บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมเปิดตัว Mercedes-AMG GT 2018 ในประเทศไทยวันที่ 20 พฤศจิกายน 2560 ซึ่งจัดว่าเป็นรถที่ Mercedes-Benz ตั้งใจสร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นรถสปอร์ตแท้โดยกำเนิดแบบโดด ๆ ไม่ต้องอาศัยพื้นฐานร่วมกับรถซีดานรุ่นอื่นใดเลย จึงเรียกได้เต็มปากว่า Pure Sport Car แต่ครั้งนี้จะเป็นเพียงการปรับโฉมใหม่ให้มีความขลังและดุดันขึ้นเท่านั้น
Mercedes-AMG GT 2018 ใหม่ ที่จะเปิดตัวในไทย น่าจะมาพร้อมกระจังหน้าใหม่ที่เก่าและคลาสสิกกว่าเดิม เพราะ Mercedes-AMG GT 2017 รุ่นปัจจุบันก็อ้างอิงแบบกระจังหน้าตามซูเปอร์คาร์รุ่นปู่ที่เป็นดาวค้างฟ้า (ส่วนราคาอยู่ในชั้นอวกาศ) อย่าง Mercedes-Benz 300 SL Gullwing อยู่แล้ว แต่ Mercedes-AMG GT 2018 ใหม่ จะย้อนกลับไปใช้กระจังหน้าซี่ตั้งตามแบบ Mercedes-Benz W194 หรือ 300 SL เวอร์ชั่นที่เป็นรถแข่งเลอ ม็องส์ ปี 1952 เรียกว่ายกระดับความเก๋าขึ้นไปอีกนิด
ซึ่งถ้าใครมองว่าแปลก ไม่สวยหรือเชย ทีมออกแบบ Mercedes-Benz คิดได้อย่างไร คำตอบก็อย่างที่เกริ่นไปคือคงไม่ได้คิดเพราะเอาแบบมาจากรถแข่งในตำนานของ Mercedes-Benz พูดให้เท่หน่อยคงเป็นการระลึกถึงอดีตอันเกรียงไกร (ต่างประเทศมักใช้คำว่า pay homage to…) เพื่อปลุกจิตวิญญาณความเก๋าหรือเอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ก็ความหมายเดียวกัน และกระจังหน้าซี่ตั้งอาจถูกนำมาใช้กับรถ Mercedes-AMG รุ่นใหม่ในอนาคตด้วย เพราะรถต้นแบบล่าสุดหลายรุ่นของ Mercedes-Benz ก็เริ่มใช้กระจังหน้าดีไซน์นี้หลายคันแล้ว โดยในส่วนอื่นเรายังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงนักแต่พอให้อภัยกันได้สำหรับซูเปอร์คาร์ที่ไม่ใช่รถตลาด
- Mercedes-AMG GT*
เครื่องยนต์ วี 8 สูบ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 476 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 630 นิวตันเมตร ที่ 1,700-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7 สปีด สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.0 วินาที
- Mercedes-AMG GT S*
เครื่องยนต์ วี 8 สูบ ขนาดความจุ 4.0 ลิตร ทวิน-เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 522 แรงม้า ที่ 6,250 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร ที่ 1,800-5,000 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7 สปีด สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.8 วินาที
*อ้างอิงจาก Mercedes-AMG GT 2018 ที่จำหน่ายในอังกฤษเพราะเป็นรถพวงมาลัยขวา และไทยคงไม่ขึ้นไลน์ประกอบให้เสียเวลาแน่
แน่นอนว่า handling ของ Mercedes-AMG GT 2018 (2017 ก็ด้วย) จะต่างจากรถ Sporting Coupe พลังแรงใช้พื้นฐานร่วมกับรถซีดาน เช่น Mercedes-AMG C63 S Coupe อยู่แล้วตั้งแต่การเริ่มดีไซน์ เนื่องจากไม่ต้องแชร์แพลตฟอร์มร่วมกับตัวถังซีดานที่ยังคำนึงถึงเรื่องพื้นที่ใช้สอยด้วย ดังนั้นแคบแค่ไหนก็ไม่ต้องแคร์ การวาง packaging เพื่อเน้นการขับขี่ที่สมบูรณ์แบบเป็นหลักจึงทำได้อิสระกว่า อย่างการวางเครื่องยนต์ด้านหน้าให้อยู่ตำแหน่งกลางตัวรถมากที่สุด (Front-Mid Engine หรือวางกลางลำด้านหน้า) บนโครงสเปซเฟรมน้ำหนักเบาและแข็งแกร่งทนแรงบิดได้มหาศาล ก็ไม่ใช่แนวของรถตลาดที่นิยมทำกัน เป็นต้น (ส่วนซูเปอร์คาร์ประเภทเครื่องวางกลางลำท้าย ห้องโดยสารขยับไปด้านหน้ามาก ๆ ใกล้เคียงรถแข่งนั้นต้องใช้ฝีมือในการควบคุมสูงและอันตรายสำหรับมือใหม่ เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์วางกลางด้านหน้าแบบ Mercedes-AMG GT)
Mercedes-AMG GT จึงจัดว่าเป็นเพียวสปอร์ตคาร์หรือซูเปอร์คาร์สำหรับใครก็ตามที่ต้องการประสบการณ์การขับขี่เข้าหาตัว (ไม่ใช่แค่โชว์นั่นเป็นขาออกจากตัวเพื่อให้คนรอบข้างเห็น) ซึ่ง handling จะต่างจากรถ Sporting Coupe พลังมหาศาลแน่นอน จึงไม่แปลกที่จะต้องจ่ายในราคาสูงกว่าด้วย เว้นเสียแต่ว่าต้องการแค่แรงม้าสูง ๆ เพื่อเอาไว้โชว์เท่านั้นและไม่ผิดเพราะเรื่องแบบนี้อยู่ที่ความพอใจกระเป๋าใครกระเป๋ามันอยู่แล้ว
ส่วนรายละเอียดอื่นสำหรับ Mercedes-AMG GT คงต้องรอวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้งว่าสรุปแล้วจะเป็นอย่างไรเพราะรถประเภทนี้ถ้าจะว่ากันจริง ๆ ดีเทลมหาศาล และโอกาสที่คนปกติหาเช้ากินค่ำทั่วไปจะได้ครอบครองนั้นมีไม่ค่อยมาก ไม่ใช่รถหายากแต่เงินต่างหากที่หายากคิดแล้วเศร้าใจจัง
