วิธีจอดรถเมื่อต้องจอดรถในห้างหรือริมทางเท้า แบบไหนไม่เสี่ยงอุบัติเหตุ

รวมหลักการเบื้องต้นในการจอดรถ วิธีจอดรถให้ปลอดภัย เทคนิคการจอดรถในห้าง และจอดรถข้างถนน หรือ จอดรถริมทางเท้า แบบไหนที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุกับรถของคุณ และไม่เดือดร้อนคนอื่นอีกด้วย

สำหรับคนใช้รถแล้ว นอกจากต้องระมัดระวังในเวลาขับขี่อยู่บนท้องถนน การ จอดรถ ถือเป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจเช่นกัน เพราะปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทั้งวิธีจอดรถ ลักษณะการจอดรถ หรือสถานที่ที่จอดรถ ล้วนแล้วแต่ส่งผลต่อความปลอดภัยทั้งสิ้น การจอดรถไม่ถูกวิธี และไม่เหมาะสมกับสถานที่ อาจเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุได้

ฉะนั้น ลองมาดูเทคนิคการจอดรถอย่างถูกวิธีในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งการจอดรถในห้าง หรือการจอดรถข้างถนน เพื่อความปลอดภัย และเพื่อไม่ให้กีดขวางช่องทางจราจร ซึ่งจะสามารถช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายทั้งต่อรถของเราเองและต่อผู้อื่นด้วย

การจอดรถในลานจอดรถในห้าง ในอาคารสำนักงาน หรือตามสถานที่ต่าง ๆ ควรจอดรถให้อยู่ภายในช่องที่กำหนดไว้ โดยจอดขนานกับเส้นที่กำหนด และกะระยะห่างจากเส้นให้เหมาะสม เพื่อให้รถอยู่กึ่งกลางของช่องจอดรถ ไม่จอดรถชิดไปด้านใดด้านหนึ่ง ชิดด้านท้าย หรือล้ำไปด้านหน้ามากเกินไป พร้อมพับกระจกข้าง จะช่วยเพิ่มพื้นที่ให้รถคันอื่นสามารถขับผ่านหรือเข้าจอดได้สะดวก และควรเลื่อนคันเกียร์ไปไว้ที่ตำแหน่ง P เพื่อป้องกันรถเลื่อนไปชนรถคันอื่น

หากมีความจำเป็นที่ต้องจอดรถกีดขวางช่องทางรถคันอื่น หรือต้องจอดซ้อนคัน ให้หมุนล้อตรง และอย่าจอดใกล้รถคันอื่นมากเกินไป และที่สำคัญให้ปลดเกียร์ว่าง หรือเลื่อนคันเกียร์ไปไว้ที่ตำแหน่ง N ไม่ดึงเบรกมือ เพื่อให้รถสามารถเข็นได้

กรณีจอดรถบนช่องทางเดินรถ ควรจอดรถบริเวณด้านซ้ายของทางเดินรถ โดยให้ด้านซ้ายของรถชิดและขนานกับขอบหรือไหล่ทางในระยะไม่เกิน 25 เซนติเมตร ในลักษณะที่ไม่กีดขวางช่องทางจราจร ไม่จอดรถในบริเวณที่ห้ามจอด เช่น บนทางเท้า บนสะพาน ในอุโมงค์ บริเวณทางร่วมทางแยก เป็นต้น เพราะนอกจากจะเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย

เมื่อรถเสียบนทางเดินรถ ควรให้สัญญาณการจอดรถโดยเปิดไฟฉุกเฉิน นำกรวย ป้ายสะท้อนแสง กิ่งไม้ หรือวัสดุอื่นมาวางให้ห่างจากรถในระยะไม่ต่ำกว่า 50 เมตร เพื่อเตือนให้ผู้ขับรถคันอื่นทราบว่ามีรถจอดเสีย จะได้เพิ่มความระมัดระวังและเปลี่ยนช่องทางเดินรถได้ทัน โดยจอดให้ชิดริมไหล่ทางในลักษณะที่ไม่กีดขวางช่องทางการจราจร จากนั้นให้พยายามนำรถออกให้พ้นช่องทางเดินรถโดยเร็วที่สุด เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ

การจอดรถบนทางลาดชัน ควรจอดรถให้ชิดขอบทางเท้า หรือกำแพงให้มากที่สุด โดยหมุนพวงมาลัยให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางขอบทาง หากรถเคลื่อนที่จะได้ไม่ไหลไปกีดขวางช่องทางจราจร กรณีเป็นทางลาดชันที่ไม่มีขอบทางเท้า หรือกำแพง ควรหมุนพวงมาลัยให้ล้อหน้าเลี้ยวไปทางด้านตรงข้ามกับถนน หากรถเคลื่อนที่จะได้ไม่ไหลไปกีดขวางช่องทางจราจร และที่สำคัญหลังจากดับเครื่องยนต์ให้ดึงเบรกมือขึ้นจนสุด เลื่อนเกียร์ไปยังตำแหน่งถอยหลังสำหรับรถเกียร์ธรรมดา และตำแหน่ง P สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ เพื่อป้องกันไม่ให้รถเคลื่อนตัว รวมถึงนำก้อนหิน ขอนไม้ หรือวัสดุที่แข็งแรงมารองหลังล้อรถ จะช่วยให้จอดรถได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น

• หัวมุมถนน ทางโค้ง หรือทางแคบ ไม่ควรจอดรถบริเวณหัวมุม ทางโค้ง หรือทางแคบ เพราะมีพื้นที่จำกัด อีกทั้งยังกีดขวางช่องทางจราจร ทำให้รถคันอื่นขับผ่านไม่สะดวก ส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนได้

• ทางร่วมทางแยก ไม่ควรจอดรถบริเวณทางร่วมทางแยก เนื่องจากการจอดรถแบบนี้จะทำให้มุมเลี้ยวรถแคบลง ซึ่งอาจทำให้รถไม่สามารถเลี้ยวสวนกันได้

• บริเวณที่มืด ไม่ควรจอดรถบริเวณที่มืด หรือแสงสว่างไม่พอ เพราะรถคันอื่น ๆ ที่ผ่านไปมาอาจจะมองไม่เห็นหรือไม่ทันระวังจนทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะรถดำหรือสีเข้ม แถมยังเสี่ยงต่อการถูกโจรกรรมอีกด้วย

• ใกล้ป้ายรถเมล์ ไม่ควรจอดรถบริเวณป้ายรถเมล์ หรือใกล้ ๆ ป้ายรถเมล์ เพราะจะทำให้รถเมล์เข้าจอดป้ายไม่ได้ และต้องจอดรับ-ส่งคนกลางถนน ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และทำให้การจราจรติดขัด โดย พ.ร.บ.จราจรฯ ระบุไว้ว่า ห้ามจอดรถบริเวณก่อนถึงป้ายหยุดรถประจำทางเป็นระยะทาง 10 เมตร และหลังป้ายเป็นระยะทาง 3 เมตร

และทั้งหมดนี้ก็คือเทคนิคการจอดรถอย่างถูกวิธี ที่จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และเพิ่มความปลอดภัยให้กับคุณ อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะจอดรถได้ถูกถูกวิธี และปลอดภัยแล้ว สิ่งสำคัญที่ผู้ใช้รถทุกคนจะขาดไม่ได้ก็คือ การมีมารยาท และมีน้ำใจ รวมถึงเคารพสิทธิ์ผู้อื่น ก็จะทำให้ไม่เกิดปัญหาหรือดราม่าเรื่องที่จอดรถตามมาอย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, ridebuster.com, cosmenet.in.th