x close

Ferrari Monza SP1 และ SP2 ปลุกจิตวิญญาณม้าลำพองคะนองสนาม

Ferrari Monza SP1 และ SP2 ม้าลำพองสอง 2 รุ่นพิเศษ ที่ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับรถแข่งของ Ferrari ยุครุ่งเรืองด้วยเวทมนตร์เครื่องยนต์ วี 12 สูบ จนครองสนามแข่ง หรือถ้าจะมองในแง่ร้ายว่า Ferrari Monza SP1 และ SP2 คือของเล่นราคาแพงจาก Ferrari ที่ช่วยผลาญเศษเงินจากกระเป๋ามหาเศรษฐี...มันก็ใช่แหละ

ทำไมต้อง Ferrari Monza SP1 และ SP2 เหตุผลอาจใกล้เคียงกับการที่ Ferrari 250 GTO ปี 1962 กลายเป็นรถยนต์ที่มีมูลค่าแพงสุดในโลกอะไรทำนองนั้น เพราะจิตวิญญาณของ Ferrari คือรถแข่ง รถแข่งที่มีเครื่องยนต์เป็นเลิศจนเกินกว่าที่คู่แข่งจะเอาชนะ Ferrari ด้วยเครื่องยนต์และนั่นคือสิ่งที่ทำให้ Ferrari มีชื่อเสียงมาจนถึงทุกวันนี้

Ferrari Monza SP1 และ SP2 รถสปอร์ตรุ่นพิเศษผลิตแบบจำกัดจำนวนจากแผนกพิเศษ Icona ของ Ferrari จึงเปรียบเสมือนตัวแทนความรุ่งโรจน์ของ Ferrari ในอดีต ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรถแข่งอย่าง Ferrari 166 MM (ย่อมาจากการแข่งขัน Mile Miglia) ปี 1948 รวมถึง Ferrari 750 Monza และ 860 Monza (Monza ก็ชื่อสนามแข่งในอิตาลีอีกนั่นแหละ) ซึ่งทั้งหมดเป็นรถหลังคาเปิด มีบานประตูแบบ Barchetta (ประตูแบบไม่มีบานกระจกแทรกขึ้น-ลง) กระจกบังลมหน้าพับได้ หรือเตี้ยมากไว้กันลมปะทะแค่เล็กน้อย ทั้งหมดเพื่อลดน้ำหนักตัวรถให้ได้มากที่สุด

ส่วนดีไซน์อื่น ๆ ของ Ferrari Monza SP1 และ SP2 เน้นความเรียบลื่นของผิวตัวถังและลอนมัดกล้ามบริเวณซุ้มล้อ ตามสไตล์อิตาเลียน โครงสร้างเป็นวัสดุคอมโพสิต ระหว่างเคฟลาร์กับคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา พัฒนาบนบนพื้นฐานของ Ferrari 812 Superfast รถสปอร์ตตัวท็อปของค่าย โดย SP1 จะเป็นแบบที่นั่งเดี่ยว ขณะที่ SP2 จะเป็น 2 ที่นั่ง โดยจุดอื่น ๆ ของทั้งสองรุ่นไม่แตกต่างกัน จะเรียกว่าเป็นรถแข่งแบบ Speedster (ฮาร์ดคอร์กว่า Roadster) เต็มตัวเน้นทำความเร็วเป็นหลักเลยก็ได้

ทางด้านขุมพลังแน่นอนว่า เพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญาณของ Ferrari ที่แท้จริง Ferrari Monza SP1 และ SP2 จึงต้องเป็นเครื่องยนต์แบบ วี 12 สูบ วางกลางลำด้านหน้าเท่านั้น โดยมีความจุ 6.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 810 แรงม้า ที่ 8,500 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 719 นิวตันเมตร ซึ่งน้ำหนักตัวรถเปล่าอยู่ที่ 1,500 กก. (SP1) และ 1,520 กก. (SP2) ส่งผลให้  Ferrari Monza SP1 และ SP2 ไต่ระดับความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 2.9 วินาที และใช้เวลาต่ออีก 5 วินาที ก็จะถึง 200 กม./ชม. ส่วนความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 300 กม./ชม. เหลือเฝือสำหรับการขับในสนามแข่ง ซึ่งมีโอกาสน้อยมากที่ไปถึงความเร็วระดับนี้ เพราะส่วนใหญ่จะต้องเบรกเพราะเจอโค้งเสียก่อน

