x close

ห้องโดยสารสกปรก ส่งผลร้ายมากกว่าที่คุณคิด



ห้องโดยสารสกปรก ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพนะ (ยานยนต์)

          ห้องโดยสารรถยนต์เมื่อผ่านการใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ย่อมต้องมีสิ่งสกปรกเกิดขึ้น ทั้งบริเวณเบาะนั่ง คอนโซล แพงประตู ฯลฯ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเป็นหน้าที่โดยปกติเช่นกันที่เจ้าของรถจะต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

          แต่ถึงกระนั้นผู้ที่ใช้รถทุกวันจะให้มานั่งเช็ดถูทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ ก็คงไม่มีเวลา (บางท่านนาน ๆ กว่าจะล้างรถสักที) หรือแม้แต่พฤติกรรมของคนที่ไม่ใส่ใจรักษาความสะอาดปล่อยให้ฝุ่นจับหนาหรือมีกลิ่นอับ ท่านเหล่านั้น จะทราบหรือไม่ว่า...สิ่งสกปรกที่สัมผัสหรือที่เห็นอยู่รอบตัวในห้องโดยสารสามารถส่งผลเสียต่อสุภาพของผู้โดยสารมากกว่าที่คิด

          สิ่งสกปรกที่จะอยู่ในห้องโดยสารหลัก ๆ แล้วก็คือ "ฝุ่น" เกิดขึ้นได้ง่ายจากการเล็ดลอดมาทางระบบปรับอากาศ หรือแค่เพียงเปิดประตู หน้าต่าง ด้วยขนาดที่เล็กมาก ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่ฝุ่นจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในห้องโดยสาร และเจ้าฝุ่นที่ว่านี้ ไม่ได้มาแค่เพียงหนึ่งเดียว ยังพาเพื่อนตัวน้อย ๆ ติดสอยห้อยตามมาด้วย ท่านทั้งหลายพอจะเดาออกมั้ยครับว่าฝุ่นมากับใคร? ถ้ายังคิดไม่ออก บอกให้เลยก็ได้ว่า มากับ "ไรฝุ่น" ไงครับ...!!!


ตัวไรฝุ่น

          "ไรฝุ่น" มันคืออะไร? ใช่แล้ว มันคือสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง ดูจากชื่อแล้วไม่น่าจะมีพิษสงอะไร แต่ที่ไหนได้ สำหรับคนที่เป็นภูมิแพ้ มันคือของแสลงที่สุด ไรฝุ่นเป็นสัตว์ที่มีขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เป็นสัตว์จำพวกแมลงแต่มีลักษณะคล้ายกับแมงมุมเห็บ หมัด มีขา 8 ขา ขนาดของไรฝุ่นจะวัดได้ 1 ส่วน 100 ของความยาวที่เป็นนิ้ว ซึ่งเทียบแล้วคือเล็กกว่าหัวปากกาลูกลื่นที่จุดลงบนกระดาษเสียอีก อาหารของไรฝุ่น คือ เซลล์ผิวหนังของคนและสัตว์เลี้ยงที่หลุดลอกออกมา

          ผิวหนังของคนนั้นโดยทั่วไปจะหลุดลอกวันละประมาณ 1.5 กรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่มากพอที่จะเลี้ยงตัวไรฝุ่นให้เจริญเติบได้เป็นอย่างดี นอกจากอาหารที่ได้จากคน ไรฝุ่นยังอาศัยพวกใยผ้าและขนสัตว์กินเป็นอาหารได้ด้วย ไรฝุ่นมีตา หายใจทางผิวหนัง ไรฝุ่นชอบอยู่ในที่อุ่น ขึ้น และเต็มไปด้วยฝุ่นละออง เช่น หมอนที่นอน พรม และเฟอร์นิเจอร์ผ้า เป็นสถานที่เหมาะที่สุดสำหรับครอบครัวไรฝุ่น

          ภายในห้องโดยสาร วัสดุที่ทำจากผ้าไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่งกำมะหยี่ ผ้าบุแผงประตู เพดานห้องโดยสาร ฯลฯ จุดด่าง ๆ เหล่านี้ หากเราปล่อยให้มีสิ่งสกปรกสะสมมาก ๆ เช่น เส้นผม ขนสัตว์ เศษใบไม้ รถของเราก็จะกลายเป็นแหล่งเพาะเชื้อให้กับ "โรคภูมิแพ้" ไปโดยปริยาย

