บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว นิสสัน ลีฟ 2018 ใหม่ (Nissan Leaf 2018 ) ใหม่ เจเนอเรชั่น 2 ของรถไฟฟ้าขายดีที่สุดในโลกครั้งแรกในไทยที่งาน Motor Expo 2017 วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน 2560 (รอบสื่อมวลชน) เพื่อเป็นการยืนยันอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้นว่าคนไทยจะได้มีโอกาสสัมผัสกับรถไฟฟ้า (BEV) อย่าง Nissan Leaf 2018 ใหม่ เร็ว ๆ นี้แน่นอน แต่จะเร็วแค่ไหนยังเป็นปริศนา
อย่างไรก็ตาม นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย ยังไม่ได้ระบุว่าจะเปิดจำหน่ายหรือรับจอง Nissan Leaf 2018 ใหม่ ในทันทีเลยหรือไม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจแค่เอามาโชว์เรียกกระแสเป็นไฮไลท์ล่วงหน้าให้กับบูธ Nissan ภายใต้คอนเซ็ปต์ "นวัตกรรมที่ตื่นเต้นเร้าใจ" (Innovation That Excites) ซึ่งจะถ่ายทอดแนวคิดการขับเคลื่อนอัจฉริยะ "นิสสัน อินเทลลิเจนท์ โมบิลิตี้" (Nissan Intelligent Mobility) ก่อนที่จะมีการเปิดจำหน่ายจริงในไทยอีกไม่นานนับจากนี้
สำหรับรายละเอียดขุมพลังไฟฟ้าของ Nissan Leaf 2018 ใหม่ เบื้องต้นนั้นจะยังใช้มอเตอร์ EM57 แบบเดียวกับ Nissan Leaf โฉมเก่า แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้มีกำลังสูงสุดมากขึ้นเป็น 147 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ระยะทางวิ่งสูงสุด 240 กม. (ตามมาตรฐานการทดสอบ EPA หรือ The Federal Environmental Protection Agency ของอเมริกา) โดย Nissan Leaf 2018 ใหม่ จะใช้แบตเตอรี่แบบ Li-ion 40 กิโลวัตต์-ชั่วโมง ระยะเวลาชาร์จไฟประมาณ 8 ชม. (6kW) และ 16 ชม. (3kW) สำหรับการชาร์จไฟแบบปกติ (Normal Charging) แต่ถ้าหากเป็นการชาร์จไฟแบบเร็ว (Quick Charging) เมื่อมีการแจ้งเตือนจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที ในการชาร์จให้ไฟในแบตเตอรี่มีปริมาณ 80 เปอร์เซ็นต์)
นอกเหนือจากขุมพลังขับเคลื่อนที่เป็นไฟฟ้าล้วนแล้ว ส่วนที่น่าสนใจใน Nissan Leaf 2018 ใหม่ คงหนีไม่พ้นฟีเจอร์ทันสมัยอย่างระบบช่วยขับขี่ ProPILOT ที่ทำให้ Nissan Leaf 2018 ใหม่ ขับตามรถยนต์คันหน้าได้เอง โดยจะรักษาระยะห่างให้อัตโนมัติในช่วงความเร็วที่กำหนดโดยผู้ขับขี่ (ระหว่าง 30-100 กม./ชม.) แต่อย่างไรก็ตามผู้ขับขี่ยังต้องเป็นผู้ควบคุมพวงมาลัยตลอดเวลา
และถ้ารถคันหน้ามีการเบรกจนหยุด ระบบ ProPILOT ของ Nissan Leaf 2018 ใหม่ จะทำการเบรกโดยอัตโนมัติเพื่อชะลอความเร็วไปจนถึงหยุดนิ่งอยู่กับที่ได้เองถ้าจำเป็น (เมื่อรถหยุดแล้วผู้ขับขี่ไม่เหยียบเบรกรถก็จะไม่เคลื่อนที่) เมื่อรถคันหน้าเคลื่อนตัวระบบ ProPILOT จะเริ่มทำงานเมื่อผู้ขับขี่กดปุ่มอีกครั้งหรือเหยียบคันเร่ง โดยระบบดังกล่าวจะช่วยลดอาการเหนื่อยล้าของผู้ขับขี่บนทางหลวงหรือการจราจรที่แออัดแบบกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดีแต่จะมีติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานหรือไม่อย่างไรก็ต้องว่ากันอีกที
จริง ๆ แล้วเรื่องสำคัญที่หลายคนรอคอยและอยากรู้ตอนนี้คงเป็นราคาจำหน่าย ซึ่งด้วยเทคโนโลยีของ Nissan Leaf 2018 ใหม่ อาจทำให้มันเป็นรถโลกสวยไร้มลพิษก็จริงแต่ราคาคงไม่สวยได้อย่างที่ใจต้องการ (ในอเมริการาคาเริ่มต้นก็เกือบ 1 ล้านบาท เข้าไปแล้ว) แต่เราก็แอบหวังแค่ว่าจะไม่ขี้เหร่หรือต้องเปย์หนักจนเกินไปนัก ส่วนจะขายปีนี้หรือปีหน้า รอกันมาขนาดนี้แล้วยังไงก็รอได้