ทั้งนี้ชื่อเสียงของ Ferrari เกิดขึ้นหลังจากที่ทีม Scuderia Ferrari ได้แยกตัวออกมาจาก Alfa Romeo และได้สร้างรถของตัวเองในนาม Ferrari ซึ่งโด่งดังจากการแข่งขันด้วยเครื่องยนต์ วี 12 สูบ วางหน้า ที่สุดยอดจนยากที่คู่แข่งจะเอาชนะได้ด้วยพละกำลังเครื่องยนต์ เรียกว่าผูกขาดชัยชนะช่วงนั้นเลยก็ว่าได้

จนกระทั่งต่อมา Jaguar D-Type ต้องหันมาเล่นเรื่องแอโร่ไดนามิกและเทคนิคอย่างดิสก์เบรก ทำให้นักแข่งเบรกรถได้ช้ากว่ารถแข่งของ Ferrari ก่อนเข้าโค้ง จึงทำความเร็วได้มากกว่า (เนื่องจากเครื่องยนต์แรงไม่เท่า) หรือแม้แต่ Ford GT40 ที่ใช้แพลตฟอร์มเครื่องวางกลางลำ เพื่อความสมดุลและว่องไวในการเข้าโค้งจนเอาชนะ Ferrari ได้ในที่สุด

เมื่อเกมเปลี่ยนเวทมนตร์ของ Ferrari ในสนามจึงลดความขลังลง เพราะการแข่งขันไม่จำเป็นต้องเอาชนะกันที่เครื่องยนต์แบบที่ Ferrari ถนัด เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป ประมาณว่าชกใต้เข็มขัดเอาก็ได้ อีกทั้งยุคหลัง ๆ มามีลดจำนวนกระบอกสูบของรถแข่ง ความได้เปรียบ Ferrari จึงลดน้อยถอยลงและเซียนบางคนเชื่อว่า Enzo Ferrari ไม่มีแรงบันดาลใจที่จะต้องแข่งขันจริงจังเพื่ออะไรอีก หลังจากที่ Dino Ferrari ลูกชายเสียชีวิตในวัยเพียง 24 ปี ซึ่งมีส่วนในการพัฒนา Ferrari 750 Monza มาก

ดังนั้นถ้าพูดถึงจิตวิญญาณและศักดิ์ศรีในแบบ Ferrari คงไม่มีอะไรเหนือกว่ารถ Ferrari เครื่องยนต์ วี 12 สูบ วางกลางลำหน้าและยิ่งถ้าเป็นรถแข่งในอดีตที่รุ่งเรืองก็จะมีมูลค่าสูงดังเช่น Ferrari 250 GTO รวมถึงอีกหลายรุ่น ซึ่งมักมีไว้ชมมากกว่ามีไว้ขับ (ส่วนใหญ่ก็จะเอาไปขับอย่างงานที่ Goodwood) แต่ถ้าคิดจะขับบ่อย ๆ Ferrari Monza SP1 และ SP2 นับว่าเป็นเหตุผลดี ๆ ที่จะเจียดเงินเล็กน้อยให้กับ Ferrari แบบพังคาเท้าไปก็ไม่ต้องเสียดายนัก...แฮปปี้ทั้งสองฝ่าย

ภาพจาก Ferrari 

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Ferrari Monza SP1 และ SP2 ปลุกจิตวิญญาณม้าลำพองคะนองสนาม อัปเดตล่าสุด 27 กันยายน 2561 เวลา 12:58:58 10,835 อ่าน
TOP