มินิ คูเปอร์ 2021 ยกทัพปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ทั้งตระกูล กับราคาเริ่มต้น 2.18 ล้านบาท

มินิ คูเปอร์ 2021 ปรับโฉมใหม่ในรุ่น มินิ แฮตช์ 3 ประตู และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล เปิดประทุน รวมถึงเพิ่มสีใหม่ MINI Yours Enigmatic Black metallic บนตัว มินิ คูเปอร์ เอสอี รถ EV คันแรกของทางค่าย 

มินิ ประเทศไทย ปรับทัพใหญ่เปิดตัวรถยนต์ MINI โฉมใหม่ในทุกรุ่นย่อยมาแบบครบทุกตัวถังทั้ง มินิ แฮตช์ 3 ประตู (MINI Hatch 3 door), มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล เปิดประทุน (MINI Convertible), มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ แฮตช์ 3 ประตู (MINI Johncooper Works Hatch 3 door) และมินิ คูเปอร์ เอสอี (MINI Cooper SE) เผยดีไซน์การออกแบบที่สะท้อนตัวตนความเป็นมินิอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นสีตัวถังใหม่ ล้ออัลลอยน้ำหนักเบา วัสดุบุพื้นผิวและเบาะภายในห้องโดยสาร รวมถึงเทคโนโลยีนวัตกรรมอื่น ๆ ทั้งระบบปฏิบัติการและระบบการเชื่อมต่อต่าง ๆ

ในส่วนรูปลักษณ์ภายนอกของ MINI รุ่นไมเนอร์เชนจ์ใหม่ ปี 2021 ทั้งมินิ แฮตช์ 3 ประตู มินิ คูเปอร์ เอสอี และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล ยังคงถูกออกแบบในสไตล์ที่เรียบง่ายแต่โดดเด่นและดูล้ำสมัย ในส่วนกระจังหน้าปรับดีไซน์ใหม่ให้ใหญ่ขึ้น มาในรูปทรงหกเหลี่ยมกรอบสีดำด้านใน ซึ่งเป็นตำแหน่งติดตั้งป้ายทะเบียนจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ ต่างจากรุ่นก่อนหน้าซึ่งเป็นสีดำ ขนาบข้างด้วยชุดไฟหน้า LED ทรงกลมแบบใหม่จากโคมที่เป็นโครเมียมในรุ่นก่อนหน้าปรับเปลี่ยนให้เป็นโคมสีดำ เพื่อให้ตัวรถดูทรงพลังมากขึ้น โดยไฟวงแหวนจะทำหน้าที่เป็นทั้งไฟส่องสว่างกลางวัน หรือไฟ DRL และเป็นไฟเลี้ยวในตัว 

ด้านมินิ คูเปอร์ เอส, มินิ คูเปอร์ เอสอี และ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ จะได้รับชุดไฟหน้าแบบ Adaptive LED ที่จะปรับตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย มาพร้อมระบบไฟส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light) และระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (Matrix high beam) โดยขณะเข้าโค้งจะเปิดไฟส่องตามทิศทางของรถอัตโนมัติ พร้อมควบคุมการทำงานของไฟสูงอัตโนมัติตามสภาวะการจราจรขณะขับขี่ที่ความเร็วมากกว่า 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป

ชุดไฟหรี่ที่ใต้กระจังหน้าบริเวณกันชนจะถูกแทนที่ด้วยช่องดักอากาศแนวตั้งที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์, ซุ้มล้อถูกออกแบบใหม่ให้ดูสะดุดตายิ่งขึ้น เข้าชุดกับกรอบไฟเลี้ยวด้านข้างมาในดีไซน์ใหม่พร้อมไฟเลี้ยว LED 

ล้ออัลลอยของ MINI รุ่นปรับโฉมใหม่นี้เป็นล้อที่เน้นน้ำหนักเบา โฉบเฉี่ยวกว่าเดิมด้วยลายใหม่ มาในขนาด 18 นิ้ว ลาย Pulse Spoke แบบสลับสี เสริมการดีไซน์ให้โดดเด่นสะกดสายตายิ่งขึ้น ส่วนในรุ่นมินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ จะเป็นล้ออัลลอยลาย Circuit Spoke สีดำ ขนาด 18 นิ้ว เช่นกัน 

ด้านท้ายชุดไฟตัดหมอกท้ายเป็นแบบ LED ทรงเรียวยาวที่ฝังไว้เป็นส่วนหนึ่งของกันชนหลัง ทำให้ดูโดดเด่นขึ้นมาอย่างชัดเจน ปิดท้ายด้วยไฟท้ายลายธงยูเนียนแจ็คของรถมินิอันเป็นเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร เป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับ มินิ แฮตช์ 3 ประตู และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล เปิดประทุน ลวดลายที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธงชาติอังกฤษนี้มาในโทนสีเข้มยิ่งขึ้น พร้อมระบบไฟ LED ทั้งหมด ยกเว้นเพียงไฟถอยจอด

