ล่าสุดเว็บไซต์ thedetroitbureau.com รายงานว่า หน่วยงานดูแลความปลอดภัยบนทางหลวงของสหรัฐฯ (National Hightway Traffic Safety Administration) หรือ NHTSA ได้เปิดเผยถึงการตรวจสอบอุปกรณ์สำหรับถุงลมนิรภัยในส่วนของตัวจุดฉนวนเครื่องสร้างก๊าซ เพื่อทำให้ถุงลมพองตัวอย่าง Inflator อาจเสื่อมสภาพจากอายุการใช้งานที่ไม่ใช่ของ Takata ด้วย
โดยในกรณีนี้ NHTSA ได้ชี้เฉพาะไปถึงตัวอุปกรณ์อย่าง Inflator ที่อาจมีการเสื่อมสภาพกว่า 500,000 ตัว ซึ่งติดตั้งในรถรุ่นเก่าของ Chrysler Town and Country และ Kia Optima Sedan ที่ผลิตโดย ARC Automotive โดยในเคสนี้แตกต่างจากปัญหาของ Takata ที่เกิดจากด้านเทคนิค และขั้นตอนการผลิต
หากจะให้อธิบายการทำงานของ Inflator ที่ติดตั้งในถุงลมนิรภัยนั้น หลักการเดียวกับระเบิดระเบิด Claymores แรงอัดระเบิดจะพุ่งกระจายไปด้านหน้า (ระเบิดปรกติแรงอัดพุ่งรอบ 360 องศา) ซึ่งในกรณีของถุงลมนิรภัยการระเบิดของ Inflator จะเป็นการปล่อยก๊าซร้อนออกมาเพื่อให้ถุงลมนิรภัยตัวพองนั่นเอง
NHTSA ได้แสดงความกังวลต่อการเพิ่มจำนวนของรถยนต์ที่จะมีอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่อาจเสี่ยงต่อการเขย่า กระแทก หรือการเปลี่ยนแปลงของอุณภูมิที่เกิดขึ้นภายในรถ ซึ่งอาจกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการระเบิดของถุงลมนิรภัยขึ้น จากอายุการใช้งานที่ทำให้เสื่อมสภาพ
ไม่เพียงแต่ NHTSA ที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้ นาย Clarence Ditlow กรรมการผู้จัดการ แห่ง Center of Auto Safety ได้แสดงความกังวลในกรณีที่อาจจะเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจนี้ว่ามันไม่ควรจะเกิดขึ้นอีกอย่างกรณีของถุงลมนิรภัยที่ผลิตโดย Takata "ในกรณีรถยนต์เก่านั้นถุงลมนิรภัยดูจะให้คุณมากกว่าให้โทษ และยังไม่มีใคร หรือหน่วยงานใดแนะนำให้ตัดระบบการทำงานของถุงลมนิรภัยนี้ออกไปจากรถของคุณ" และ "คุณน่าจะมีโอกาสได้รับการปกป้องจากถุงลมนิรภัยมากกว่าการเอามันออกไป"
ในขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน หรือข้อสรุปว่าถุงลมนิรภัยในรถยนต์เก่าที่ผลิตโดย ARC Automotive จะเกิดปัญหาดังกล่าว รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นจะได้รับการเตือนด้วยมาตรการเดียวกันหรือไม่อย่างไร
หากสรุปตามกรณี Takata นั้นมีการจุดระเบิดที่รุนแรงเกินไปจนเป็นอันตราย ส่วนกรณีของถุงลมนิรภัยเก่าอื่น ๆ อาจระเบิดเองขณะขับรถ ทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาครับ
