MG E-Motion Concept สปอร์ตแนวคิดพลังไฟฟ้าในยุคที่เปลี่ยนไป

          MG E-Motion Concept รถสปอร์ตแนวคิดยุคใหม่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ซึ่งย้อนกลับไปสู่รากเดิมของแบรนด์ MG ในอดีต แต่จะช่วยเสริมภาพลักษณ์ได้ดีแค่ไหนเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

          MG หรือ Morris Garage แบรนด์เก่าแก่และโด่งดังในอดีตที่ประสบชะตากรรมแบบเดียวกับแบรนด์อื่น ๆ ของอังกฤษแทบจะทั้งหมด จนล่าสุดแบรนด์ MG มาตกอยู่กับกลุ่ม SAIC หรือ Shanghai Automotive Industry Corporation

          ซึ่งไทยเราเองทั้งผลิตและจำหน่ายโดย บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทย (บริษัทร่วมทุนระหว่าง SAIC และ CP) โดยมีจำหน่ายครบแทบทุกรุ่นยกเว้นรถครอสโอเวอร์อย่าง MG ZS ใหม่ เท่านั้น แต่ที่ MG ทั่วโลกยังขาดในตอนนี้คือรถสปอร์ตอันเคยเป็นจุดเด่นของแบรนด์และนี่อาจเป็นที่มาของรถแนวคิดอย่าง MG E-Motion Concept


          MG E-Motion Concept เผยโฉมครั้งแรกที่งาน เซี่ยงไฮ้ ออโต้ โชว์ ครั้งที่ 17 เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2560 ถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถสปอร์ตยุคใหม่ของ MG ในอนาคต ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า สำหรับลูกค้าหัวคิดทันสมัย ซึ่งปัจจุบัน MG ยังไม่มีรถประเภทนี้เลยทั้ง ๆ ที่เคยโด่งดังด้วยรถสปอร์ตมานาน ถ้าย้อนไปแบบไม่ต้องไกลนักก็ MGA, MGB และ MGB GT รถสปอร์ตขนาดเล็กน้ำหนักเบา ให้การขับขี่ที่สนุกสนานแบบไม่ต้องการกำลังเครื่องยนต์มหาศาล ยกเว้น MGB GT V8 ที่ MG จะเจาะตลาดอเมริกา (เลยจำเป็นต้องวางเครื่อง V8 ไม่อย่างนั้นลูกค้าอเมริกันไม่ซื้อเพราะไม่เอนจอยกับเครื่องเล็กแบบยุโรป) และนอกจากการเป็นรถสปอร์ต 2 ประตู ทรง GT แล้ว ดีไซน์ของ MG E-Motion Concept คือของใหม่ ไม่มีเค้าของ MG ในอดีตทิ้งไว้เลยเพราะไม่ใช่รถเรโทรสไตล์


          MG E-Motion Concept นั้นใช้ภาษาการออกแบบใหม่ฉีกไปจากเดิม โดยมีกระจังหน้าทรงเดียวกับ MG ยุคปัจจุบัน ลักษณะไฟหน้าได้แรงบันดาลใจมาจาก London Eye แลนด์มาร์กใหม่ของอังกฤษ (ถ้าจะให้ฟังดูอินเตอร์ก็อย่าตีความว่าเป็น “ชิงช้าสวรรค์” เพราะมันจะดูเป็นรายการประกวดเพลงลูกทุ่งไป) ซึ่งออกแบบให้เป็นทรงกลมมีเปลือกตาปิดไว้ครึ่งหนึ่งเหมือนกำลังง่วงนอน ส่วนแนวด้านข้างตัวรถชวนให้นึกถึงรถแบรนด์อังกฤษอย่าง Aston Martin


          แต่ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า MG E-Motion Concept ทำได้ไม่สง่าเท่า ทั้งนี้อาจเป็นความตั้งใจไม่ใช่ความผิดพลาดเพื่อให้พื้นที่ภายในกว้างขวาง ห้องโดยสารจึงเป็นแบบ Cab-forward อยู่มาก ทำให้หน้ารถไม่ยาวพอที่จะสมาร์ทแบบรถหน้ายาว Cab-rearward (เสียพื้นที่ภายใน) รวมถึง MG E-Motion Concept ก็เป็นรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า ไม่ต้องมีเครื่องยนต์จึงยอมแลกกับสัดส่วนอย่างที่รถสปอร์ต GT ควรจะเป็นไป ขณะที่เส้นแนวกระจกท้ายชวนให้นึกถึง Jaguar F-Type หากไม่มีไฟท้ายมาช่วยไว้


          อย่างไรก็ตามในส่วนของภายในห้องโดยสารแบบ 4 ที่นั่ง ของ MG E-Motion Concept ไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก ซึ่งในรถคันต้นแบบได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา ทันสมัย เข้า-ออกได้สะดวกด้วยบานประตูแบบ Scissor Door กางเฉียงออกไปทางด้านหน้าบนเหมือนแมลง และไม่ยากหากจะคาดเดาได้ว่ามีเนื้อที่กว้างขวางเหลือเฝือสำหรับการเดินทางเพราะต้องเจียดเนื้อที่ให้แค่วางแบตเตอรี่เท่านั้นอันเป็นข้อดีอีกประการของรถไฟฟ้า นอกจากนี้ MG E-Motion Concept ยังเพียบพร้อมด้วยระบบอินโฟเทนเมนต์แสนฉลาด สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกได้ตลอดเวลาด้วยอินเตอร์เน็ตสำหรับลูกค้าหนุ่ม-สาว


          ส่วนทางด้านขุมพลังนั้นทาง MG ยังไม่ได้ให้รายละเอียดไว้มากไปกว่าการเป็นรถขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน สามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาต่ำกว่า 4 วินาที เดินทางได้ระยะทางไกลกว่า 500 กม. ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง ซึ่งปัจจุบันไม่ใช่สเปคที่เป็นได้แค่จินตนาการเกินกว่าความจริงอีกแล้ว แม้ว่าตอนนี้ MG E-Motion Concept  จะเป็นเพียงรถแนวคิดก็ตาม


          ทั้งนี้ยังไม่มีกำหนดว่า MG E-Motion Concept จะกลายเป็นความจริงเมื่อไร หรือต้องรออีกนานแค่ไหน แต่ที่แน่ ๆ MG E-Motion Concept จะเป็นแนวทางของรถสปอร์ตยุคใหม่จาก MG ในอนาคตสำหรับลูกค้ายุคใหม่จริง ๆ ไม่ใช่ผู้โหยหาอดีต
 


ภาพ​และที่มา​จาก MG