All-new Toyota RAV4 ปี 2018 กับดีไซน์ภายนอกที่เปลี่ยนไปมาก จากรุ่นก่อนหน้าซึ่งเกือบจะเป็น Smooth Body คลีน ๆ กลายเป็นรถครอสโอเวอร์ทรงเหลี่ยมสัน พื้นผิวตัวถังมีความซับซ้อนเล่นกับแสงเงาและคมขึ้น มีเอกลักษณ์ เป็นตัวของตัวเอง แตกต่างจากรถครอสโอเวอร์คันอื่นในระดับเดียวกันอย่างชัดเจน ส่วนขนาดตัวถังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปนัก แต่มีฐานล้อยาวขึ้น 30.5 มม. กว้างขึ้น 10 มม. โดยประมาณ
ขณะที่ภายใน All-new Toyota RAV4 ปี 2018 ถูกออกแบบให้เข้ากับภายนอก ให้ความรู้สึกแข็งแกร่งด้วยเส้นสายแนวนอนและรูปทรงเรขาคณิตหักมุม รวมถึงในแต่ละรุ่นย่อยจะมีการตกแต่งที่ต่างกันตามบุคลิก หมายความว่าการเลือกรุ่นย่อยของ All-new Toyota RAV4 ปี 2018 จะอยู่ที่สไตล์มากกว่าเน้นไปที่ราคาหรือการแบ่งเป็นรุ่นล่างสุดหรือรุ่นสูงสุด (เทคนิคการซอยรุ่นย่อยคล้ายรถยุโรปบางแบรนด์)
นอกจากนี้จุดขายของ All-new Toyota RAV4 ปี 2018 ไม่ใช่แค่เพียงภายในและภายนอกที่เปลี่ยนใหม่หมด แต่ All-new Toyota RAV4 ปี 2018 ที่ใช้แพลตฟอร์ม TNGA ยังให้การการบังคับควบคุม (Handling) และความสบาย (Ride Quality) ได้ลงตัวมั่นใจเป็นธรรมชาติโดยอาศัยหลักวิศวกรรมพื้นฐาน
คือให้การตอบสนองมั่นใจอย่างที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติด้วยการออกแบบแพลตฟอร์มให้แข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะให้ฟีลลิ่งแตกต่างจากรถที่นำเอาระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ช่วยปรุงแต่งเสียจนเกิดความรู้สึกปลอม อย่างรถหรูราคาแพงที่มีระบบ Body Control จนเลี้ยวแล้วแทบไม่เอียงเลย ถึงจะช่วยให้การควบคุมดี นุ่มนวล น่าทึ่ง แต่ต้องแลกกับการตอบสนองที่ผิดธรรมชาติไปบ้าง อันนี้ก็แล้วแต่ Purpose ของผู้ผลิต ซึ่งอาจอิงจากความต้องการของกลุ่มเป้าหมายก็ได้ ไม่ใช่ความผิดพลาดแล้วแต่ความชอบ
แต่ถึงอย่างไร All-new Toyota RAV4 ปี 2018 ก็ติดตั้งระบบ Dynamic Torque Vectoring เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น All-Wheel Drive (AWD) เป็นครั้งแรก ซึ่งสามารถส่งแรงบิด 50 เปอร์เซ็นต์จากเครื่องยนต์ไปยังล้อได้ อีกทั้งยังกระจายแรงบิดไปที่ล้อ “ซ้าย” หรือ “ขวา” เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับควบคุม (รุ่นก่อนมีแค่ Dynamic Torque Control กระจายแรงบิดล้อหน้า-หลัง) และในสถานการณ์ที่ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ระบบ AWD เช่น เมื่อวิ่งทางไกลยาว ๆ ระบบจะตัดการส่งแรงบิดไปล้อหลังเพื่อความประหยัด
ส่วนขุมพลังของ All-new Toyota RAV4 ปี 2018 จะมี 2 ทางเลือก (ในอเมริกา) ได้แก่
- เครื่องยนต์ Dynamic Force แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ลิตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Direct-Shift 8 สปีด ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน
