10 อันดับรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ไกลมากที่สุดปี 2018

          รถครอสโอเวอร์ไฟฟ้าจากเกาหลีรุ่นนี้เปิดตัวในไทยและมีจำหน่ายแล้วเรียบร้อย โดยเปิดราคาไว้ที่ 2.297 ล้านบาท โดยเคลมว่าวิ่งได้ระยะทางไกลสูงสุดถึง 250 กม. แต่สำหรับในอเมริกาที่วัดโดยมาตรฐานของ EPA รถคันนี้วิ่งได้ไกลสุด 178 กม./ชาร์จ


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : ระยอง

          ราคาเริ่มต้น 33,950 ดอลลาร์ (1.06 ล้านบาท)

9. Ford Focus Electric 2018 ระยะทางวิ่งสูงสุด 185 กิโลเมตร

          ดูเผิน ๆ แล้ว Ford Focus Electric 2018 หน้าตาไม่ต่างจาก Ford Focus โฉมปัจจุบันในไทย แค่เปลี่ยนขุมพลังขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า 107 กิโลวัตต์ และแบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 35 กิโลวัตต์-ชั่วโมง


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : ระยอง

          ราคาเริ่มต้น 29,120 ดอลลาร์ (9.13 แสนบาท)

8. BMW i3 (94h) 2018 ระยะทางวิ่งสูงสุด 199 กิโลเมตร

          รถไฟฟ้าหน้าตาน่ารักจากค่ายใบพัดฟ้า-ขาวนี้นอกจากจะดูคล่องตัวทันสมัยน่าใช้แล้ว (คันจริงน่าใช้มาก) มอเตอร์ไฟฟ้ายังให้กำลังสุดถึง 170 แรงม้า ขณะที่แรงบิดสูงสุดมากถึง 250 นิวตันเมตร และพร้อมให้เรียกใช้งานได้ในทันที ส่วนแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 33 กิโลวัตต์-ชั่วโมง


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : ชัยนาท

          ราคาเริ่มต้น 44,450 ดอลลาร์ (1.39 ล้านบาท)

7. Hyundai Ioniq Electric 2017 ระยะทางวิ่งสูงสุด 199 กิโลเมตร

          รถคันนี้เพิ่งถูกนำมาโชว์ตัวล่าสุดในไทยที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2017 ซึ่งหน้าตาเรียบง่ายไม่ต่างจากรถยนต์ปกติแต่ยังไม่มีกำหนดวางจำหน่าย ส่วนในอเมริกาขายมาสักพักแล้วมีให้เลือกหลากหลายทั้งไฮบริด, ปลั๊ก-อิน ไฮบริด และแบบไฟฟ้าล้วน โดยแบบไฟฟ้าล้วนให้กำลังสูงสุดที่ 118 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 295 นิวตันเมตร ใช้แบตเตอรี่แบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 28 กิโลวัตต์-ชั่วโมง


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : ชัยนาท

          ราคาเริ่มต้น 29,500 ดอลลาร์ (9.25 แสนบาท)

6. Volkswagen e-Golf 2017 ระยะทางวิ่งสูงสุด 201 กิโลเมตร

          นี่คือรถไฟฟ้าจากผู้ผลิตรถยนต์ที่หลายคนมองว่าเป็นส่วนสำคัญให้ทั่วโลกตื่นตัวกับปัญหามลพิษและหลายประเทศเริ่มผลักดันให้เข้าสู่ยุครถไฟฟ้าเร็วกว่ากำหนด เหมือนจะดีแต่เป็นเพราะเรื่องฉาวเกี่ยวกับการโกงค่าไอเสียเครื่องยนต์ดีเซลนั่นเอง แต่อย่างไรก็ตาม   Volkswagen e-Golf 2017 ก็เป็นรถที่คลีนเพราะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุด 134 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 290 นิวตันเมตร ส่วนแบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไอออน ขนาด 35.8 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่งผลให้ อี-กอล์ฟ วิ่งมาไกลแบบไร้มลพิษถึงอันดับที่ 6


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : ชัยนาท

          ราคาเริ่มต้น 30,495 ดอลลาร์ (9.56 แสนบาท)

5. Nissan Leaf 2018 ระยะทางวิ่งสูงสุด 243 กิโลเมตร

          รถยนต์ไฟฟ้าที่ครองตำแหน่งขายดีสุดในโลกไม่ใช่ Tesla แต่เป็น Nissan Leaf แม้ว่าดีไซน์จะไม่เร้าใจ หรือวิ่งได้ไม่ไวและไกลเท่า แต่ราคานั้นน่าคบหากว่ามาก อีกทั้ง Nissan Leaf 2018 ใหม่ ยังเพิ่มฟีเจอร์ทันสมัยมาให้ใช้งานกว่าเจเนอเรชั่นแรกที่หน้าตาประหลาดกว่า (คนอเมริกันส่วนใหญ่ไม่ชอบอะไรที่แหวกล้ำไปมาก ๆ มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว) นอกจากนี้ Nissan Leaf 2018 ใหม่ ยังให้กำลังสูงสุด 147 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร รวมถึงแบตเตอรี่ขนาด 40 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ขนาดใหญ่กว่าเดิม ทำให้วิ่งได้ไกลขึ้นด้วย


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : นครสวรรค์/จันทบุรี

          ราคาเริ่มต้น 30,495 ดอลลาร์ (9.56 แสนบาท)