การออกแบบภายในห้องโดยสารของมินิ แฮตช์ 3 ประตู และมินิ คอนเวิร์ตทิเบิล เปิดประทุน มีความหรูหราทันสมัยยิ่งขึ้น ตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง พร้อมแนวตะเข็บในสีเดียวกับลายเบาะแถบสีตกแต่ง ภายในห้องโดยสารมาในสีเดียวกับเบาะนั่งเป็นมาตรฐาน และยังลดการใช้ชิ้นส่วนโครเมียมลงอย่างมาก ช่องแอร์ทรงกลมทั้งสองข้างมาในกรอบสีดำ ขณะที่ช่องแอร์ตรงกลางรถได้รับการออกแบบใหม่ให้กลมกลืนกับพื้นผิวภายใน ซึ่งมาในชิ้นส่วนเดียวกันตลอดแนวจากคอนโซลไปจนถึงด้านหน้าคนขับ

แผงคอนโซลกลางมาในลุคพรีเมียมยิ่งขึ้น มาพร้อมจอระบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ปุ่มรายการโปรดระบบสัมผัส พื้นผิวสีดำเงา Piano Black ปุ่มควบคุมระบบเสียงและปุ่มไฟฉุกเฉิน รวมเป็นหนึ่งเดียวในแผงควบคุมทรงกลม ซึ่งล้อมรอบด้วยวงแหวนไฟ LED รับกับไฟสร้างบรรยากาศสลักลวดลายด้วยเลเซอร์ มอบลุคล้ำสมัยยิ่งขึ้น แป้นเปลี่ยนเกียร์มาในสีดำล้วน มาพร้อมระบบนำทาง 

ในส่วนพวงมาลัยของ มินิ แฮตช์ 3 ประตู และ มินิ คอนเวิร์ตทิเบิล เปิดประทุนรุ่นปรับโฉมใหม่ เป็นพวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้ดีไซน์สปอร์ตพร้อมปุ่มควบคุมมัลติฟังก์ชัน การจัดวางปุ่มต่าง ๆ ได้รับการออกแบบใหม่ให้ควบคุมระบบเสียง การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์และระบบการสั่งงานด้วยเสียง

ขณะที่ มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ รวมทั้งมินิ คูเปอร์ เอสอี และชุดแต่ง MINI Yours มาพร้อมพวงมาลัยหุ้มหนัง Nappa และแป้นพักนิ้วโป้งขนาดใหญ่ขึ้น หน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัลเต็มรูปแบบ ด้านหลังพวงมาลัยเป็นส่วนหนึ่งของระบบ Connected Media แสดงผลผ่านจอสีแบบดิจิทัลในดีไซน์หน้าจอสีดำ ซึ่งเป็นมาตรฐานสำหรับมินิ คูเปอร์ เอสอี ด้วยเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 นิ้ว แสดงข้อมูลการขับขี่รวมถึงข้อมูลการตรวจสภาพรถ และสถานะการชาร์จพลังงานไฟฟ้าสำหรับมินิ คูเปอร์ เอสอี

นอกจากนี้ MINI รุ่นปรับโฉมใหม่ มาพร้อมแผงหน้าจอที่เลือกได้สองโทนสี ครอบคลุมบริเวณหน้าจอแสดงผลและหน้าปัดมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัล โดยในโหมด “Lounge” ข้อมูลและภาพบนหน้าจอจะปรากฏในโทนสีฟ้า Turquoise ไปจนถึงสีฟ้า Petrol Blue ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย ในขณะที่โหมด “Sport” จะให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวายิ่งกว่า ด้วยสีพื้นหลังในโทนสีแดงและสีดำ Anthracite สำหรับรุ่นที่มาพร้อมระบบปรับโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes เฉดสีภายในรถจะเปลี่ยนไปตามโหมดการขับขี่ที่เลือก เช่น ในโหมด MID และ GREEN หน้าจอสไตล์ “Lounge” จะถูกเรียกใช้งาน เมื่อขับขี่ในโหมด “SPORT” หน้าจอและเฉดสีแบบสปอร์ตก็จะถูกเรียกใช้งานแทน นอกจากนี้ยังสามารถปรับโทนสีของทุกโหมดการขับขี่ MINI Driving Modes ผ่านเมนูควบคุมให้เป็นสีเดียวกันทั้งหมดได้อีกด้วย