- เครื่องยนต์ Dynamic Force แบบ 4 สูบ ขนาด 2.5 ร่วมกับระบบ Hybrid System II (THS II) จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ EVCT ในรุ่นไฮบริด
- ระบบป้องกันการชนวัตถุและคนเดินถนนด้านหน้า (Pre-Collision System with Pedestrian Detection) ช่วยป้องกันการชนรถยนต์ คนเดินถนนและจักรยาน ในเวลากลางวัน (หรือมีแสงน้อย) โดยระบบจะแจ้งเตือนผู้ขับขี่ด้วยเสียงและภาพ ถ้าหากผู้ขับขี่เพิกเฉยจะทำการเบรกอัตโนมัติเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
- ระบบควบคุมความเร็วแบบไดนามิกด้วยเรดาร์ (Full-Speed Range Dynamic Radar Cruise Control) เฉพาะถนนไฮเวย์เท่านั้น โดยระบบควบคุมความเร็วได้ระหว่าง 0-177 กม./ชม. ลดความเร็ว (จนถึงหยุดอยู่กับที่) เร่งความเร็วตามรถคันหน้าพร้อมเว้นระยะห่างได้ที่ความเร็วต่ำ
- ระบบแจ้งเตือนและช่วยรักษาช่องทางจราจร (Lane Departure Alert with Steering Assist) เมื่อรถออกนอกช่องทางจราจรระบบจะทำการเตือนด้วยเสียงและภาพ ในกรณีที่ผู้ขับขี่ไม่ตอบสนองระบบจะค่อย ๆ ควบคุมพวงมาลัยเพื่อป้องกันไม่ให้รถวิ่งออกนอกช่องทาง
- ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beam) ไฟสูงจะทำงานและหยุดทำงานอัตโนมัติตามสถานการณ์หรือเมื่อมีรถด้านหน้า
- ระบบช่วยบังคับรถให้อยู่ในช่องทางจราจรทั้งทางตรงและทางโค้ง (Lane Tracing Assist) – ระบบใหม่ใน TSS 2.0 ระบบที่ช่วยบังคับรถให้วิ่งอยู่ในช่องทางจราจรทั้งทางตรงและทางโค้ง รวมถึงกรณีที่กล้องไม่สามารถจับเส้นจราจรข้างหน้าได้ "ชั่วคราว" เช่น มีรถคันหน้าบังเส้นจราจร (ข้างหน้า) ซึ่งระบบจะตรวจจับการเคลื่อนที่ของรถคันหน้าร่วมกับเส้นจราจร (เท่าที่กล้องจับได้) แต่ผู้ขับขี่ต้องวางมือบนพวงมาลัยพร้อมควบคุมอยู่ตลอดเวลาและสามารถเปิด-ปิดระบบ Lane Tracing Assist ได้
- ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร (Road Sign Assist) - ระบบใหม่ใน TSS 2.0 ระบบจะแจ้งเตือนป้ายจราจรบนจอ MID พร้อมเสียงให้ผู้ขับขี่รับทราบ เช่น ป้ายหยุด, ห้ามเข้า หรือจำกัดความเร็ว
โดย All-new Toyota RAV4 ปี 2018 จะเริ่มวางจำหน่ายรุ่นเครื่องยนต์เบนซินในสหรัฐฯ ช่วงปลายปี 2018 ส่วนรุ่นไฮบริดจะตามมาภายหลังประมาณต้นปี 2019 ขณะที่ไทยไม่รู้จะมีโอกาสได้กลับมาอีกหรือไม่ เพราะตกม้าตายตั้งแต่ยุคแรก เนื่องจาก Toyota มองเทรนด์รถครอสโอเวอร์ไม่ขาดเท่า Honda CR-V ซึ่งเข้าใจว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต้องการแค่ความอเนกประสงค์แบบ SUV ขนาดกะทัดรัด เน้นใช้งานในเมือง แต่ไม่ได้ต้องการรถขับ 4 ล้อ ที่ลุยได้อย่างที่ Toyota RAV4 คิดว่าลูกค้าอยากได้ แถมคับแคบเกินไปและเก๋ไก๋น้อยกว่า เลยต้องปล่อยให้ Honda CR-V ครองตลาดในไทยยาวมาถึงตอนนี้
ภาพจาก Toyota