4. Chevrolet Bolt EV 2018 ระยะทางวิ่งสูงสุด 383 กิโลเมตร

          สำหรับ Chevrolet Bolt EV ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า Long Range ราคามิตรภาพรุ่นแรกที่วางจำหน่ายในอเมริกา ด้วยระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 383 กิโลเมตร ด้วยแบตเตอรี่ขนาด 60 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร ยอดเยี่ยมไปเลย แต่ปัญหาเดียวคือราคาแพงกว่า Nissan Leaf 2018 ซึ่งถ้าไม่คิดว่าจะวิ่งไปไหนไกลนักก็ไม่จำเป็นต้องจ่ายแพง


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : พิษณุโลก/บุรีรัมย์

          ราคาเริ่มต้น 37,495 ดอลลาร์ (1.17 ล้านบาท)

3. Tesla Model X ระยะทางวิ่งสูงสุด 475 กิโลเมตร

          รถครอสโอเวอร์ เอสยูวี จาก Tesla คันนี้นอกจากจะเป็นรถที่ดูดีแล้วยังสามารถเลือกสั่งติดตั้งเบาะนั่งแบบ 2 แถว 5 ที่นั่ง หรือ 3 แถว 6-7 ที่นั่ง ก็ได้ อีกทั้งประตูหลังปีกนกก็ยังเป็นอะไรที่เว่อร์วังมากด้วย ทุกอย่างใน Tesla Model X ดูทันสมัยโมเดิร์นและยังวิ่งได้ไกลมาก สมรรถนะก็หายห่วง ดังนั้นหากถามถึงราคาก็ต้องทำใจล่วงหน้าไว้มาก ๆ หน่อย


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : สุโขทัย/สุรินทร์/ชุมพร/มหาสารคาม

          ราคาเริ่มต้น 119,000 ดอลลาร์ (3.73 ล้านบาท) ในรุ่น 75D

2. Tesla Model 3 ระยะทางวิ่งสูงสุด 354-498 กิโลเมตร

          รถยนต์ไฟฟ้าราคาซื้อหาได้คันแรกจาก Tesla แม้ว่าจะมาช้าไปเสียหน่อยแต่ก็มีมาให้จับจองเป็นเจ้าของแล้ว ทุกอย่างเหมือนจะดูดีแต่ก็ไม่ดีเสียทั้งหมด เพราะยอดจอง Tesla Model 3 นั้นโดนถล่มจากลูกค้าจน Tesla ก็ผลิตและส่งมอบไม่ทันกับความต้องการ จนหลายฝ่ายมองว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก


          อย่างไรก็ตาม Tesla Model 3 ไม่ใช่รถไฟฟ้าราคาถูกเลยหากเลือกยัดออปชั่นที่เตรียมเอาไว้ล่อตาล่อใจเข้าไปแบบไม่คิดชีวิต โดย Tesla Model 3 มี 2 รุ่นหลัก คือ Standard ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 50 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 354 กิโลเมตร กับรุ่น Long Range ที่มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 70 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดเกือบ 500 กิโลเมตร

          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : พิษณุโลก/บุรีรัมย์

          ราคาเริ่มต้น 35,000 ดอลลาร์ (1.09 ล้านบาท) ในรุ่น Standard

1. Tesla Model S ระยะทางวิ่งสูงสุด 416-540 กิโลเมตร

          Tesla Model S ที่หลายคนฝันถึง และเป็นรถยนต์ไฟฟ้าระยะทางวิ่งไกล (Long Range) ในแบบ Mass Production คันแรก แต่ไม่ Mass พอสำหรับคนทั่วไปที่จะซื้อหาได้ (แม้แต่ในต่างประเทศ) เพราะ Tesla Model S จัดว่าเป็นรถที่มีราคาแพงเกินเอื้อมใช้ได้ โดยรุ่นต่ำสุด P75D ราคาเริ่มต้นก็ปาเข้าไป 1 แสนดอลลาร์แล้ว (วิ่งได้ไกล 416 กิโลเมตร) และถ้าต้องการรุ่นสูงสุด P100D ที่มีอัตราเร่งไวออกนอกหน้าซูเปอร์คาร์และวิ่งได้ไกลสูงสุด 540 กิโลเมตร ต้องจ่ายเกือบ 200,000 ดอลลาร์


          จากกรุงเทพฯ วิ่งไปได้ไกลแค่ไหน : กาฬสินธุ์/ร้อยเอ็ด/เลย/ศรีสะเกษ/ยโสธร

          ราคาเริ่มต้น 100,000 ดอลลาร์ (3.13 ล้านบาท) โดยประมาณ ในรุ่น P75D

          อย่างไรก็ตามราคาทั้งหมดยังไม่ได้หักส่วนลดจากทางรัฐ (เยอะพอสมควร) เพื่อสนับสนุนให้คนหันมาใช้รถยนต์ไร้มลพิษมากขึ้น เพราะปัจจุบันรถยนต์ไฟฟ้ายังถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงโดยเฉพาะแบตเตอรี่ แต่อนาคตข้างหน้าคาดว่าจะมีราคาที่ถูกลงแน่นอนและที่สำคัญน่าจะวิ่งได้ไกลกว่าตอนนี้มาก ส่วนการเปรียบเทียบระยะทางวิ่งจากกรุงเทพฯ ไปถึงที่ต่าง ๆ นั้นแค่พอให้เห็นภาพ ไม่ใช่การวิ่งบนสภาพการจราจรจริงเพราะมีตัวแปรที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าวิ่งได้ระยะทางน้อยลงเข้ามาเกี่ยวเยอะมาก เป็นต้นว่าความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง แม้แต่สภาพอากาศ ล้วนมีผลทั้งสิ้น

ภาพจาก : Kia, Ford, BMW, Hyundai, Volkswagen, Nissan, Chevrolet และ Tesla