ระบบควบคุมไฟในห้องโดยสารยังช่วยให้สีสันบนหน้าจอต่าง ๆ ภายในรถปรับให้เข้ากับไฟในห้องโดยสารได้ โดยมีให้เลือก 6 สี สำหรับแต่ละโหมด ทั้ง “Lounge” และ “Sport” ซึ่งสามารถเลือกใช้งานได้ด้วยสวิตช์ที่อยู่ด้านบนกรอบกระจกหน้ารถ ไฟสร้างบรรยากาศในสีที่เลือกจะสว่างขึ้นบริเวณกรอบวงแหวน LED ที่หน้าจอแสดงผล ด้านหลังพื้นผิวต่าง ๆ ภายในห้องโดยสาร ตลอดจนกรอบประตู มือจับประตูด้านคนขับและผู้โดยสาร หลังคา ด้านหน้าแผงคอนโซล รวมถึงที่วางเท้า จึงสามารถปรับแต่งโทนแสงไฟในห้องโดยสารของมินิ แฮตช์ 3 ประตู และมินิ คอนเวิร์ตทิเบิล ได้ตามความต้องการของผู้ขับขี่แต่ละคน นอกจากนี้ชุดไฟสร้างบรรยากาศยังส่องสว่างที่มือจับประตูและบริเวณประตูรถฝั่งคนขับและผู้โดยสารอีกด้วย

ระบบปฏิบัติการบนหน้าจอแสดงผลล้ำสมัยยิ่งกว่าเคย ด้วยหน้าจอแสดงผลแบบใหม่ และตัวเลือกการสั่งการและควบคุมฟังก์ชันภายในรถยนต์ ระบบเสียง ระบบรับสาย โทรศัพท์แบบแฮนด์ฟรี ระบบนำทาง และการสั่งการแอปฯ ต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น หน้าจอแสดงผลแสดงสัญลักษณ์และตัวอักษรสีขาวบนพื้นหลังสีใหม่ให้ความรู้สึกหรูหราและทันสมัยยิ่งขึ้น แถบเมนูปรากฏบนหน้าจอในรูปแบบไลฟ์วิดเจ็ต ซึ่งเรียกสั่งการได้ด้วยการปัดหน้าจอสัมผัส ซึ่งจะแสดงแถบเมนูแบบขยายใหญ่กลางหน้าจอ ส่งให้การแสดงผลบนหน้าจอชัดเจนโดดเด่นกว่าเคย

สำหรับรุ่น มินิ คูเปอร์ จะมากับขุมพลังเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ที่ให้พละกำลังรวมสูงสุด 100 กิโลวัตต์/136 แรงม้า ขณะที่ มินิ คูเปอร์ เอส และ มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร ส่งพละกำลังรวมสูงสุด 141 กิโลวัตต์/192 แรงม้า ซึ่งทั้ง 3 รุ่นนี้จะถูกส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 7 สปีด คลัตช์คู่ 

ด้านตัวแรง มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ ที่เป็นรุ่นสมรรถนะสูง ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ MINI TwinPower Turbo ความจุ 2.0 ลิตร ส่งต่อกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 สปีด จะมอบพละกำลังรวมสูงสุด 170 กิโลวัตต์/231 แรงม้า โดยรถยนต์ MINI ทุกรุ่นนั้นได้ผ่านมาตรฐานควบคุมมลพิษ Euro 6

ส่วน มินิ คูเปอร์ เอสอี ที่เป็นรถแนวรักษ์โลกที่ไม่ปล่อยมลพิษ ในด้านพละกำลังจะมากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่มอบพละกำลังรวมสูงสุด 135 กิโลวัตต์/184 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Single Stage มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาด 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งได้ไกลราว 203-234 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP

• มินิ คูเปอร์ แฮตช์ 3 ประตู ราคา 2,180,000 บาท

• มินิ คูเปอร์ เอส แฮตช์ 3 ประตู ราคา 2,880,000 บาท

• มินิ คูเปอร์ เอสอี ราคา 2,290,000 บาท

• มินิ คูเปอร์ เอสอี (สี MINI Yours Enigmatic Black metallic) ราคา 2,320,000 บาท

• มินิ คูเปอร์ คลับแมน ราคา 2,430,000 บาท

• มินิ คูเปอร์ เอส คลับแมน ราคา 3,230,000 บาท

• มินิ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ตทิเบิล ราคา 3,030,000 บาท

• มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ แฮตช์ 3 ประตู ราคา 3,418,000 บาท

• มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ คลับแมน ราคา 3,648,000 บาท

• มินิ จอห์น คูเปอร์ เวิร์กส์ คอนเวิร์ตทิเบิล ราคา 3,468,000 บาท

คงจะถูกอกถูกใจสาวก MINI ไม่มากก็น้อยสำหรับ มินิ คูเปอร์ 2021 รุ่นปรับโฉมใหม่นี้ อย่างไรก็ตาม รถขนาดเล็กดีไซน์หรูยังมีอีกหลายแบรนด์ให้เลือกไม่ว่าจะเป็น Volkswagen New Beetle หรือ Fiat 500 ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้ก็จัดเป็นรถไซซ์เล็กที่มีรูปร่างหน้าตาที่โดนใจหนุ่ม ๆ สาว ๆ มิใช่น้อย  

ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก mini.co.th