world_id:568decdb4d265a05388b457d
รถยนต์ไร้คนขับจากเกีย (KIA) ภายใต้ ซับ-แบรนด์ใหม่ ไดรฟ์ ไวส์ (Drive Wise) จะมาพร้อมเทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ที่ KIA เรียกว่า Advanced Driver Assistance Systems หรือ ADAS ซึ่งไม่ได้เป็นแค่เพียงรถแนวคิดที่ฉลาดและปลอดภัยเท่านั้น แต่ Drive Wise จะสามารถใช้งานแบบกึ่งไร้คนขับได้จริงภายในอีก 5 ปีข้างหน้า และระบบไร้คนขับแบบเต็มรูปแบบจะพร้อมทำตลาดได้ในปี 2030 นายแท วอน ลิม (Tae-Won Lim) รองประธานอาวุโสของสถาบันวิจัยและวิศวกรรมของกลุ่มฮุนได มอเตอร์ กรุ๊ป (Central Advanced Research and Engineering Institute of Hyundai Motor Group) ได้กล่าวว่า "ถึงแม้ว่ารถยนต์ไร้คนขับเต็มรูปแบบคันแรกของ KIA อาจจะยังไม่ได้เปิดตัวในอนาคตอันใกล้นี้ แต่ทีมวิจัยและพัฒนาของเราพร้อมแล้วสำหรับการทดสอบ Drive Wise รถยนต์ไร้คนขับเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าสามารถวิ่งบนถนนจริงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยผู้ขับขี่ และทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วในตอนนี้แสดงให้เห็นถึงทิศทางสำหรับอนาคตที่เรามุ่งมั่น
เทคโนโลยีช่วยเหลือการขับขี่ของ Drive Wise จะถูกนำออกแสดงในงานงานมหกรรมสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ปี 2016 (CES 2016 ) ซึ่งจัดขึ้นที่ลาสเวกัส รัฐเนวาดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 6-9 มกราคมนี้ ประกอบไปด้วย
- ระบบขับขี่อัตโนมัติสำหรับทางหลวง (Highway Autonomous Driving หรือ HAD)
- ระบบขับขี่อัตโนมัติสำหรับในเมือง (Urban Autonomous Driving หรือ UAD)
- ระบบขับตามรถยนต์คันหน้า (Preceding Vehicle Following หรือ PVF)
- ระบบหยุดรถฉุกเฉิน (Emergency Stop System หรือ ESS)
- ระบบช่วยเหลือสำหรับการจราจรติดขัด (Traffic Jam Assist หรือ TJA)
- ระบบจอดรถยนต์อัตโนมัติ (Autonomous Valet Parking)
โดยระบบทั้งหมดที่กล่าวมานี้ถูกออกแบบมาสำหรับการขับขี่ที่สะดวกสบายและปลอดภัยที่มากกว่าสำหรับลูกค้าของ KIA ไม่ว่าจะขับขี่บนถนนไฮเวย์ด้วยระบบอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะสามารถรักษาระยะให้ห่างจากรถคันหน้าเพื่อความปลอดภัยได้เอง หรือแม้กระทั่งการขับขี่ผ่านการจราจรที่หนาแน่นเคลื่อนตัวช้า รวมถึงการสั่งการด้วยรีโมทคอนโทรลเพื่อนำรถเข้าจอดในที่จอด
นอกจากระบบช่วยเหลือการขับขี่แล้ว เทคโนโลยีของ Drive Wise ยังมีฟังก์ชั่นที่ช่วยให้รถและผู้ขับขี่สามารถสื่อสารและโต้ตอบระหว่างกันได้ ผ่านนวัตกรรมใหม่ที่เรียกว่า Human Machine Interface (HMI) ซึ่งจะแสดงผลผ่านหน้าจอในห้องโดยสารและยังสามารถสั่งงานด้วยการเคลื่อนไหว (Gesture Control) ตรวจจับลายนิ้วมือ (Fingerprint Sensor) รวมถึงรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์อื่น ๆ อย่างสมาร์ทโฟนได้
เพื่อการพัฒนาที่รวดเร็วของเทคโนโลยี Drive Wise ทางรัฐเนวาดาได้มีการออกใบอนุญาตเป็นกรณีพิเศษสำหรับ KIA Soul EV ที่ใช้ในการวิ่งทดสอบระบบรถยนต์ไร้คนขับ บนถนนสาธารณะได้อีกด้วย รถยนต์ทดสอบจะวิ่งตามรูปแบบที่ถูกกำหนดไว้ของระบบสื่อสาร Drive Wise Vehicle-to-everything
KIA เรียกระบบนี้สั้น ๆ ว่า V2X โดยระบบ V2X จะเป็นขั้นที่จะพาเราก้าวไปสู่รถยนต์ไร้คนขับได้อย่างเต็มรูปแบบซึ่ง KIA บอกว่ามันจะเกิดขึ้นและพร้อมใช้งานจริงได้ในปี 2030 และเมื่อระบบ V2X ได้รับการบูรณาการเข้ากับสิ่งแวดล้อมของการขับขี่ในชีวิตจริงมันจะสามารถทำหน้าที่ได้เช่นเดียวกับรถที่มนุษย์เป็นผู้ขับขี่
ทั้งนี้ระบบ V2X จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์อย่างเซ็นเซอร์จำนวนมาก, เรดาร์, เทคโนโลยี LiDAR (Light Detection And Ranging เป็นการวัดระยะจากระยะเวลาในการเดินทางของลำแสงเลเซอร์ที่เดินทางจากเซ็นเซอร์ไปยังวัตถุและสะท้อนกลับมายังเซ็นเซอร์อีกครั้ง ซึ่งมักจะใช้กันในงานสำรวจภูมิประเทศ) และกล้องภายนอกตัวรถ เพื่อให้รถยนต์ไร้คนขับรับรู้ถึงวัตถุที่อยู่รอบ ๆ
ตัวรถระบบ V2X จะสื่อสารกันระหว่างรถกับรถและระบบโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบ เพื่อให้นำข้อมูลที่ได้รับมาตัดสินใจและควบคุมจังหวะการขับขี่โดยไม่จำเป็นต้องมีมนุษย์เป็นผู้ควบคุมอีกต่อไป
รถยนต์ไร้คนขับอีกหนึ่งในเทคโนโลยีความหวังของมนุษย์ที่เราเคยเห็นแต่ในภาพยนตร์แนวไซไฟมานานกำลังจะกลายเป็นความจริงในไม่ช้านี้ แล้วคุณล่ะอยากได้มันหรือไม่