          โดยปกติแล้ว ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์มีหน้าที่ที่จะจดจำสิ่งแปลกปลอมที่จะทำร้ายร่างกายของเรา เช่นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส ฯลฯ โดยการสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นต่อสู้กับเชื้อโรค สำหรับโรคภูมิแพ้นั้น เป็นภาวะที่ภูมิของร่างกายมีปฏิกิริยากับโปรตีนหรือสารก่อภูมิแพ้ Allergen จากสิ่งแวดล้อม

          ซึ่งปกติจะไม่มีอันตรายสำหรับผู้ที่ไม่แพ้ หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นโรคที่เกิดจาก "ปฏิกิริยาภูมิไวเกินต่อสารก่อภูมิแพ้" ปฏิกิริยานี้เริ่มเมื่อเราได้รับสารก่อภูมิแพ้ก็จะเกิดการสร้างภูมิที่เรียกว่า IgE Antibody ตัว Antibody นี้จะกระตุ้น Mast Cell ให้มีการหลั่งสาร Histamin ขึ้นที่เนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ผิวหนัง ปอด จมูก ลำไส้ ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะ เช่น ลมพิษที่ผิวหนัง คัดจมูกแน่นหน้าอกเนื่องจากหอบหืดบางรายอาจจะรุนแรงถึงกับเสียชีวิตได้ ซึ่งสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นตัวแสบอันดับต้น ๆ มีที่มาจาก "ไรฝุ่น" นั่นเอง

          สำหรับคำถามที่ว่า "ไรฝุ่นทำให้เกิดภูมิแพ้ได้อย่างไร ?" คำตอบคือ คนที่แพ้ไรฝุ่น หมายถึงคนที่มีปฏิกิริยาต่อโปรตีนในตัวและในมูลของไรฝุ่นที่ตายแล้ว โปรตีนดังกล่าวจะมีผลเสียต่อทางเดินหายใจทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจอักเสบ และโรคหอบหืด อีกทั้งยังทำให้คนที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคผิวหนังอักเสบมีอาการของโรคมากขึ้น

          ซึ่งตัวไรฝุ่นที่ตายแล้วจะมีโปรตีนจำนวนมาก เมื่อเราสูดลมหายใจ หรือผิวหนังของเราสัมผัสกับตัวไรฝุ่นที่ตาย ร่างกายองเราก็จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นมา ภูมิต้านทานนี้จะปล่อยสารเคมี ซึ่งทำให้เกิดการบวมและการระคายเคืองของทางเดินหายใจตอนต้น นั่นก็คืออาการของโรคทางเดินหายใจอักเสบ และโรคหอบหืด ที่สำคัญคือ โรคภูมิแพ้สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้อีกด้วย



          วิธีที่จะป้องกันไรฝุ่นได้ในระดับหนึ่ง นอกเหนือจากการทำความสะอาดผิวสัมผัสต่าง ๆ ในห้องโดยสารแล้ว ยังต้องทำความสะอาดดูแลรักษาระบบปรับอากาศในรถยนต์ด้วย โดยเฉพาะตู้แอร์ ที่ใครหลายคนบอกว่า "มันคือแหล่งซ่องสุมเชื้อโรค" ไรฝุ่น เชื้อรา แบคทีเรีย ยุ่บยั่บไปหมด

          บริการคาร์แคร์ต่าง ๆ หรือร้านแอร์จึงต้องมีบริการล้างตู้แอร์และฆ่าเชื้อโรคเหล่นี้ ปีละ 1 ครั้งก็ยังดี เพราะฝุ่นจากภายนอกจะเข้ามาในระบบปรับอากาศทุกครั้งที่เปิดแอร์ เมื่อฝุ่นละอองมาเกาะอยู่ตามแผงคอยล์เย็นในตู้แอร์ ทุกครั้งที่เปิดแอร์ ลมก็จะพัดเอาฝุ่นเล็ก ๆ เข้ามาในตัวรถ ยิ่งนั่งอยู่ในรถนาน ๆ ก็ยิ่งสุดฝุ่นสะสมเข้าไปในร่างกายมากขึ้น รวมทั้งสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ก่อให้เกิดกลิ่นอับ โรคภูมิแพ้หวัดเรื้อรัง

          เชื้อราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบความชื้นเป็นพิเศษ วันไหนรถเจอน้ำเจอฝน ลืมปิดกระจก รถมีรอยรั่วซึมจนน้ำเล็ดลอดเข้ามาสร้างความชื้นสะสมได้ หรือการขับรถลุยน้ำ ก็จะต้องโดนความชื้น และตามมาด้วยเชื้อราถ้าไม่รับทำความสะอาด

