ดัดแปลงกล่อง ECU อาจผิดกฎหมายลิขสิทธิ์
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก klimg และ sharkwerks
ขาโมดิฟายต้องลุ้น การดัดแปลงรหัสในกล่อง ECU ผิดกฎหมายลิขสิทธิ์แห่งยุคดิจิตอลหรือไม่ ?
ในยุคดิจิตอลที่เทคโนโลยีก้าวไปอย่างรวดเร็ว นอกจากเทคโนโลยีการติดต่อสื่อสารจะได้รับการพัฒนาแล้ว พาหนะในการเดินทางอย่างรถยนต์เองก็ได้รับอานิสงส์จากการพัฒนาครั้งนี้ด้วย โดยรถยนต์ในปัจจุบันมาพร้อมกับคอมพิวเตอร์แบบพิเศษที่ช่วยควบคุมการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าแต่ก่อนอย่างชัดเจน ซึ่งสิ่งนี้ส่งผลดีกับผู้ใช้งานรถยนต์ แต่คงไม่ส่งผลดีเท่าไรกับบรรดาผู้ประกอบการแต่งรถยนต์ เพราะเทคโนโลยีในรถยนต์ปัจจุบัน อาจทำให้มันถูกตีความให้เข้าข่ายอุปกรณ์ดิจิตอล ซึ่งอยู่ในการคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์และทำให้บรรดาขาโมดิฟายต้องเสี่ยงติดคุกกันเป็นแน่
องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรด้านอิเล็กทรอนิกส์ EFF รายงานว่า ปัจจุบัน กฎหมายลิขสิทธิ์แห่งสหัสวรรษดิจิตอลหรือ DMCA กำลังมีผลครอบคลุมไปถึงบรรดารหัสที่ใช้ในการสั่งอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์ประเภท ECU หรือสมองกลในรถยนต์ที่บรรดานักขับทั้งหลายนิยมเอาไปปรับแต่งค่าต่าง ๆ เพื่อให้รถมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างที่ต้องการ
บรรดาขาโมดิฟายทั้งหลายรู้ดีว่ากล่อง ECU ถือเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ในปัจจุบัน เพราะมันจะควบคุมการทำงานของระบบทุกอย่างภายในรถยนต์ตั้งแต่การปัดน้ำฝนไปจนถึงการจ่ายน้ำมันและระบบเบรกเลยทีเดียว และปัจจุบันก็มีการรับดัดแปลงกล่อง ECU กันอย่างเปิดเผยทั้งจากค่ายรถยนต์และอู่ตกแต่งรถ เพื่อให้มีสมรรถนะอย่างที่ต้องการ เช่น อยากได้กำลังเพิ่มสัก 10 แรงม้า หรือมีอัตราประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นสัก 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือเป็นประเด็นถกเถียงอยู่ว่าการเข้าถึงและดัดแปลงข้อมูลภายในของ ECU เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของค่ายรถยนต์หรือไม่
เขายังคาดการณ์อีกว่า ด้วยการพัฒนาของเทคโนโลยีจะทำให้ ECU มีบทบาทมากขึ้นในตลาดรถยนต์ โดยค่ายรถยนต์อาจเสนอขายแพ็กเกจดัดแปลงเพิ่มสมรรถนะมากขึ้น 40 แรงม้า ที่มาในรูปแฟลชไดรฟ์ หรืออู่รถยนต์ต่าง ๆ อาจปล่อยให้ดาวน์โหลดรหัสการทำงานผ่านอินเทอร์เน็ตก็เป็นได้
ในปัจจุบัน ค่ายรถยนต์ทั้งหลายยังคงเปิดเผยรูปแบบรหัสการตั้งค่าในกล่อง ECU เฉพาะกับบริษัทคู่ค้าเท่านั้น และหากมีการพิจารณาว่าการดัดแปลงการตั้งค่าในกล่องนั้นผิดกฎหมายลิขสิทธิ์จริง ๆ จะส่งผลให้บรรดาอู่รถยนต์ทั้งหลายจะถูกควบคุมโดยบริษัทรถยนต์รายใหญ่ ซึ่งมีสามารถมอบอำนาจในการดูแลการตั้งค่าเฉพาะกับบริษัทที่ได้รับอนุญาต ถือเป็นการผูกขาดทางการค้าอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หากเกิดกรณีการฟ้องร้องจากการดัดแปลงกล่อง ECU จริง ก็สามารถอ้างอิงจากกรณีของบริษัทผลิตเครื่องพิมพ์ชั้นนำอย่าง เล็กมาร์ก (Lexmark) ที่เคยเสนอให้มีการคุ้มครองระบบการพิมพ์ทั้งหมด รวมไปจนถึงรูปแบบติดตั้งชิปที่หัวพิมพ์และรหัสภายในชิปจากการดัดแปลงว่า ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากจะเป็นระบบที่เกี่ยวข้องกับการพิมพ์ จึงควรปล่อยให้สามารถพัฒนาดัดแปลงต่อไปได้ ดังนั้น จึงตีความได้ว่า การดัดแปลงกล่อง ECU ที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ในปัจจุบันยังสามารถทำได้
แม้ว่ากฎหมายจะอนุญาตให้ทำการดัดแปลงโปรแกรมภายในกล่องที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานของรถยนต์ แต่กฎหมายก็ยังมีช่องให้บริษัทรถยนต์เอาผิดได้อยู่ ด้วยการใส่โปรแกรมล็อกเพื่อป้องกันการเข้าถึงภายใน ซึ่งโปรแกรมดังกล่าวอยู่ในการคุ้มครองของกฎหมายลิขสิทธิ์ จึงทำให้นักดัดแปลงมือสมัครเล่นทั้งหลายเสี่ยงต่อการติดคุกติดตะรางอยู่ดี ซึ่งนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่อีกอย่างหนึ่งสำหรับนักโมดิฟาย
นายคิท วอล์ส เจ้าหน้าที่องค์กร EFF ซึ่งติดตามเรื่องนี้อยู่ กล่าวเปรียบเทียบทิ้งท้ายว่า “เมื่อคุณเปิดฝากระโปรงหน้ารถและต้องการดูเครื่องยนต์สักหน่อย ปรากฏว่ามันมีกล่องดำ ๆ ครอบอยู่อีกชั้นหนึ่ง โดยซึ่งทางบริษัทรถยนต์ไม่ได้ให้กุญแจไขกล่องนั้นกับคุณ ซึ่งไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”
แม้จะทราบได้แน่ชัดว่าการดัดแปลงกล่อง ECU จะไม่เข้าข่ายผิดกฎหมายลิขสิทธิ์ แต่การนำโปรแกรมป้องกันที่ได้รับการคุ้มครองไม่ให้มีการดัดแปลงครอบลงไปนั้น ก็ยังจำเป็นต้องผ่านการตีความกันต่อไปว่า สรุปแล้ว เรายังสามารถเข้าถึงกล่อง ECU ในรถยนต์ของพวกเราโดยถูกต้องตามกฎหมายได้หรือไม่ครับ
