เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากขับขี่หรือโดยสารยานพาหนะที่ไร้ระบบกันสะเทือนหรือที่มักเรียกสั้น ๆ แต่เข้าใจตรงกันว่า "ช่วงล่าง" โดยไม่จำเป็นแน่นอน เพราะนอกจากจะส่งผลถึงความสะดวกสบายในการเดินทางแล้วยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยตามมาอีกด้วยเว้นเสียแต่ว่าคุณกำลังขับโกคาร์ทอยู่ในสนามที่ราบเรียบ
แม้ว่าระบบกันสะเทือนของรถยนต์สำหรับคนธรรมดาทั่วไปจะเป็นอะไรที่ดูซับซ้อนเข้าใจยากและไม่ได้มีหน้าตาสวยงามเหมือนงานออกแบบตัวถังภายนอกที่สะดุดตามากกว่าแต่ก็ถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญและจำเป็นต่อรถยนต์แค่ไหน และถ้าหากใครเคยก้มลงไปมองช่วงล่างรถตัวเองหรือรถคนอื่นก็ตามแล้วพบว่ามันช่างวุ่นวายและชวนมึนงงเราขอแนะนำให้เริ่มต้นใหม่ด้วยงานชิ้นนี้
ภาพยนตร์โฆษณานี้ใช้ชื่อว่า Over The Waves ถูกทำขึ้นเพื่อใช้โปรโมทระบบกันสะเทือนของรถยนต์เชฟโรเล็ตในปี 1938 โดยฝีมือของนาย Henry Jamison Handy ซึ่งถือเป็นหนึ่งในผู้นำของวงการภาพและเสียงเพื่อใช้ในการสื่อสารและโฆษณาแห่งยุค ได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาของระบบช่วงล่างอิสระแบบคอยล์สปริงในด้านหน้าในขณะที่ด้านหลังยังคงใช้สปริงแหนบเพื่อรับแรงสะเทือนอันเป็นรูปแบบที่สามารถพบเห็นได้ในรถกระบะในยุคปัจจุบันด้วยวิธีการที่เรียบง่ายให้คนทั่วไปพอเข้าใจในเบื้องต้น
จากภาพยนต์โฆษณาช่วงล่างของเชฟโรเล็ตแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของระบบกันสะเทือนด้วยการจำลองการเคลื่อนที่ของล้อเมื่อผ่านพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบโดยปราศจากระบบกันสะเทือนใด ๆ ด้วยเส้นที่แสดงให้เห็นถึงการกระโดดของล้อที่จะเพิ่มมากขึ้นตามความเร็ว
ดังนั้นเพื่อลดการกระโดดของล้อจึงได้มีการเพิ่มแผ่นสปริงแหนบเข้าไป ซึ่งหากใช้สปริงที่มีความนิ่มมากเท่าไรผลที่ได้คือล้อมีจังหวะยุบตัวมากขึ้นด้วยเช่นกันและเมื่อลองนำแพลตฟอร์มมาวางบนล้อทั้ง 4 ที่รองรับด้วยสปริงแหนบ
ผลที่ได้ก็จะยิ่งมีความซับซ้อนกว่าเดิมเพราะต้องใช้สปริงด้านหน้าที่มีความแข็งมากกว่าด้านหลังเพื่อรองรับเครื่องยนต์ทำให้สปริงแหนบที่ด้านหน้าจะยุบตัวมากกว่าในขณะที่ช่วงล่างด้านหลังยืดกลับรุนแรงและรวดเร็วกว่า เพื่อขจัดปัญหาดังกล่าวจึงมีการเปลี่ยนมาใช้ระบบกันสะเทือนแบบสวิงอาร์มคู่ขนานที่ยังคงรักษาตำแหน่งของล้อให้ตั้งตรงและสปริงแบบขดเพื่อรองรับแรงสะเทือนที่เกิดขึ้น
เมื่อล้อคู่หน้าและหลังมีค่าความแข็งที่เท่ากันแล้วส่งผลให้แพลตฟอร์มมีความสมดุลย์ขึ้นก็ตาม แต่ปัญหาคือระบบกันสะเทือนที่นุ่มจากการใช้สปริงแบบขดนั้นทำให้เกิดการยืด-ยุบตัวต่อเนื่องมากเกินไป ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการเพิ่มโช้คอัพซอร์เบอร์ (Shock Absorber) หรือที่เราเรียกกันว่า "โช้คอัพ" เพื่อหยุดการเต้นของสปริงในด้านหน้าและหลังจึงทำให้ล้อทั้ง 4 เคลื่อนที่ผ่านพื้นที่ได้อย่างราบเรียบมากขึ้น
ถึงภาพยนตร์โฆษณานี้จะดูล้าสมัยไปสักหน่อยแต่ถ้าหากจะทำให้เข้าใจการทำงานของระบบช่วงล่างได้ดีและง่ายขึ้นก็คงไม่ใช่เรื่องเสียหาย แต่อย่าลืมว่ามันผ่านมาตั้ง 77 ปีที่แล้วก็ต้องถือว่านี่เป็นอะไรที่สุดยอดมาก
world_id:561df7cb4d265acd2b8b4567
