนือกว่า Nissan Sentra SR Turbo ไปอีกขั้น