          การกำจัดเชื้อราสำหรับพื้นที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่ยากอะไร ไล่ความชื้นตากแดดปล่อยให้ลมโกรกหลังทำความสะอาด เท่านี้ก็ไล่เจ้าตัวร้ายไปได้ แต่ถ้าเป็นในห้องโดยสารรถยนต์ที่มีซอกมุม ต้องถอดรื้อออกมาทำความสะอาดกันยกใหญ่

          ยิ่งในกรณีของรถที่ได้รับความชื้นนาน ๆ อาจมีเชื้อราขึ้นตามเบาะ เพดานหลังคา พรมปูพื้น ช่องเก็บของท้ายรถ วัสดุหุ้มพวงมาลัย คอนโซล และที่มองไม่เห็นคือในระบบปรับอากาศ วิธีกำจัดเชื้อราในรถยนต์ที่จะนำมาบอกกล่าวกินในวันนี้ คือ การใช้น้ำส้มสายชูกลั่นชนิดใสไม่มีสี (อย่าใช้น้ำส้มสายชูกลั่นชนิดใสไม่มีสี (อย่าใช้น้ำส้มสายชูปลอม) ซึ่งมีกรดอะซิดิกหรือกรดน้ำส้มประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ นำมาใส่ในกระบอกฉีดพ่นละอองน้ำที่สะอาดจอดรถในที่โล่งห่างไกลคน และมีการระบายอากาศที่ดีเปิดประตูออกทั้งหมด



          ขณะทำความสะอาดให้สวมหน้ากากกันฝุ่นชนิดที่กรองสปอร์ของเชื้อรา ฉีดพ่นสเปรย์น้ำส้มสายชูไปตามบริเวณที่มีราขึ้นภายในรถ ฉีดให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ ต้องระวังอย่าสูดดม หรือให้ปลิวเข้าตา ความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูจะฆ่าเชื้อรา และจะระเหยหมดไปเองโดยไม่มีสารตกค้าง เมื่อระเหยหมดแล้วอาจฉีดสเปรย์ซ้ำอีกรอบเพื่อให้มั่นใจว่าฆ่าเชื้อราได้อย่างสิ้นซาก!!! ถ้าเห็นว่ามีคราบเชื้อราที่ตายแล้วติดอยู่ตามพื้นผิวก็ใช้ผ้าชุบน้ำยาทำความสะอาดเช็ดออกและทิ้งผ้านั้นไป ถ้าเป็นเผ้ากำมะหยี่อาจต้องใช้แปรงพลาสติคขัดและใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก ควรสวมหน้ากากกันฝุ่นตลอดเวลา เพราะเศษซากของเชื้อราที่ตายแล้วถ้าหายใจเข้าไปก็อาจทำให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้

          หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วงแรกนี้ให้หมั่นตรวจสอบว่ามีความชื้น หรือเชื้อราเกิดขึ้นที่อื่นที่มองไม่เห็นหรือไม่ เพราะความชื้นจะค่อย ๆ ออกมา เชื้อราจะใช้เวลา 24-50 ชั่วโมงในการเจริญเติบโต ถ้าขึ้นอีกให้ทำซ้ำในวิธีการเดิม ในช่วงนี้อาจจะต้องนำรถไปจอดตากแดดเพื่อไล่ความชื้นอาจใช้ไดร์เป่าผมช่วยเป่าอีกแรง สำหรับการทำความสะอาดวัสดุที่ผิวแข็ง

          สุดท้ายสิ่งสกปรกในรถยนต์ ใช้ว่าจะมีเพียงแต่ตาเห็น! หรือมองไม่เห็นใช่จะหมายความว่าไม่มี ทางที่ดีป้องกันไว้ หมั่นทำความสะอาดภายในห้องโดยสาร อย่าให้ความสำคัญกับความสวยงามภายนอกเพียงอย่างเดียวเพราะมันอาจหมายความถึงโรคหรืออาการทรมานไม่มีที่สิ้นสุด

          ทั้งหมดที่ว่ามาหากขี้เกียจ ไม่มีอารมณ์ หรือไม่มีเวลา คงต้องพึ่งศูนย์บริการด้านคาร์แคร์แล้วล่ะครับ



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือยานยนต์
ปีที่ 46 เล่มที่ 577 มิถุนายน 2557

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ห้องโดยสารสกปรก ส่งผลร้ายมากกว่าที่คุณคิด อัปเดตล่าสุด 4 กรกฎาคม 2557 เวลา 09:49:28 12,602 อ่าน
TOP